ธุรกิจร้านอาหารเลือดซิบ ร้านใหม่ปิดตัว 50% ใน 1 ปี LMWN เปิดอินไซต์กดสูตรรอดตาย
‘ยอด ชินสุภัคกุล’ ซีอีโอ LINE MAN Wongnai ซึ่งอยู่ในแวดวงธุรกิจร้านอาหารมานานหลายปี ได้ออกมาฉายภาพ “อินไซต์ข้อมูลธุรกิจอาหาร” ของไทยแบบตรงไปตรงมา—และชี้ทางรอดที่ลงมือทำได้ทันทีตอนนี้
เขากล่าวว่า สถานการณ์ธุรกิจร้านอาหารในไทยไม่ค่อยดี ร้านจำนวนมากมียอดขายเฉลี่ยตกลงกว่าครึ่ง แม้กระทั่งกลุ่มร้านอาหารไฟน์ไดนนิ่งที่มีคุณภาพหรือมีมิชลินการันตีก็ยอดขายหายไป ส่วนร้านอาหารทั่วไปชัดเจนก็ได้รับผลกระทบ เช่น เคยขายได้จาก 50,000 บาทต่อวัน เหลือ 20,000 บาท ต้นทุนก็เร่งขึ้นทั้งหมด อาทิ วัตถุดิบเพิ่ม 25% ค่าแรงเพิ่ม 5% ขณะที่นักท่องเที่ยวลดลง โดยเฉพาะจาก จีน และ ชาติเอเชียอื่นๆ ทำให้เกิดผลกระทบต่อกำลังซื้อ
เขายังได้อ้างอิงข้อมูลจาก LINE MAN Wongnai ว่า สถิติข้อมูลร้านค้าทำให้เห็นว่าร้านเดิม สาขาเดิม (same-store) ยอดขายลดลงปีต่อปี โดยเฉพาะในปีล่าสุดที่ลดลง 14% ซึ่งถือว่า มากสุดในรอบหลายปี ด้านร้านอาหารเปิดใหม่ก็เปิดตัวน้อยลง โดยปีนี้คาดเปิดใหม่เพียง 44,000 ร้าน สะท้อนภาวะ “คนกลัวมากขึ้น ไม่มีเงินทุน มองไม่เห็นโอกาสเท่าปีก่อน
อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่า ธุรกิจร้านอาหารมีน้อยลง เพราะยังถือว่ามีอุปทานล้นตลาด หรือ oversupply อยู่
ซีอีโอ LMWN กล่าวต่อว่า นอกจากนี้สถิติยังชี้ชัดว่า ร้านอาหารเปิดใหม่ปิดตัวมากึง 50% ภายใน 1 ปี ธุรกิจร้านอาหารจึงเป็นธุรกิจที่ “เสี่ยงมาก” ระดับที่ ถ้ามีเพื่อนก็ไม่ชวนเข้าธุรกิจ เพราะมีโอกาสเจ๊งครึ่งหนึ่ง พอๆ กับสตาร์ทอัป ถือเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างเหนื่อยมาก สำหรับผู้เล่นรายย่อย
อย่างไรก็ดีสถานการณ์ตอนนี้ทางออกยังมี เพราะบางช่องทาง ยังไปได้ เช่น ฟู้ดเดลิเวอรี ที่ยังโตอยู่ แม้ยอดขายออฟไลน์ตก แต่เดลิเวอรีช่วย “ทดแทน” ได้บางส่วน แม่้ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันยอดขายออฟไลน์ยังเป็นส่วนใหญ่ที่ 70%
แต่แนวทางสำคัญที่ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารต้องปรับตัว คือ ใช้เทคโนโลยีเพิ่มยอด ลดค่าใช้จ่าย ตัวอย่างเช่น ปรับเป็นระบบให้ลูกค้าสั่งเองผ่าน LINE/คิวอาร์โค้ด ซึ่งเป็นการลดข้อผิดพลาด ประหยัดเวลา ลดค่าดำเนินการเรื่องคน หลายประเทศและไทยเองเริ่มใช้ระบบนี้ และจะเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการนำเทคโนโลยีมาทำสองอย่างพร้อมกัน คือ ขยายช่องทางขาย และบริหารต้นทุน คือกุญแจที่ช่วยพยุงร้านให้รอด
