"พรรคประชาชน" ยันสนับสนุน "ค่าโดยสารร่วม" ไม่ใช่แค่ตั๋วร่วม
สส.พรรคประชาชน นำโดย สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กรุงเทพฯ (หลักสี่ จตุจักร บางเขน) ร่วมแถลงข่าวหลังสภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทางรางจำนวน 3 ฉบับ ประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางราง, ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และ ร่าง พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
โดยสุรเชษฐ์กล่าวว่า ช่วงแรกที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เคยประกาศจะทำนโยบาย 20 บาทตลอดสาย ภายใน 3 เดือน ต่อมาเลื่อนเป็นภายใน 2 ปี จะเริ่มวันที่ 1 ตุลาคม 2568 แต่ล่าสุดก็เลื่อนอีก .การพิจารณากฎหมายทั้ง 3 ฉบับของสภาผู้แทนราษฎรถือว่าดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว
เริ่มที่ร่าง พ.ร.บ.ขนส่งทางราง ผ่านฉลุย ข้อเรียกร้องต่างๆ ที่มีในร่างของพรรคประชาชน ก็ได้ใส่เข้าไปในร่างที่ผ่านสภา ถือเป็นความสำเร็จร่วมกันของสภาผู้แทนราษฎร.
ร่างต่อมาคือ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ในภาพรวมพรรคประชาชนสนับสนุน นี่คือสิ่งที่ดี และถ้าถามว่า พ.ร.บ.ฉบับไหนสำคัญที่สุด เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินนโยบายเรือธงของรัฐบาล ก็คือ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม เพราะจะทำให้ทุกคนได้รับความสะดวกสบายในการเดินทาง
โดยหลักการที่สำคัญคือใช้บัตรใบเดียวได้กับทุกขนส่งสาธารณะ ไม่ต้องถือหลายใบ ไม่ต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน ส่วนอีกคำที่แตกต่างและมีนัยสำคัญอย่างยิ่งคือ “ค่าโดยสารร่วม” ซึ่งมีความเห็นต่างกันในเชิงนโยบาย ทางรัฐบาลโฆษณานโยบายตั๋วร่วม 20 บาทตลอดสาย แต่ความจริงสิ่งที่รัฐบาลจะทำคือค่าโดยสารร่วม 20 บาทตลอดทางเฉพาะรถไฟฟ้า
ส่วนพรรคประชาชนจะทำ “ค่าโดยสารร่วม 8-45 บาทตลอดทาง รถไฟฟ้าร่วมกับรถเมล์” ซึ่งโดยโครงสร้างของ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม รองรับการทำทั้งตั๋วร่วมและค่าโดยสารร่วมแบบที่พรรคประชาชนเสนอ
ส่วน พ.ร.บ.สุดท้าย คือ พ.ร.บ.รฟม. เป็นร่างที่มีความเห็นแตกต่างกัน โดยมาตรา 8 ถือเป็นแก่นสารหลักที่รัฐบาลไปล้วงกระเป๋า รฟม. ซึ่งพรรคประชาชนไม่เห็นด้วย จึงลงมติไม่เห็นชอบ อย่างไรก็ตามรัฐบาลครองเสียงข้างมาก จึงผ่านไปได้ทั้งสามฉบับ
ดังนั้นตอนนี้ถือว่ารัฐบาลมีเครื่องมือครบ ซึ่งที่จริงต้องการเพียงสองฉบับแรก ส่วนฉบับที่สามแค่บอกว่าจะเอาเงินมาจากไหน ซึ่งพรรคประชาชนไม่เห็นด้วยกับวิธีการล้วงกระเป๋า รฟม. เสี่ยงต่อการผิดวินัยการเงินการคลัง
สุรเชษฐ์ ทิ้งท้ายว่า สิ่งที่ต้องดูต่อไปคือ (1) นโยบายเรือธงของรัฐบาลจะเลื่อนไปถึงเมื่อไร เพื่อจะดำเนินการตามที่หาเสียงไว้ และ (2) จะดำเนินการตาม พ.ร.บ. ทั้งสามฉบับหรือไม่ เพราะถ้าดำเนินการตามทั้งสามฉบับ เป็นสิ่งที่ดีที่ประชาชนจะได้ใช้บัตรใบเดียวแตะเข้า-ออก มีส่วนลดค่าโดยสารทั้งรถเมล์และรถไฟฟ้า
จากนั้น ศุภณัฐ กล่าวว่าในฐานะตัวแทน สส.กทม. ของพรรคประชาชน ยืนยันว่าเราเห็นด้วยกับการอุดหนุนค่าโดยสารให้พี่น้องประชาชน เห็นด้วยกับการทำตั๋วร่วมและค่าโดยสารร่วม ที่ผ่านมาหลายประเด็นในร่างตั๋วร่วมของ ครม. ที่เสนอมาไม่ครบถ้วน ก็ต้องอาศัยร่างตั๋วร่วมของพรรคประชาชนทำให้ครบถ้วนมากขึ้น โดยเฉพาะประเด็นการครอบคลุมรถเมล์
ส่วนประเด็นที่ไม่เห็นด้วยมีอยู่เรื่องเดียว คือวิธีการหรือช่องทางในการใช้เงิน คือการไปใช้เงินของ รฟม. แต่ยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากพรรคประชาชน เราเข้าร่วมประชุม กมธ. ทุกครั้งและพยายามให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล ความล่าช้าเกิดจากการวางนโยบายของรัฐบาลที่ผิดพลาด เพราะ กมธ.ตั๋วร่วม ประชุมเสร็จตั้งแต่เดือนเมษายน รัฐบาลเพิ่งจะมาประชุม พ.ร.บ.รฟม. ในเดือนพฤษภาคม
หมายความว่าก่อนหน้านี้ที่มีเวลาเกือบสองปี รัฐบาลไม่ได้วางแผนว่าจะใช้เงินจากช่องทางไหน เพิ่งมาคิดได้หน้างาน จึงยื่นร่าง พ.ร.บ.รฟม. เข้ามา ทำให้เกิดความล่าช้าในการผลักดันนโยบาย สรุปแล้วรัฐบาลสะดุดขาตัวเอง ไม่ใช่ใครอื่น.
ดังนั้นความล่าช้าเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากพรรคประชาชน แต่รัฐบาลคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบ ความเสียหายที่เกิดขึ้นขณะนี้ บางผู้ประกอบการยกเลิกตั๋วเหมาตั๋วรายเดือน ทำให้ประชาชนที่เคยได้ใช้ของราคาถูกได้รับผลกระทบ ทั้งที่รัฐบาลต้องคิดให้ได้เองว่าไทม์ไลน์ต่างๆ ควรจะเสร็จเวลาไหน รัฐบาลควรคำนวณได้เพราะเป็นเจ้าของเสียงข้างมาก.
ยืนยันว่าพรรคประชาชนพยายามผลักดันตั๋วร่วมและค่าโดยสารร่วมมาโดยตลอด แต่เราคัดค้านเกี่ยวกับช่องทางการใช้เงินที่มีปัญหา หลังจากนี้หวังว่ารัฐบาลจะพยายามยึดตามกลไกตั๋วร่วม ทำให้เกิดบัตรโดยสารใบเดียวที่ใช้ได้กับทุกผู้ประกอบการ ไม่ใช่สองใบแบบที่เป็นอยู่ ดึงรถเมล์ รถโดยสารต่างๆ และเรือ เข้ามาอยู่ในระบบตั๋วร่วมด้วยหรือไม่ ต้องฝากประชาชนและสื่อมวลชนช่วยกันติดตามต่อไป