โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

นายกฯญี่ปุ่นขอยืนหยัดตำแหน่งผู้นำ แม้สั่นคลอนหลังสูญเสียเสียงข้างมากในวุฒิสภา

ไทยโพสต์

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ชิเงรุ อิชิบะยังคงยืนหยัดในตำแหน่งผู้นำ แม้ความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งจะทำให้รัฐบาลผสมของเขาไม่ได้เสียงข้างมากในสภาสูง ขณะที่มาตรการภาษีศุลกากรใหม่อันเจ็บปวดของสหรัฐฯ กำลังคืบคลานเข้ามา

นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่นเข้าร่วมการแถลงข่าวที่สำนักงานใหญ่พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ในกรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม หนึ่งวันหลังจากที่พรรคร่วมรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีสูญเสียเสียงข้างมากในสภาสูง (Photo by Philip FONG / POOL / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม 2568 กล่าวว่า การเลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ซึ่งบริหารประเทศมาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1955 และพรรคโคเมโตะซึ่งเป็นพรรคพันธมิตร พลาดที่นั่งเสียงข้างมากในสภาสูงไปเพียงสามที่นั่งเท่านั้น

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่พอใจต่อภาวะเงินเฟ้อหันไปเลือกพรรคอื่นๆ โดยเฉพาะพรรคซันเซโตะที่ให้ความสำคัญกับญี่ปุ่นเป็นอันดับแรกและได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายด้วยแนวคิดต่อต้านโลกาภิวัตน์

"ผมยังคิดว่า LDP น่าจะแพ้มากกว่านี้" คาซูโยะ นานาซาวะ วัย 25 ปี ผู้ลงคะแนนเสียงให้กับพรรคอนุรักษนิยมสุดโต่งขนาดเล็ก กล่าวกับเอเอฟพี พร้อมเสริมว่าอิชิบะควรลาออก

ความพ่ายแพ้ครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่รัฐบาลผสมของอิชิบะถูกบังคับให้จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาล่างที่มีอำนาจมากกว่า ซึ่งเป็นผลการเลือกตั้งที่ย่ำแย่ที่สุดของ LDP ในรอบ 15 ปี

แต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อถูกถามว่าเขาตั้งใจจะดำรงตำแหน่งต่อไปหรือไม่ อิชิบะบอกกับสื่อท้องถิ่นว่า "แน่นอน"

"แม้ผมจะตระหนักดีถึงความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงของเราต่อผลการเลือกตั้ง แต่เพื่อไม่ให้การเมืองซบเซา ผมเชื่อว่าผมต้องปฏิบัติหน้าที่ในฐานะพรรคที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุด ควบคู่ไปกับการรับฟังเสียงของประชาชนในท้องถิ่นอย่างตั้งใจและจริงใจ" อิชิบะกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์

เขากล่าวว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้ "น่าเสียใจอย่างยิ่ง"

อย่างไรก็ตาม หากต้องหลุดจากตำแหน่งจริง ยังไม่ชัดเจนว่าใครจะก้าวขึ้นมาแทนที่อิชิบะ เนื่องจากพรรค LDP มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำบ่อยครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ทาเคชิ เนโมโตะ ผู้สนับสนุนพรรค LDP วัย 80 ปี กล่าวกับเอเอฟพีว่า การแข่งขันชิงตำแหน่งผู้นำครั้งใหม่จะถือเป็นความพ่ายแพ้สำหรับพรรคฯ ซึ่งจะทำให้การเจรจาด้านภาษีกับรัฐบาลวอชิงตันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซับซ้อนยิ่งขึ้น

การเลือกตั้งครั้งนี้มีเพื่อสรรหาเพิ่มเติม 125 ที่นั่ง จากที่นั่งในสภาสูงทั้งหมด 248 ที่นั่ง

พรรคร่วมรัฐบาลต้องการ 50 ที่นั่งเพื่อไปรวมกับที่มีอยู่เดิม แต่สื่อท้องถิ่นรายงานว่าพวกเขาชนะไปเพียง 47 ที่นั่ง โดยพรรค LDP ได้ 39 ที่นั่งและพรรคโคเมโตะได้ 8 ที่นั่ง ทำให้รัฐบาลผสมมีจำนวนวุฒิสมาชิกทั้งหมด 122 ที่นั่ง ซึ่งพลาดการครองเสียงข้างมาก

พรรคที่ได้อันดับสองคือพรรคประชาธิปไตยแห่งรัฐธรรมนูญญี่ปุ่น (CDP) ซึ่งชนะ 22 ที่นั่ง ตามมาด้วยพรรคประชาธิปไตยเพื่อประชาชน (DPP) ซึ่งได้ 17 ที่นั่ง ขณะที่พรรคซันเซโตะฝ่ายขวาได้รับ 14 ที่นั่ง

