เปิดพอร์ต 'ทรัมป์' หลังรับตำแหน่ง ซื้อพันธบัตรบริษัทดังกว่า 100 ล้านดอลลาร์
ซีเอ็นบีซีรายงานว่าประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้ทุ่มเงินหลายล้านดอลลาร์เข้าซื้อพันธบัตรนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค. โดยเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยหน่วยงานท้องถิ่น และบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐ
ในเอกสาร 33 หน้าที่ยื่นต่อสำนักงานจริยธรรมรัฐบาลสหรัฐ (OGE) เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ประธานาธิบดีได้แจกแจงรายการธุรกรรม 690 รายการที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ซึ่งเอกสารดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะเมื่อวันอังคารที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา
จากการคำนวณของซีเอ็นบีซี พบว่าการซื้อพันธบัตรดังกล่าวมีมูลค่ารวมกันอย่างน้อย 100 ล้านดอลลาร์ โดยประเมินจากมูลค่าขั้นต่ำของแต่ละรายการที่เปิดเผยตามกฎหมาย โดยประธานาธิบดีสหรัฐและเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนจะต้องแจ้ง"รายการธุรกรรมที่ต้องรายงาน" ต่อ OGE เป็นระยะ แต่ไม่จำเป็นต้องระบุมูลค่าที่แน่ชัด
เอกสารที่ยื่นแสดงให้เห็นว่าตลอดปีนี้ ทรัมป์ได้ซื้อพันธบัตรที่ออกโดยหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่ง ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน รวมทั้งทรัมป์ยังได้ซื้อตราสารหนี้ของบริษัทชื่อดังต่างๆ เช่น พันธบัตรของ T-Mobile U.S., United Health และ Home Depot มูลค่าระหว่าง 500,000 ถึง 1,000,000 ดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนก.พ. และในช่วงปลายเดือนเดียวกันยังได้ซื้อตราสารหนี้ของ Meta (บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram) มูลค่าระหว่าง 250,000 ถึง 500,000 ดอลลาร์
ซีเอ็นบีซีรายงานว่า พันธบัตรบางส่วนที่ทรัมป์เป็นเจ้าของในขณะนี้มาจากบริษัทที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากนโยบายหรือการดำเนินธุรกิจของเขา ทั้งนี้ซีเอ็นบีซีได้ติดต่อทำเนียบขาวเพื่อขอความคิดเห็น แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับในทันที
นิตยสาร Forbes ระบุว่า ทรัมป์มีทรัพย์สินสุทธิ 5.5 พันล้านดอลลาร์ และในช่วงปีสุดท้ายของวาระแรกในปี 2020 เขามีทรัพย์สิน 2.1 พันล้านดอลลาร์ และ Forbes ยกให้ช่วงเวลาหลังจากการเป็นประธานาธิบดีสมัยแรกของเขานั้นเป็น"ช่วงเวลาที่ทำเงินได้มากที่สุดหลังพ้นตำแหน่งประธานาธิบดีในประวัติศาสตร์อเมริกา" เนื่องจากมีธุรกิจหลายอย่างที่เขาทำกับกลุ่มผู้สนับสนุน
คู่แข่งทางการเมืองของทรัมป์เคยกล่าวหาว่าทรัมป์มีผลประโยชน์ทับซ้อนหลายครั้งระหว่างดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี แม้ว่าตามกฎหมายของรัฐบาลกลาง ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีจะได้รับการยกเว้นจากกฎระเบียบบางอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ตามข้อมูลจาก Citizens for Responsibility and Ethics in Washington (CREW) ระบุว่าประธานาธิบดีสหรัฐทุกคนก่อนหน้าทรัมป์ ได้เลือกที่จะขายธุรกิจของตนออกไปก่อนเข้ารับตำแหน่ง