“สหรัฐ-อียู” จับมือดีลการค้า หวังลด “ภาษีนำเข้ารถยนต์” ย้อนหลัง 1 ส.ค.68
อียู ยืนยันพร้อมออกกฎหมายลดภาษีสินค้าสหรัฐภายในสิ้นเดือนนี้ เปิดทางให้สหรัฐปรับลด ภาษีนำเข้ารถยนต์ - ชิ้นส่วนจากยุโรป จาก 27.5% ลงมาอยู่ที่ 15% มีผลย้อนหลังตั้งแต่ 1 ส.ค. 68
วันที่ 22 สิงหาคม 2568 เวลา 01.09 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คณะกรรมาธิการการค้าของอียูระบุเมื่อวันพฤหัสบดีว่าสหภาพยุโรป (EU) จะดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่าการลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรปของสหรัฐจะมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ขณะที่สองฝ่ายได้เผยรายละเอียดกรอบข้อตกลงทางการค้าที่บรรลุร่วมกันเมื่อเดือนกรกฎาคม
ในถ้อยแถลงร่วมความยาว 3 หน้าครึ่ง สหรัฐและอียูได้ระบุว่าอัตราภาษีศุลกากร 15% ของสหรัฐจะถูกนำมาใช้กับสินค้านำเข้าจากยุโรปส่วนใหญ่ พร้อมกับแสดงถึงพันธสัญญาของทั้งสองฝ่าย เช่น คำมั่นของอียูที่จะยกเลิกภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าที่เป็นอุตสาหกรรมจากสหรัฐ และการให้สิทธิพิเศษทางการตลาดแก่สินค้าทะเลและสินค้าเกษตรจากสหรัฐในวงกว้าง
ถ้อยแถลงระบุเพิ่มเติมว่า สหรัฐจะปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 27.5% และเป็นภาระหนักสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป หลังจากที่อียูออกกฎหมายที่จำเป็นเพื่อให้คำมั่นในการปรับลดภาษีสินค้าสหรัฐมีผลบังคับใช้ โดยการลดภาษีฝั่งสหรัฐจะมีผลทันทีตั้งแต่วันแรกของเดือนที่อียูเสนอร่างกฎหมายดังกล่าว
นายมาโรช เชฟโชวิช กรรมาธิการการค้าของอียู กล่าวว่า คณะกรรมาธิการยุโรปมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะยื่นข้อเสนอกฎหมายภายในสิ้นเดือนสิงหาคม ซึ่งจะทำให้การลดภาษีนำเข้ารถยนต์ของสหรัฐมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ ระบุว่า ผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปอาจเห็นการบรรเทาภาระภาษีได้ภายในไม่กี่สัปดาห์
“ทันทีที่พวกเขาสามารถยื่นร่างกฎหมายได้ แม้ยังไม่ต้องผ่านสภาหรือบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบ เพียงแค่ยื่นเข้าสู่กระบวนการ เราก็พร้อมที่จะให้การผ่อนปรนทันที และทั้งสองฝ่ายต่างต้องการเดินหน้าอย่างรวดเร็ว” เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าว
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และ นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ประกาศข้อตกลงดังกล่าวเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ที่สนามกอล์ฟของทรัมป์ในเมืองเทิร์นเบอร์รี สกอตแลนด์ หลังจากเจรจามานานหลายเดือน และทั้งสองยังได้พบกันอีกในสัปดาห์นี้ในระหว่างการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับความพยายามยุติสงครามรัสเซีย–ยูเครน โดยทั้งคู่ต่างยกย่องกรอบข้อตกลงทางการค้าว่านับเป็นความสำเร็จทางประวัติศาสตร์
ถ้อยแถลงร่วมยังระบุด้วยว่า ข้อตกลงนี้อาจขยายผลในอนาคตเพื่อครอบคลุมประเด็นอื่น ๆ และเพิ่มการเปิดตลาดมากยิ่งขึ้น โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่า ถ้อยแถลงนี้ถือเป็นกลไกตรวจสอบซึ่งกันและกัน เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามคำมั่นที่ประกาศไว้เมื่อเดือนก่อน
ไรอัน มาเจรัส อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันทำงานกับสำนักงานกฎหมาย King and Spalding ให้ความเห็นว่า ถ้อยแถลงนี้อาจใช้เป็นต้นแบบแนวคิด สำหรับข้อตกลงในลักษณะเดียวกันกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งทั้งสองประเทศก็ตกลงในเรื่องการปรับลดภาษีรถยนต์กับรัฐบาลทรัมป์แล้วเช่นกัน แต่ยังรอการบังคับใช้อย่างเป็นทางการ
