ศาลนิวยอร์กยกเลิกโทษปรับมหาศาล “ทรัมป์” คดีอื้อฉาวปมปั่นมูลค่าทรัพย์สิน
ศาลอุทธรณ์รัฐนิวยอร์กมีคำตัดสินพลิกคดีครั้งสำคัญ คณะผู้พิพากษา 5 คนมีมติให้ยกเลิกคำสั่งปรับเงินจำนวนราว 454.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (รวมดอกเบี้ยพอกพูนจนแตะกว่าครึ่งพันล้านดอลลาร์) ที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกตัดสินให้ชำระในคดีฉ้อโกงแพ่ง หลังจากก่อนหน้านี้ผู้พิพากษาศาลล่างในแมนฮัตตันชี้ว่าทรัมป์ได้โก่งมูลค่าทรัพย์สินเพื่อหลอกลวงสถาบันการเงินและบริษัทประกัน
คดีนี้ถือเป็นหนึ่งในความพ่ายแพ้ทางกฎหมายครั้งใหญ่ของทรัมป์ หลังอัยการรัฐนิวยอร์ก เลติเทีย เจมส์ ยื่นฟ้องต่อศาลในปี 2022 โดยกล่าวหาว่าทรัมป์และเครือข่ายธุรกิจ Trump Organization ได้ปกปิดข้อเท็จจริงและทำให้ตัวเลขสินทรัพย์สูงเกินจริงเป็นเวลาหลายปี ก่อนที่ทรัมป์จะก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศในปี 2017 เพื่อแลกกับเงื่อนไขเงินกู้และความคุ้มครองที่ดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ศาลอุทธรณ์มีความเห็นแตกเป็นหลายขั้ว ผู้พิพากษาสองคนยืนยันว่าทรัมป์ถูกตัดสินว่ามีความผิดได้ถูกต้อง และชี้ว่าอัยการเจมส์ทำหน้าที่เพื่อปกป้องประโยชน์สาธารณะ แต่เห็นว่าโทษปรับที่กำหนดนั้นรุนแรงเกินกว่าจะสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ อีกสองคนมองว่าเจมส์มีอำนาจฟ้องจริง แต่จำเป็นต้องมีการพิจารณาคดีใหม่ เนื่องจากผู้พิพากษาศาลล่างไม่ควรตัดสินชี้ขาดความผิดล่วงหน้า ส่วนผู้พิพากษาคนสุดท้ายมีความเห็นว่าควรยกฟ้องทั้งหมดตั้งแต่แรก
การตัดสินครั้งนี้ถือเป็นการพลิกคำพิพากษาของผู้พิพากษาอาร์เธอร์ เอนกอรอน ซึ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 เคยสั่งปรับทรัมป์พร้อมดอกเบี้ย รวมทั้งสั่งห้ามไม่ให้ทรัมป์และบริษัทของเขากู้เงินจากธนาคารที่จดทะเบียนในรัฐนิวยอร์กเป็นเวลา 3 ปี และสั่งห้ามโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ และเอริก ทรัมป์ บริหารธุรกิจเป็นเวลา 2 ปี โดยเอนกอรอนถึงขั้นวิจารณ์ว่า การขาดความสำนึกของทรัมป์และทีมงานนั้น “แทบจะเข้าข่ายผิดปกติทางจิตใจ”
ตามคำพิพากษาศาลล่าง ทรัมป์ต้องรับผิดชอบส่วนใหญ่ถึง 98% ของค่าเสียหาย ขณะที่ทรัมป์ จูเนียร์ เอริก ทรัมป์ และอดีตซีเอฟโอ อัลเลน ไวเซลเบิร์ก ต้องร่วมรับผิดในส่วนที่เหลือ แต่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งระงับข้อจำกัดและโทษปรับทั้งหมดระหว่างที่กระบวนการอุทธรณ์ดำเนินอยู่ โดยยังคงให้ผู้ตรวจสอบอิสระที่ศาลแต่งตั้งทำหน้าที่ติดตามการดำเนินงานของ Trump Organization ต่อไป