‘เนสท์เล่’ ลุยขาย ‘สตาร์บัคส์’ พร้อมดื่มในไทย เพิ่มดีกรีแข่งขันเข้มข้น
สำหรับ สตาร์บัคส์ ดับเบิ้ลช็อต เอสเปรสโซ พร้อมดื่มมาพร้อมกัน 3 รายการ ได้แก่ สตาร์บัคส์ ดับเบิ้ลช็อต เอสเปรสโซ อเมริกาโน ไม่มีน้ำตาล สตาร์บัคส์ ดับเบิ้ลช็อต เอสเปรสโซ ลาเต้ และสตาร์บัคส์ ดับเบิ้ลช็อต เอสเปรสโซ อเมริกาโน รูปแบบกระป๋อง ขนาด 220 มิลลิลิตร(มล.) ราคาขายปลีก 49 บาท
ย้อนไป 2 ปีก่อน ตลาดกาแฟพร้อมดื่มพรีเมียม หรือราคาขาย 30 บาทขึ้นไป ยังมีขนาดเล็ก มูลค่าราว 500 ล้านบาทเท่านั้น ทว่า ศักยภาพเติบโตมีสูง ด้วยไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่รักสะดวกสบาย พกพาเครื่องดื่มไปได้ทุกที่ทุกเวลา ทำให้บิ๊กแบรนด์ตบเท้าลงสนาม
สำหรับผู้เล่นรายสำคัญในตลาดกาแฟพร้อมดื่มพรีเมียม ได้แก่ กาแฟจากญี่ปุ่นแบรนด์ บอสคอฟฟี่ ใต้เงาซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบฟเวอเรจ (ประเทศไทย) ที่มาในรูปแบบขวด PET ขนาด 250 มล. ราคาขาย 35 บาท อีกแบรนด์จากแดนซามูไร ยูซีซี บรรจุขวด PET ขนาด 274 มล. ราคา 39 บาท และยูซีซี บรรจุกระป๋องขนาด 185 มล. ราคา 39 บาท อเมซอน ของยักษ์ใหญ่โออาร์ มารูปแบบขวด PET ขนาด 200 มล. ราคา 35 บาท
นอกจากนี้ แบรนด์ใหญ่-เล็กอื่นๆ พยายามเบียดตัวจากตลาดทั่วไป(Mass) ให้มีความพรีเมียมมากขึ้น เช่น เบอร์ดี้ คาเฟ่ ในขวด PET ขนาด 200 มล. ราคา 29 บาท อาราบัส ขวด PET ขนาด 200 มล. ราคา 29 บาท หรือแม้แต่ เนสกาแฟ ก็มีกาแฟพร้อมดื่มกระป๋องพรีเมียม ขนาด 210 มล. ราคา 29 บาท ทำตลาดอยู่แล้วเช่นกัน (ราคาอ้างอิงทั้งหมดจากร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น)
หากมองตลาดทั่วไปของกาแฟพร้อมดื่ม ยังมีอีกสารพัดแบรนด์ที่ทำตลาด แต่ “ผู้นำ” คือ “เบอร์ดี้” จากค่ายอายิโนะโมะโต๊ะ ซึ่งระบุส่วนแบ่งทางการตลาดกึ่งหนึ่งหรือราว 50% นั่นเอง
กว่าสตาร์บัคส์พร้อมดื่มจะเสิร์ฟในไทย ใช้เวลาถึง 7 ปี หลังจากย้อนไปปี 2561 “เนสท์เล่” ยักษ์อาหารเครื่องดื่มโลก ได้ทุ่มเงินก้อนโตมูลค่า 7,150 ล้านดอลลาร์ จ่ายให้กับ “สตาร์บัคส์” เพื่อซื้อสิทธิในการทำตลาด และจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่มที่มีรูปแบบเป็นบรรจุภัณฑ์หรือสินค้ากลุ่มซีพีจี(Consumer Packaged Goods) แต่ที่ผ่านมาสินค้าปลีกที่จำหน่ายนำร่อง คือ กลุ่มกาแฟสตาร์บัคส์ที่บริโภคภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดกาแฟ กาแฟคั่วบด รวมถึงการผลิตแคปซูลกาแฟ “สตาร์บัคส์” ที่ใช้กาแฟ และเทคโนโลยีของเอสเปรสโซ และเนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้
สำหรับกาแฟสตาร์บัคส์ ดับเบิ้ลช็อต เอสเปรสโซ ยังไม่ได้ผลิตในประเทศไทย แต่ “เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด นำเข้าจากประเทศมาเลเซีย โดยผู้ผลิตคือ บริษัท นิฮอน แคนแพค (มาเลเซีย) เอสดีเอ็น. บีเอชดี.
“สตาร์บัคส์” เป็นแบรนด์ที่ทรงอิทธิพลต่อ “คอกาแฟ” รวมถึงผู้บริโภคอย่างมาก เพราะไม่เพียงแบรนด์ที่แกร่ง ในประเทศไทยการดื่มกาแฟ ถือแบรนด์ดังกล่าว ถูกมองพรีเมียม เสริมภาพลักษณ์ได้ด้วย ส่วนที่ร้านก็เปรียบเสมือน Third Place เป็นที่ทำงานของผู้คน แหล่งติวหนังสือของนักศึกษา เป็นต้น
การขยายตลาดกาแฟพร้อมดื่มครั้งนี้ “เนสท์เล่” มีความแข็งแกร่งด้านพอร์ตโฟลิโอ ตั้งแต่เนสกาแฟ เจาะตลาดแมส ไปถึงสตาร์บัคส์ ดับเบิ้ลช็อต เอสเปรสโซ รุกเซ็กเมนต์พรีเมียม และเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคที่อยากลองดื่มสตาร์บัคส์บ้าง สามารถเข้าถึงได้ในราคาเบาๆ 49 บาท เทียบกับการเข้าร้าน ต้องจ่ายแต่ละครั้งค่อนข้างสูงหลัก “ร้อยบาท” และการลงสนามครั้งนี้ ตลาดกาแฟพรีเมียมจะเข้มเข้น แข่งเดือด! กว่าเดิม
ภาพรวมตลาดกาแฟในประเทศไทยมีขนาดใหญ่ และมูลค่ารวมกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท และคนไทยบริโภคกาแฟเฉลี่ย 300 แก้วต่อคนต่อปี แนวโน้มการเติบโตอยู่ระดับ 9% ใน 10 ปีข้างหน้า สำหรับตลาดกาแฟพร้อมดื่มทั่วไป ราคาอยู่ที่ 10 บาท ส่วนพรีเมียมราคา 30 บาทขึ้นไป (ที่มา : Tetra Pak Compass)
พิสูจน์อักษร….สุรีย์ ศิลาวงษ์