ปรับทัพธุรกิจโรงแรมไทย รับนักท่องเที่ยวคุณภาพยุคใหม่
ปรับทัพธุรกิจท่องเที่ยวไทย: เจาะลึกพฤติกรรมนักท่องเที่ยว “คุณภาพ” โอกาสและความท้าทายของผู้ประกอบการ
ภูมิทัศน์การท่องเที่ยวไทยกำลังเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อโจทย์ใหญ่ไม่ได้อยู่ที่ "ปริมาณ" นักท่องเที่ยวอีกต่อไป แต่เป็นการมุ่งสู่ "คุณภาพ" เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก (Quality Destination) การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างทั้งโอกาสและความท้าทายให้แก่ผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และบริการ ที่ต้องปรับตัวและทำความเข้าใจพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่นี้อย่างลึกซึ้ง
เมื่อ "คุณภาพ" มาแทนที่ "ปริมาณ"
ข้อมูลจาก อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ชี้ให้เห็นว่า แม้การท่องเที่ยวไทยจะเผชิญความท้าทายจากเศรษฐกิจโลกและความผันผวนต่างๆ แต่ก็มีสัญญาณบวกที่ชัดเจนในการเติบโตของ "นักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ" ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะจากตลาดยุโรป ตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา และโอเชียเนีย ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับตัวเลข 2 หลักตั้งแต่ต้นปี
- ตลาดยุโรป: เติบโต 13% (นำโดย เยอรมนี 71%, อิตาลี 28%)
- ตลาดตะวันออกกลาง: เติบโตถึง 55% (นำโดย ซาอุดีอาระเบีย 61%, โอมาน 54%)
ปัจจัยบวกสำคัญคือการที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ปรับระดับคำแนะนำการเดินทางมาไทยสู่ ระดับ 1 ซึ่งเป็นระดับความปลอดภัยสูงสุดเทียบเท่าญี่ปุ่นและสิงคโปร์ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี
ถอดรหัสพฤติกรรมนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่
ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเข้าใจว่านักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพมีความต้องการและค่านิยมที่แตกต่างจากนักท่องเที่ยวแบบ Mass Tourism อย่างสิ้นเชิง
วางแผนล่วงหน้าและพักนานขึ้น: พวกเขาวางแผนการเดินทางอย่างดี และมักจะใช้เวลาท่องเที่ยว 2-3 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น
ยอมจ่ายเพื่อคุณภาพ: ไม่ลังเลที่จะจ่ายสูงขึ้นเพื่อแลกกับสินค้า บริการ และประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม
เน้นสร้างประสบการณ์: ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น และสัมผัสประสบการณ์ที่แปลกใหม่ มากกว่าการไปเช็คอินตามสถานที่ยอดนิยม
ใส่ใจสุขภาพและความยั่งยืน (Sustainability): เลือกที่พัก ร้านอาหาร และกิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ผู้ประกอบการปรับตัวอย่างไร? นวัตกรรมคือคำตอบ
การตอบสนองต่อนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่นี้จำเป็นต้องอาศัยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยยกระดับบริการ ลดต้นทุน และสร้างความประทับใจ โดยงาน Food & Hospitality Thailand (FHT) 2025 ที่กำลังจะจัดขึ้น ได้กลายเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนทิศทางการปรับตัวของผู้ประกอบการไว้อย่างน่าสนใจ ผ่านมุมมองและผลิตภัณฑ์จากบริษัทชั้นนำ
1. ยกระดับประสบการณ์และความยั่งยืน:
บริษัท ดูนิ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านกระดาษเช็ดปากสำหรับกลุ่ม HoReCa ชี้ว่า "ความยั่งยืน" คือหัวใจสำคัญควบคู่กับการบริหารต้นทุน ในงาน FHT 2025 บริษัทเตรียมเปิดตัว "กระดาษเช็ดปากคุณภาพสูง" ที่ให้สัมผัสหรูหราเทียบเท่าผ้าลินิน แต่ใช้งานสะดวกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์โรงแรมและร้านอาหารที่ต้องการสร้างความประทับใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า
2. เพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี:
บริษัท แมททีเรียล เวิลด์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับโรงแรมระดับพรีเมียม มองว่าการแข่งขันสูงขึ้นทำให้ต้องรักษาจุดแข็งด้านคุณภาพและประสิทธิภาพ โดยเตรียมเปิดตัว "รถเข็นแม่บ้าน (Housekeeping Carts) ที่มีนวัตกรรมมอเตอร์ไดร์ฟ" จากแบรนด์ Rubbermaid ซึ่งช่วยทุ่นแรงพนักงาน ทำให้บริการรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบโจทย์โรงแรมระดับ 5 ดาวที่เน้นความเป็นเลิศในทุกรายละเอียด
3. ตอบโจทย์ด้วยนวัตกรรมที่เข้าใจผู้บริโภค:
บริษัท พีเอ็ม อินเตอร์มาร์ท จำกัด ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ครบวงจรสำหรับโรงแรม ชี้ว่าโรงแรมต้องปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ให้ทันสมัยอยู่เสมอเพื่อสร้างความประทับใจ โดยจะนำเสนอ "ตู้เย็นมินิบาร์นวัตกรรมประหยัดพลังงาน" และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้เข้าพักที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านความสะดวกสบายและการใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม
การปรับตัวของผู้ประกอบการไทยจึงไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ แต่คือการปรับเปลี่ยนวิธีคิดทั้งหมด โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่ความเข้าใจในพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ และการนำนวัตกรรมเข้ามาเป็นเครื่องมือในการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและยั่งยืน ซึ่งงาน Food & Hospitality Thailand 2025 จะเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนและยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยให้ก้าวสู่การเป็น Quality Destination ได้อย่างเต็มภาคภูมิ