เจอแล้ว! บ้านเก่า “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น เมื่อก่อนกลับบ้านทุกปี คนจะเรียก “พระจอร์จ”
เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ผู้สื่อข่าวยังทำการตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี หลังมีข้อมูลว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาพบว่า ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ฉบับปี พ.ศ. 2526 ระบุว่าเป็นบ้านเลขที่ 37/60 หมู่ 4 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าที่อยู่ดังกล่าวเป็นบ้านพักข้าราชการของสำนักงานทางหลวงที่ 7 ขอนแก่น กรมทางหลวง
โดยผู้สื่อข่าวได้พบกับชาวบ้านที่มีบ้านพักใกล้กับบ้านเลขที่นี้ภายในสำนักงาน เล่าให้ฟังว่า บ้านเลขที่ดังกล่าวเดิมเป็นบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่า พระจอร์จ และนิสัยของพระจอร์จนั้น มีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระจอร์จจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดโรงเรียนที่พระจอร์จเคยศึกษา คือโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย ช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระจอร์จยังมีชีวิตนั้น พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ในละแวกนี้เล่นสนุกสนาน เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน
พี่สาวของพระจอร์จก็ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ และบ้านของครอบครัวพระจอร์จนั้น จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง ซึ่งมีการสร้างประตูเหล็กให้ไปมาได้สะดวก แต่พอครอบครัวพระจอร์จเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ก็ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน โดยพระจอร์จนั้นออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระจอร์จนั้นจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยที่พระจอร์จเป็นศิษย์เก่า มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ และตอนที่พระอลงกตมาทำบุญทุกปีจะมีญาติโยมมาร่วมจนเต็มพื้นที่
นอกจากนี้ช่วงที่พระจอร์จเรียนที่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลันนั้นยังเป็นนักกีฬาฟุตบอลด้วย เป็นคนใจดี ยิ้มเก่ง และคาดว่าเรียนจบ ม.ต้นก็ไปต่อสายอาชีพที่โรงเรียนเทคนิคขอนแก่นใกล้บ้าน แต่ทุกคนจะไม่รู้ว่าชื่อ-สกุลจริงของพระจอร์จชื่ออะไร มาทราบจากข่าวเช่นกัน แต่พ่อของพระจอร์จนั้นชื่อ เฉย แต่ไม่มีใครทราบนามสกุลว่านามสกุลอะไร พอเห็นข่าวก็รู้สึกตกใจ และสงสารพระจอร์จ ไม่อยากจะเชื่อ เพราะเท่าที่เคยเห็นเคยสัมผัสเป็นคนใจดี
ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวได้พบกับ นางจารุณี สุตะชา อายุ 64 ปี ประธานชุมชนบะขาม หมู่ 4 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวอยู่ในซอยอำพล บ้านเลขที่ 143/21 หมู่ 4 จากการสำรวจพบว่าปิดล็อกประตูไว้นานแล้ว สภาพบ้านเป็นบ้านร้าง มีจดหมายในตู้จดหมายหลายฉบับ สภาพขาดจากฝนตกใส่ และเป็นจดหมายเก่า โดยจ่าหน้าซองถึงบุคคลในครอบครัวพี่สาวพระอลงกต โดยนามสกุลเป็น นกหงษ์ ของครอบครัวสามีพี่สาว
นางจารุณี กล่าวว่า เป็นประธานชุมชนมาตั้งแต่ปี 2543 สมัยนั้นถ้าจำไม่ผิดพระอลงกตเป็นพระแล้ว ซึ่งข้อมูลที่ตนเองทราบนั้นเป็นข้อมูลที่ทราบในฐานะของประธานชุมชนได้สำรวจสำมะโนประชากร เดิมทีบ้านหลังนี้เป็นบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้ชื่อนี้ แต่ตนเองก็จำไม่ได้ว่าชื่ออะไรเพราะนานแล้ว นามสกุลของพ่อเฉย ก็จำไม่ได้เช่นกัน โดยที่บ้านหลังนี้จะมีพ่อเฉยซึ่งภรรยาพ่อเฉยเสียชีวิตไปก่อนหน้านั้นหลายปี และมีพี่เขยกับพี่สาวอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ โดยพ่อเฉยและพี่เขยพระอลงกตทำงานที่สำนักงานทางหลวง มีการทำประตูสามารถเข้าออกไปยังสำนักงานซึ่งใกล้กับบ้านพักข้าราชการได้สะดวก และปกติครอบครัวนี้จะใช้ประตูที่ติดกับรั้วสำนักงานทางหลวง จะไม่ค่อยออกประตูเข้าชุมชนบะขาม
"พ่อเฉยเสียชีวิตไปเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน บ้านก็เป็นของลูกสาวซึ่งเป็นพี่พระอลงกต ส่วนพระอลงกตสมัยเป็นวัยรุ่นก็จะไม่ค่อยอยู่ที่บ้าน มาเป็นครั้งคราว หลังจากพ่อเฉยเสียชีวิตก็หายไป ทราบคร่าวๆ ว่าไปบวช กระทั่งมาเห็นอีกทีเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุแล้ว ซึ่งตนเองยังเคยได้ไปดูงานที่วัดพร้อมกับชาวชุมชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น 30-40 คน โดยเดินทางด้วยรถของเทศบาลฯ เนื่องจากสมัยนั้นวัดพระบาทน้ำพุดังในเรื่องของโรค HIV และช่วงโควิดทางอาจารย์ที่ มข.ได้ทำผ้าป่าได้เงินประมาณ 500,000 กว่าบาท ไปทอดถวายที่วัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งตนเองและชาวชุมชน รวมทั้งประธานชุมชนอื่นๆ ในเขตเดียวกันเดินทางไปร่วมบุญด้วย และยังเห็นพี่สาวของพระอลงกตทำหน้าที่ในครัวดูแลเรื่องอาหารของวัดด้วย
พระอลงกตจะมาบ้านช่วงหลังสงกรานต์ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงวันเกิดพระอลงกต โดยก่อนจะมานั้น พี่สาวพระอลงกตจะให้แม่ครัวมาทำอาหารที่บ้านหลังนี้เพื่อเตรียมถวาย และเลี้ยงชาวบ้าน โดยมีการเชิญผู้สูงอายุมาร่วมเพื่อรดน้ำผู้สูงอายุและมอบเงินให้รายละ 1,000 บาทเป็นการทำบุญวันเกิด แต่คนในชุมชนจะไม่ค่อยได้ไปร่วมมีเพียงฝั่งทางญาติๆ และคนในย่านบ้านพักสำนักงานทางหลวงที่จะได้ ซึ่งตนเองในฐานะประธานชุมชนได้ไปดูเพื่ออยากเห็นว่าลูกบ้านตัวเองไปเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุด้วยความชื่นชม"
นางจารุณี กล่าวต่อว่า พอเห็นข่าวส่วนตัวไม่ได้ตกใจ คิดอยู่ว่าสักวันจะต้องออกมาในลักษณะนี้ เพราะเงินมันเยอะ ไม่อยากจะพูดว่าเห็นเงินเยอะแล้วเกิดกิเลส พระก็คนคนหนึ่ง ซึ่งกิเลสไม่ได้อยู่ที่พระ แต่โยมเป็นคนนำกิเลสไปให้ จากแรกๆ ตั้งใจจริงพอเงินเยอะก็ทำให้เผลอได้ และเรื่องความศรัทธาส่วนตัวตอนนี้ยังศรัทธาในพระพุทธศาสนาทำบุญตักบาตรตามปกติ แต่จะเลือกว่าจะทำที่ไหนจึงจะสบายใจ