โดยซันเซโตะโดดเด่นจากความชัดเจนในการสร้างกฎเกณฑ์และข้อจำกัดที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเกี่ยวกับผู้อพยพ, คัดค้านนโยบายทางเพศที่รุนแรง และต้องการทบทวนการลดการปล่อยคาร์บอนและการใช้วัคซีน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พรรคฯถูกบังคับให้ปฏิเสธความเชื่อมโยงใดๆ กับรัฐบาลมอสโก ซึ่งเคยปรากฏว่าสื่อของรัสเซียสัมภาษณ์ผู้สมัครคนหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม บรรดาพรรคฝ่ายค้านนั้นค่อนข้างแตกแยกกัน และโอกาสที่จะหันมาจับมือจัดตั้งรัฐบาลทางเลือกได้นั้นมีน้อยมาก

ส่วนการจะหาพันธมิตรมาเพิ่มของฝั่งรัฐบาลนั้นก็ค่อนข้างยาก โดยพรรคประชาธิปไตยเพื่อประชาชนน่าจะเป็นพันธมิตรที่มีแนวโน้มมากที่สุด ภายใต้เงื่อนไขที่รัฐบาลจะต้องดำเนินมาตรการทางการคลังเชิงบวกบางอย่าง เช่น การลดภาษี

และที่น่าจะเป็นไปได้มากกว่าคือ อิชิบะจะต้องโน้มน้าวเป็นรายกรณี หากต้องการการสนับสนุนจากฝ่ายค้านเพื่อให้ผ่านกฎหมายได้

หลังจากหลายปีที่ราคาข้าวนิ่งหรือตกต่ำ ผู้บริโภคในประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลกต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้ออย่างหนัก นับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนในปี 2022

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคาข้าวที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ทำให้งบประมาณครัวเรือนจำนวนมากถูกบีบคั้น แม้รัฐบาลจะแจกเงินช่วยเหลือก็ตาม

สิ่งที่ไม่ได้ช่วยบรรเทาคือความไม่พอใจที่ยังคงมีอยู่เกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวเรื่องเงินทุนของพรรค LDP และภาษีนำเข้า 25% ของสหรัฐฯ ที่จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นไป
หากไม่มีข้อตกลงทางการค้า

การนำเข้าของญี่ปุ่นถูกเก็บภาษี 10% เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์ซึ่งคิดเป็น 8% ของการจ้างงานกำลังได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติม 25%

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตัวแทนเจรจาด้านภาษีศุลกากรได้เดินทางไปเยือนกรุงวอชิงตันเป็นครั้งที่ 8 ซึ่งนายกฯอิชิบะกล่าวว่า "เราจะบรรลุข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งญี่ปุ่นและสหรัฐฯ โดยยึดหลักการลงทุนมากกว่าภาษีนำเข้า".

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

มท.1 ยังไม่เห็นรายงานเขากระโดง ลั่นถ้ายังเยิ่นเย้อ จะตัดสินใจใน 7-15 วัน!

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ถ้าเขาไม่ทะเลาะกันเราไม่รู้

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

จะคล่องปากไหม?

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘ยังไม่รู้ว่าใครลง’

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่น ๆ

คนไทยรู้จักดี! "ราชาแห่งการบำรุงม้าม–กระเพาะ" ดีกว่ามันเทศ โภชนาการแซงเผือก

sanook.com

เหตุ ‘เหมืองหยก’ ถล่มในเมียนมา มีคนติดค้างราว 20 ราย

Xinhua

อินโดฯ เผยแบบสร้าง ‘อาคารต้านแผ่นดินไหว’ หวังบรรเทาภัยเสี่ยง

Xinhua

ชาวปาเลสไตน์รุมเบียดรับอาหารในกาซา

Xinhua

วารสารเนเจอร์ชี้ โมเดลเอไอจีน Kimi K2 ศักยภาพสูงเทียบเคียงดีปซีก

Xinhua

กองทัพ ‘ลาว-ไทย’ มุ่งเสริมแกร่งความร่วมมือการทหาร

Xinhua

พัฒนาการ ‘ทุเรียนซานย่า’ ก้าวหน้า สะท้อนคุณภาพการเกษตรเขตร้อนของจีน

Xinhua

จีนห้าม ‘ผู้บริหารธนาคารสหรัฐฯ’ ออกนอกจีนชั่วคราว หลังพัวพันคดีอาญา

Xinhua

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...