กมธ.งบปี 69 กระทุ้ง 'อุตสาหกรรม' เร่งเพิ่มขีดแข่งขัน ดึงเอกชนพัฒนา New S-Curve
สภาผู้แทนราษฎรอยู่ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วาระ 2-3 ระหว่างวันที่ 13-15 ส.ค.2568 โดยที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ได้พิจารณารายละเอียดงบประมาณและให้ข้อสังเกตการจัดทำคำของบประมาณรายหน่วยงาน
กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับการพิจารณางบประมาณ 2,647 ล้านบาท ถูกปรับลดงบประมาณ 37.9 ล้านบาท เกือบทั้งหมดเป็นของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
รายงานข่าวจากสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ได้มีข้อสังเกตภาพรวมและ สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม โดยระบุถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน หน่วยงานซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการผลิตสินค้าส่งออกควรเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก โดยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยรายย่อยดำเนินธุรกิจได้ โดยบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนธุรกิจใหม่ หรือ New S-Curve รวมทั้งให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วม
ทั้งนี้ การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ ประกอบกับการผลิตสินค้าแบบเดิมของไทยอาจส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน
ดังนั้น หน่วยงานจึงควรจัดทำแผนงานในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม SMEs เพื่อให้ปรับตัวได้อย่างเข้มแข็ง ยืนหยัดอยู่ได้ ในตลาดโลก และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว
รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการกำหนดยุทธศาสตร์ด้านการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตร แปรรูป นอกจากนี้ ควรพัฒนาสินค้าเกษตร ชีวภาพ ให้แข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้มีประสิทธิภาพ เพราะสินค้าเกษตร ชีวภาพมีศักยภาพในการลดต้นทุนการผลิต และพัฒนาเป็นสินค้าพรีเมียมในอนาคตหากได้รับส่งเสริมต่อเนื่องจะสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และยกระดับอุตสาหกรรมการเกษตรอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ควรเข้มงวดออกใบอนุญาตให้กับโรงงานรีไซเคิลและโรงงานหลอม พลาสติกที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดมลพิษสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการควบคุมอย่างเข้มงวดจะ ช่วยป้องกันและลดผลกระทบด้านมลพิษที่อาจ ส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชนและระบบ นิเวศในพื้นที่ หากละเลยจะส่งผลให้เกิดปัญหา ด้านสิ่งแวดล้อมที่รุนแรง และกระทบต่อคุณภาพ ชีวิตของชุมชนโดยรอบ
ขณะที่ทุกโครงการของสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมที่อยู่ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์และแผนงานบูรณาการ ส่วนใหญ่กำหนดตัวชี้วัดผลผลิต/โครงการไว้เพียง “เชิงปริมาณ” เท่านั้น ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถวัดความสำเร็จในการดำเนินงานได้ ทั้งนี้ หน่วยงานควรทบทวนการกำหนดตัวชี้วัดผลผลิต/โครงการ โดยเพิ่มตัวชี้วัด “เชิงคุณภาพ” เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการดำเนินงานของหน่วยงาน
กรมโรงงานอุตสาหกรรม
หน่วยงานควรเร่งตรวจสอบและทบทวน นโยบายในการให้สิทธิประโยชน์แก่นักลงทุน ต่างชาติโดยเฉพาะกรณีของโรงงานอุตสาหกรรม ที่อาจมีลักษณะเป็นทุนข้ามชาติที่ผิดกฎหมายซึ่งใช้ ประเทศไทยเป็นฐานในการลักลอบนำเข้า และสวมสิทธิการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐกระทบต่อความน่าเชื่อถือ ในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศรวมทั้งเป็นการเอาเปรียบผู้ประกอบการไทยในเชิงการแข่งขัน ด้วยต้นทุนที่ไม่เป็นธรรม
อีกทั้ง ยังมีการนำเทคโนโลยีเก่าที่ประเทศ ต้นทางเลิกใช้แล้ว เข้ามาสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม ในไทย ดังนั้น หน่วยงานควรยกระดับมาตรการ คัดกรองและกำกับดูแลการลงทุน พร้อมทั้งส่งเสริม ผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้อย่าง เป็นธรรมและยั่งยืน
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
กระทรวงอุตสาหกรรมและกรมส่งเสริม อุตสาหกรรมมีการกำหนดตัวชี้วัด “ผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณ” ที่เหมือนกัน คือเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยและวิสาหกิจชุมชนให้สร้างรายได้และมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น แต่กำหนดค่าเป้าหมายต่างกัน
ทั้งนี้ อาจก่อให้เกิดความไม่สอดคล้องเชิงยุทธศาสตร์และทำให้การประเมินผลสัมฤทธิ์ในภาพรวมขาดความชัดเจน ดังนั้น หน่วยงานจึงควรพิจารณาทบทวนและกำหนดตัวชี้วัดให้เป็นค่าเป้าหมายเดียวกัน เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการดำเนินงาน และเพื่อความสอดคล้องกันในเชิงยุทธศาสตร์ด้วย
สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.)
หน่วยงานควรมีแผนและแนวทางสนับสนุนและช่วยเหลือเกษตรกรไร่อ้อยที่ลดการเผาอ้อย โดยเฉพาะการลดภาระต้นทุนและแรงงานในการจัดการอ้อยสด เช่น เครื่องจักร เพื่อลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) และส่งเสริมการผลิตที่เป็น มิตรต่อสิ่งแวดล้อมระยะยาว
รวมทั้งงบประมาณส่วนใหญ่ของหน่วยงานอยู่ภายใต้ “งบรายจ่ายอื่น” แต่รายละเอียดของเอกสารชี้แจงงบประมาณไม่ได้แสดงให้เห็นว่าการดำเนินการเป็นอย่างไร เป็นการดำเนินการโดยหน่วยงานเอง หรือเป็นการจ้างให้หน่วยงานอื่นดำเนินการ
สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)
หน่วยงานควรพิจารณาทบทวน มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) โดยเฉพาะ มอก. 24/2559 ซึ่งมีข้อกังวลว่าอาจเปิดช่องให้รองรับการใช้เทคโนโลยีเตาอินดักชัน (Induction Furnace) ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนยกเลิกเพราะไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและควบคุมคุณภาพวัตถุดิบได้ยาก ทั้งนี้ โรงงานเหล็กบางแห่งจากสาธารณรัฐประชาชนจีนย้ายฐานการผลิตไทย โดยใช้เทคโนโลยีดังกล่าวที่กระทบ สิ่งแวดล้อมระยะยาว
ดังนั้น หน่วยงานควรมีแนวทางกำหนดมาตรฐานดังกล่าว และพิจารณาทบทวนมาตรฐานให้สอดคล้องแนวทางอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเคร่งครัด
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)
หน่วยงานควรแสดงรายละเอียดในเอกสารชี้แจงงบประมาณเกี่ยวกับตัวชี้วัดโครงการของหน่วยงานภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์และแผนงานบูรณาการ เนื่องจากมีระยะเวลา การดำเนินงานหลายปีและเริ่มดำเนินโครงการไปแล้ว แต่ไม่ปรากฏผลการดำเนินงานที่ผ่านมาในเอกสารชี้แจงงบประมาณ