ถัดมา ดิจิทัลเพย์เมนต์ หรือระบบชำระเงินออนไลน์ก็สำคัญ เพราะการใช้จ่ายด้วยเงินสดลดลงเรื่อยๆ ร้านค้าจึงต้องเปิดหลายช่องทางรับชำระเพื่อตอบโจทย์
วันนี้ในสภาพกำลังซื้อที่ฝืด จะเห็นผลกระทบว่า ร้านเล็กๆ โดยเฉพาะสแตนอโลนอยู่ยากขึ้น เราเห็นเทรนด์ร้านค้าแบรนด์ใหญ่ขยายสาขาเร็วขึ้น เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด ทั้งชาผลไม้จีน ไอศกรีม กาแฟ สุกี้ แนวโน้มจึงชัดว่า ร้านอาหารยุคนี้ทำเพื่อ “ขยายสาขา” ไม่ใช่แบบสแตนอโลน
‘ยอด’ บอกว่า การขยายเพื่อเติบโตไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งที่น่ากังวลคือ ร้านต้องบริหารจัดการให้ดี และเข้าถึงแหล่งเงินทุน ทว่าในความเป็นจริง ร้านอาหารไทยจำนวนมากไม่ค่อยจดทะเบียน ไม่ทำบัญชี ไม่ยื่นภาษี ซึ่งเป็นดาบสองคม แม้ต้นทุนอาจต่ำลงจริง แต่การขาดงบการเงิน ก็อาจทำให้เติบโตไปต่อได้ยาก เมื่อถึงเวลาต้องขอสินเชื่อในการระดมทุนขยายสาขา
ในมุมมองการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารจากภาครัฐ ‘ยอด’ เสนอว่า ต้องช่วยเหลืออย่างเป็นระบบตามขนาดร้านค้า
ร้านใหญ่ ต้องให้สิทธิทางด้านภาษีเชิงนโยบาย เช่น ช่วยเหลือเรื่องการขยายสาขาในต่างประเทศ หรือทางลัดเข้าสู่ตลาดทุน
ร้านกลาง มีโครงการรูปแบบ Co-payment ยิ่งทำมาก ยิ่งได้มาก และเติบโตไปด้วยกัน
ร้านเล็ก ช่วยด้วยการสนับสนุนค่าใช้จ่ายและอุปกรณ์จำเป็นให้กับร้านในระบบภาษี เช่น โครงการของ depa ผลักดัน SMEs ในการใช้เทคโนโลยี ช่วยลดต้นทุนด้วยเงินสนับสนุน และคูปองดิจิทัล
วันนี้ทางรอดตายของคนทำธุรกิจร้านอาหาร คือ ต้องใช้เทคโนโลยีให้เป็น ลดต้นทุน เพิ่มยอด
ออกแบบเพื่อขยาย คิดตั้งแต่วันแรกว่าจะโตแบบสาขาไม่ใช่สแตนอโลน ทำข้อมูล ทำบัญชีให้ดีเพื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้จริง
และที่สำคัญ ต้องมีความช่วยเหลือจากภาครัฐ เพราะ สถานการณ์ปัจจุบันจำเป็นแล้ว สำหรับธุรกิจร้านอาหารไทย
ทั้งหมดคือข้อสรุปจากมุมมองของ ซีอีโอ LMWN ที่คลุกคลีกับธุรกิจร้านอาหารไทยและเห็นสภาพที่เป็นอยู่ในขณะนี้
สรุปจากงาน CREATIVE TALK CONFERENCE 2025 หัวข้อ Half Year Trends : Business and Economy เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 จัดโดย CTC เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568