ขณะเดียวกันสหรัฐและอียูมีเจตนาจะยอมรับและให้การรับรองซึ่งกันและกันต่อมาตรฐานความปลอดภัยยานยนต์และมาตรฐานอื่น ๆ แต่ผู้แทนอุตสาหกรรมชี้ว่าภาษาที่ใช้ในถ้อยแถลงนั้นคลุมเครือกว่าที่ประกาศไว้ในตอนแรก
ถ้อยแถลงระบุว่า สหรัฐตกลงที่จะเก็บเพียงอัตราภาษี Most Favored Nation (MFN) ที่มีอยู่เดิมในระดับต่ำกว่า 15% ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2568 เป็นต้นไป สำหรับสินค้ากลุ่มเครื่องบินและชิ้นส่วน ยาและวัตถุดิบยาสามัญ เคมีภัณฑ์ต้นน้ำ และทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่มีในประเทศ เช่น ไม้ก๊อก
แต่ข้อยกเว้นนี้ไม่ครอบคลุมถึงไวน์และสุรา ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องหลักของอียู อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะพิจารณาเพิ่มสินค้าและภาคส่วนอื่น ๆ ในอนาคตประตูนี้จึงยังไม่ปิดตาย เชฟโชวิชกล่าว พร้อมยอมรับว่าการผลักดันข้อยกเว้นสำหรับสุรานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
Herve Dumesny ผู้อำนวยการทั่วไปของ SpiritsEUROPE กลุ่มการค้าสุรา เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายคงอยู่ที่โต๊ะเจรจาและผลักดันการกลับคืนสู่สถานะ zero-for-zero (ยกเลิกภาษีทั้งสองฝ่าย) อย่างสมบูรณ์และรวดเร็ว
ถ้อยแถลงย้ำว่า อียูมีแผนจะจัดซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว น้ำมัน และพลังงานนิวเคลียร์จากสหรัฐ มูลค่า 750,000 ล้านดอลลาร์ รวมถึงชิป AI ที่ผลิตในสหรัฐ มูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้บริษัทยุโรปยังมีเจตนาจะลงทุนเพิ่มอีก 600,000 ล้านดอลลาร์ในภาคส่วนยุทธศาสตร์ของสหรัฐภายในปี 2571
ทั้งสองฝ่ายยังให้คำมั่นที่จะจัดการกับอุปสรรคทางการค้าแบบดิจิทัลที่ไม่เป็นธรรม โดยอียูตกลงว่าจะไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้เครือข่าย และยังตกลงที่จะเจรจาเรื่องกฎแหล่งกำเนิดสินค้า (rules of origin) เพื่อให้แน่ใจว่าประโยชน์จากข้อตกลงนี้จะตกแก่ทั้งสองฝ่ายอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ดีถ้อยแถลงยังคงไว้ซึ่งอัตราภาษีศุลกากรเพื่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐที่ 50% สำหรับเหล็ก อะลูมิเนียม และสินค้าที่ใช้โลหะเหล่านี้จากยุโรป ซึ่งเพิ่งถูกขยายครอบคลุมไปยังสินค้าหลายร้อยรายการในสัปดาห์นี้
นายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า “จะไม่มีข้อยกเว้นหรือการยกเว้นใด ๆ สำหรับภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม” เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดการใช้สิทธิ์ยกเว้นในทางที่ผิด อย่างไรก็ตามถ้อยแถลงได้เปิดช่องให้มีการหารือเรื่องโควตาภาษี (tariff rate quota) สำหรับอียูในอนาคต เพื่อป้องกันตลาดในประเทศจากปัญหากำลังการผลิตส่วนเกิน ซึ่งหมายถึงการผลิตของจีน
นาวาร์โรยกย่องว่าข้อตกลงการค้าระหว่างรัฐบาลทรัมป์และอียูถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของทั้งสองฟากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกที่ศาลสหรัฐไม่ควรวิจารณ์ โดยในเร็ว ๆ นี้ ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐมีกำหนดจะตัดสินคดีความที่อาจทำให้ส่วนสำคัญของมาตรการภาษีของทรัมป์ที่อ้างอิงตามกฎหมาย International Emergency Economic Powers Act ต้องถูกยกเลิก
อ้างอิง : reuters.com