ทรัมป์ปลดผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ จากข้อกล่าวหาฉ้อโกงสินเชื่อที่อยู่อาศัย
โดนัลด์ ทรัมป์ขยายแรงกดดันต่อธนาคารกลางสหรัฐฯ ด้วยการปลดผู้ว่าการโดยให้มีผลทันที ซึ่งเป็นขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่อิสระของธนาคารกลางกล่าวว่าเขาทำเกินกว่าอำนาจ
ลิซา คุ้ก ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (ซ้าย) และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ (Photo by SAUL LOEB and ANDREW CABALLERO-REYNOLDS / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 26 สิงหาคม 2568 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ สั่งปลดลิซา คุ้ก ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) โดยให้มีผลทันที จากข้อกล่าวหาฉ้อโกงสินเชื่อที่อยู่อาศัย
การตัดสินใจของทรัมป์ต่อสตรีผิวดำคนแรกที่ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการของธนาคารกลางสหรัฐฯ อ้างถึงข้อกล่าวหาเรื่องการให้ถ้อยคำเท็จของเธอในข้อตกลงสินเชื่อที่อยู่อาศัย
ทรัมป์เขียนจดหมายถึงคุ้กโดยอ้างถึงพระราชบัญญัติธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่า "ข้าพเจ้าได้พิจารณาแล้วว่ามีเหตุผลเพียงพอที่จะปลดท่านออกจากตำแหน่ง"
อย่างไรก็ตาม คุ้กปฏิเสธอำนาจของประธานาธิบดีในการดำเนินการดังกล่าว โดยกล่าวว่าไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่เธอสมควรถูกปลด
"ข้าพเจ้าจะไม่ลาออก ข้าพเจ้าจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจของอเมริกา" คุ้กกล่าวในแถลงการณ์ที่แอ็บบี โลเวลล์ ทนายความของเธอได้แชร์กับสื่อมวลชนสหรัฐฯ
โดยทั่วไปแล้ว ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีข้อจำกัดทางอำนาจในการปลดเจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง โดยศาลสูงเพิ่งมีคำพิพากษาที่ระบุว่าการปลดเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ออกจากตำแหน่งจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุอันควร ซึ่งอาจตีความได้ว่าหมายถึงการประพฤติมิชอบหรือการละทิ้งหน้าที่
แต่ผู้นำสหรัฐฯ ได้ชี้ให้เห็นถึงการส่งหมายอาญาลงวันที่ 15 สิงหาคม จากผู้อำนวยการสำนักงานการเงินที่อยู่อาศัยของรัฐบาลกลาง ซึ่งเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นของทรัมป์ ถึงอัยการสูงสุดสหรัฐฯ ในการประกาศว่าคุ้กจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง
ทรัมป์กล่าวว่าการอ้างอิงดังกล่าวนั้นเป็นเหตุและผลเพียงพอที่จะเชื่อว่าคุ้กอาจให้การเท็จในสัญญาจำนองอย่างน้อยหนึ่งฉบับ
หนึ่งในคำให้การเท็จที่ถูกกล่าวหาคือการที่คุ้กอ้างสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยหลักสองแห่งในรัฐมิชิแกนและจอร์เจีย
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯไม่ได้ตอบคำถามสื่อเกี่ยวกับประกาศล่าสุดของทรัมป์ในทันที
ในจดหมายแจ้งเมื่อวันจันทร์ ทรัมป์ระบุว่า "อย่างน้อยที่สุด พฤติกรรมที่เป็นประเด็นแสดงให้เห็นถึงความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงในการทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งตั้งคำถามถึงความสามารถและความน่าเชื่อถือของคุณในฐานะผู้กำกับดูแลทางการเงิน"
ทั้งนี้ ความพยายามของทรัมป์ในการปลดคุ้กมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดการต่อสู้ทางกฎหมาย และเธออาจได้รับอนุญาตให้ดำรงตำแหน่งต่อไปในช่วงเวลานี้
วุฒิสมาชิกเอลิซาเบธ วอร์เรน ผู้นำพรรคเดโมแครตในคณะกรรมาธิการการธนาคารของวุฒิสภา เรียกการกระทำของทรัมป์ว่า "การช่วงชิงอำนาจแบบเผด็จการที่ละเมิดพระราชบัญญัติธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่างโจ่งแจ้ง"
เธอกล่าวเสริมในแถลงการณ์ว่าเรื่องนี้ต้องถูกพลิกกลับในศาล
ทรัมป์ได้เพิ่มแรงกดดันต่อธนาคารกลางในปีนี้ โดยวิพากษ์วิจารณ์เจอโรม พาวเวลล์ ประธานคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่ลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่านี้ แม้จะมีข้อมูลเงินเฟ้อกดดันอยู่แล้วก็ตาม
ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางฯใช้ความระมัดระวังในการลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่พวกเขาติดตามผลกระทบของภาษีศุลกากรของทรัมป์ต่อระบบเศรษฐกิจในประเทศ
ทรัมป์เองก็ไม่เคยปิดบังความดูถูกเหยียดหยามต่อพาวเวลล์ ซึ่งเขาใช้คำเรียกว่าคนโง่และเซ่อ
ก่อนหน้านี้เขายังเคยวิจารณ์การปรับปรุงสำนักงานใหญ่ของธนาคารกลางว่ามีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป และนั่นอาจเป็นเหตุผลในการพยายามขับไล่พาวเวลล์
ทรัมป์กล่าวในเดือนนี้ว่า เขาได้แนะนำสตีเฟน มิรัน หัวหน้าคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ให้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เพิ่งว่างลง
การที่ประธานาธิบดีตั้งเป้าไปที่คุ้กซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางด้วย เกิดขึ้นหลังจากที่เขาโจมตีพาวเวลล์หลายครั้ง ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อ้างอิงไว้เท่าเดิม
นับตั้งแต่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดในเดือนธันวาคม ธนาคารกลางฯได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25-4.50% ในปีนี้ และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พาวเวลล์ได้เปิดทางให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในเดือนกันยายน
คุ้กเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคม 2022, ได้รับการแต่งตั้งให้กลับเข้าดำรงตำแหน่งคณะกรรมการอีกครั้งในเดือนกันยายน 2023 และเธอได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในช่วงปลายเดือนเดียวกันนั้น โดยมีวาระสิ้นสุดในปี 2038
ก่อนหน้านี้เธอเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจในสมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
ที่ผ่านมารัฐบาลทรัมป์ได้ดำเนินคดีต่อสมาชิกพรรคเดโมแครตที่มีชื่อเสียงซึ่งถูกมองว่าเป็นศัตรูทางการเมืองของประธานาธิบดี ด้วยข้อกล่าวหาฉ้อโกงสินเชื่อที่อยู่อาศัย.