‘มาริษ’ เยี่ยมสำนักงานใหญ่ผลิตเครื่องบิน ‘กริพเพน’ ผู้บริหารเล็งตั้งศูนย์วิจัยพัฒนาซอฟต์แวร์ในไทย
“มาริษ” เยี่ยม สนง.ใหญ่ บริษัท SABB ผลิตเครื่องบินกริพเพน ชมนวัตกรรมด้านความมั่นคง ขณะCEO เผยเล็งตั้งศูนย์วิจัยในไทย สร้างความร่วมมือระยะยาว
26 สิงหาคม 2568 - ที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน (25 ส.ค.) นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปยัง สำนักงานใหญ่ Saab AB ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินขับไล่ Gripen โดยมี นาย Micael Johansson ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Saab AB พร้อมคณะผู้บริหารและการต้อนรับ พาเยี่ยมชม นวัตกรรมเทคโนโลยีด้านความมั่นคง ของ Saab AB ภายหลังที่ไทย มีการลงนาม จัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพนร่วมกับสวีเดน Gripen E/F ระยะที่ 1 เรียบร้อยแล้ว พร้อมบรรยายถึง ศักยภาพของ Gripen E/F ที่มีความทันสมัย มีขีดความสามารถที่สูง คุณสมบัติที่โดดเด่นของ Gripen E/F คือ เรดาร์ AESA (Active Electronically Scanned Array) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเรดาร์ที่ช่วยให้สามารถตรวจจับเป้าหมายได้แม่นยำขึ้น มีความสามารถในการป้องกันการรบกวน และสามารถมองเห็นและติดตามเป้าหมายได้พร้อมกันหลายเป้าหมาย
ขณะที่ความสามารถในการบรรทุกอาวุธมีการเพิ่มจุดติดตั้งอาวุธ 10 จุด ทำให้สามารถบรรทุกอาวุธได้หลากหลายมากขึ้น ซึ่งนอกจาก Gripen แล้ว บ.Saab AB ยังมีผลิตภัณฑ์ทางด้านเทคโนโลยีความมั่นคง หลายชนิด ทั้งอากาศยานไร้คนขับ (UAV) , เรือดำน้ำที่มีระบบขับเคลื่อนที่ไม่ต้องขึ้นสู่ผิวน้ำ และระบบความมั่นคงทั้งความปลอดภัยสาธารณะ และความปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วย
นาย Micael Johansson ( มิคาเอล โยฮันสัน ) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Saab AB ให้สัมภาษณ์ถึงประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพนครั้งนี้ (Offset Policy) ว่า โครงการความร่วมมือในเฟสแรกจะเน้นไปที่การถ่ายโอนเทคโนโลยีและความรู้เกี่ยวกับการเชื่อมโยงระบบต่างๆ (Link Capability) เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อแพลตฟอร์มต่างๆ ของไทยได้ ไม่ว่าจะเป็นเรือรบ, เครื่องบินเตือนภัยทางอากาศ (Airborne Early Warning) และเครื่องบินขับไล่กริพเพน (Gripen Fighter)
นาย Micael กล่าวว่าการทำงานร่วมกันกับบุคลากรในอุตสาหกรรมและกองทัพอากาศไทยในการขยายขีดความสามารถและสร้างเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งตนรู้สึกประทับใจอย่างมากกับแนวทางการทำงานของไทยและคิดว่าสวีเดนสามารถเรียนรู้จากไทยได้
นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือในเรื่อง การซ่อมบำรุงอากาศยาน, การอัปเกรดขีดความสามารถของเครื่องบินเตือนภัยทางอากาศ ตลอดจนด้านการศึกษา เพื่อให้วิศวกรไทยได้มีโอกาสไปเรียนรู้งานด้านการบินและอวกาศในสวีเดน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอนาคตจะมีการตั้งสำนักงานวิจัยและพัฒนา Saab R&D Office ในไทย ซึ่งจะพัฒนาความสามารถวิศวกรไทยในการพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเองเพื่อติดตั้งในเครื่องบินได้ เนื่องจากเครื่องบินของ Saab ถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้งานสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์เพิ่มเติมได้เอง รวมถึงการใช้เทคโนโลยี AI ทั้งหมดนี้ถือเป็นความร่วมมือในระยะยาวระหว่าง Saab กับไทย