ไขรหัสPTTเบอร์1ไทย ใหญ่ยั่งยืนในสายตาโลก
#PTT #ทันหุ้น – ถอดรหัส PTT กับความยิ่งใหญ่สายตาชาวโลก หลังอันดับ Fortune Southeast Asia 500 ชี้ PTT รั้งเบอร์ 1 ในไทย และเบอร์ 2 อาเซียน ตอกย้ำถึงความยืดหยุ่นและอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของ ปตท. ในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของภูมิภาค อะไรคือสูตรสำเร็จ
“บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)” หรือ PTT ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย และอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใน Fortune Southeast Asia 500 ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ภายใต้การนำของ “ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT ที่เน้นหลักการ “TOGETHER FOR SUSTAINABLE THAILAND, SUSTAINABLE WORLD” ภายใต้วิสัยทัศน์นี้ ปตท. มีพันธกิจในการ “สร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศไทย สร้างการเติบโตควบคู่กับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก” เป็นการบูรณาการมิติทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาลเข้ากับการดำเนินงานทั้งหมด
แม้นโยบายของ ดร.คงกระพัน จะมุ่งเน้นสรรพกำลังไปที่ธุรกิจจุดเด่นของ ปตท. คือ ตะลุย “ไฮโดรคาร์บอน” ขณะที่ธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของ ปตท. อย่าง EV หรือ โลจิสติกส์ กลับลดสัดส่วน แม้แต่กระทั่งธุรกิจ วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต ก็พยายามให้พันธมิตรขึ้นมามีบทบาท ซึ่ง ดร.คงกระพัน กล่าวชัดเจนว่า ธุรกิจ Non-Hydrocarbon ต้องมีความน่าสนใจและ ปตท. มี Right to Play หรือมีจุดแข็ง และมี Partner ที่แข็งแรง หลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง
จึงไม่แปลกที่ PTT จะเร่งให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไฮโดนเจน และการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ที่ตรงความแข็งแกร่ง ส่งเสริมมูลค่าระยะยาวอย่างยั่งยืน
@ PTTกลยุทธ์ถูกทาง
สำหรับ Fortune Southeast Asia 500 มีบริษัทไทย 100 แห่งติดอันดับ จำนวนมากเป็นอันดับ 2 รองจากอินโดนีเซียที่มี 109 แห่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลทางเศรษฐกิจของไทย และภาคพลังงานยังคงเป็นภาคส่วนที่โดดเด่นในรายชื่อนี้ การที่ ปตท. สามารถรักษาระดับอันดับ 1 ในประเทศไทย และอันดับ 2 ในอาเซียน ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ท่ามกลางสถานการณ์พลังงานที่ผันผวนและเศรษฐกิจโลกที่เผชิญความเสี่ยงหลายด้าน
นี่ไม่ได้เป็นเพียงผลจากผลประกอบการทางการเงินที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่แสดงให้เห็นถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและความสามารถในการสร้างผลกำไร โดยปี 2567 มีกำไรสุทธิ 90,072 ล้านบาท และจ่ายเงินปันผลสูงถึง 2.10 บาทต่อหุ้น
“แม้จะเผชิญกับสถานการณ์พลังงานที่มีความผันผวน และเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในปีที่ผ่านมา ทำให้มั่นใจว่า ปตท. เดินกลยุทธ์ถูกทิศทาง สามารถรับมือกับปัจจัยภายนอกและความท้าทายได้เป็นอย่างดี รวมถึงได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่ 1 ในประเทศ และเป็นอันดับที่ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จาก Fortune Southeast Asia 500” ดร.คงกระพัน ระบุ
@ รุกธุรกิจคู่ความยั่งยืน
ปตท. มีกลยุทธ์มุ่งเน้นธุรกิจหลัก Hydrocarbon สร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศผ่านธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม อาทิ เพิ่มกำลังการผลิตก๊าซจากแหล่งเอราวัณเป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และเข้าซื้อหุ้น 10% ในโครงการสัมปทาน Ghasha ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และแสวงหาแหล่งพลังงงานอื่น ขณะเดียวกันยังเดินหน้ามุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการซื้อขาย LNG ในภูมิภาค รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น
อีกขาหนึ่งอีกทั้งกลุ่ม ปตท. ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 โดยดำเนินการอย่างบูรณาการร่วมกันทั้งกลุ่ม ปตท. ศึกษาความเป็นไปได้ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage : CCS) รวมถึงพัฒนา CCS Hub Model เพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม ปตท. และอุตสาหกรรมในประเทศ รวมถึงโอกาสขยายผลสู่ระดับภูมิภาคในอนาคตต่อไป
รวมถึงการแสวงหาโอกาสในธุรกิจไฮโดรเจนสำหรับภาคอุตสาหกรรม จัดหาไฮโดรเจนและแอมโมเนียคาร์บอนต่ำ และการประยุกต์ใช้ในภาคการผลิตไฟฟ้าเพื่อเป็นต้นแบบในการขยายผลเชิงธุรกิจ ความมุ่งมั่นของ ปตท. ในการเติบโตควบคู่กับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้รับการยอมรับในระดับประเทศและระดับโลก โดยได้รับการจัดอันดับ Top 1% ในอุตสาหกรรม Oil & Gas Upstream & Integrated (OGX) ในการประเมิน Corporate Sustainability Assessment (CSA) ของ S&P Global ปี 2567 และได้รับการจัดอันดับในดัชนีความยั่งยืน DJSI เป็นปีที่ 13 ติดต่อกัน
@ เพิ่มขีดความสามารถกำไร
อีกจุดที่เป็นจุดเด่นของ PTT คือ การเร่งสร้างความแข็งแรงภายใน ยกระดับ Operational Excellence เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นำเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ซึ่งสามารถยกระดับผลกำไร รวมทั้งเสริมความแข็งแกร่งด้วยการรักษาวินัยทางการเงินและการลงทุนอย่างเคร่งครัด ตลอดจนบริหารสภาพคล่องกระแสเงินสดภายในกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพ ยึดหลักการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล (Good Governance) ดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนอย่างสมดุล สร้างผลตอบแทนที่เหมาะสม พัฒนาคุณภาพชีวิตของสังคมไทย เพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคมและผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน
โดยรวมแล้ว ความสำเร็จของ ปตท. ภายใต้การบริหารของ ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง เป็นผลมาจากแนวทางที่รอบด้านซึ่งผสมผสานความแข็งแกร่งทางธุรกิจเข้ากับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน นำพา ปตท. ไม่เพียงแต่รักษาตำแหน่งที่โดดเด่นในตลาดภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างสถานะของประเทศไทยในฐานะผู้เล่นหลักในภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง