OR รีเฟรชร้านสุขภาพความงาม found & found เร่งขยายสาขา ชูจุดแข็งของแท้จากญี่ปุ่น-เกาหลี
OR ที่เราคุ้นกันดีกับบริษัทแม่ที่ดำเนินธุรกิจ เจ้าของ PTT Station และยังมีธุรกิจค้าปลีกและไลฟ์สไตล์ในสถานีบริการน้ำมันอย่าง Cafe Amzon
ความต้องการที่จะขยายพอร์ตธุรกิจที่มีมากขึ้น ทำให้บริษัทเริ่มลงไปเล่นในตลาด Health & Wellness มากขึ้น เพราะตลาดนี้ใน ไทยเติบโตสูงมาก มูลค่าตลาดขนาดใหญ่กว่า 350,000 ล้านบาท และเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 8–9%
จากเทรนด์ด้านสุขภาพและความงาม และการรวบรวม Paint Point ที่มีของลูกค้า นำมาสู่การเปิดเป็นแบรนด์ใหม่ในชื่อ found & found ร้านบิวตี้มัลติแบรนด์ที่รวมสินค้าและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพความงามหลายแบรนด์ โดยเฉพาะจากญี่ปุ่นและเกาหลีขึ้นมา
TODAY Bizview ได้พูดคุยกับ ‘ณัฐพล ชูจิตารมย์’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออาร์ เฮลท์ แอนด์ เวลเนส จำกัด (ORHW) จะมาสรุปเรื่องราวจุดเริ่มต้น และทิศทางของ found & found ร้านบิวตี้มัลติแบรนด์ในเครือ OR ให้ครบจบผ่านบทความนี้
[ found & found เน้นจุดแข็งสินค้าแท้ นำเข้าจากญี่ปุ่น-เกาหลี ]
‘ณัฐพล ชูจิตารมย์’ เล่าให้ฟังว่า ด้วยความที่ตลาด Health & Wellness ยังมีที่ว่างให้ลงเล่น และศักยภาพตลาดดูมีแนวโน้มเติบโตสูง คนไทยดูแลตัวเองมากขึ้น ชอบที่จะมองหาสินค้าเพื่อตัวเอง จึงเปิดพอร์ตบิวตี้ในเครือ OR ขึ้น โดยเริ่มจดทะเบียนบริษัท บริษัท โออาร์ เฮลท์ แอนด์ เวลเนส จำกัด (ORHW) และเปิดแบรนด์ found & found ขึ้นมา
จากอินไซต์ผู้บริโภคคนไทยชื่นชอบสกินแคร์จากญี่ปุ่นมาก ขณะที่เมคอัพก็ชอบสินค้าจากเกาหลี แต่ทั้งหมดนี้ ยังมี Pain Point หลักที่ลูกค้าเผชิญอยู่บ่อยๆ คือการซื้อสินค้าแบรนด์จากญี่ปุ่น-เกาหลี ‘เสี่ยงไม่แท้’ และถ้ารอพรีออเดอร์ก็นาน หรือบางคนไปเที่ยวก็ไปช้อปฯ ทำให้น้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม แบกสินค้าหนักๆ มา จนมาเฉลี่ยแล้วซื้อในประเทศอาจจะถูกกว่า
จึงเกิดเป็นคอนเซปต์ของร้าน found & found ที่เน้นสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น-เกาหลี และไทยผสมอยู่บ้าง โดยภายในร้านมีสินค้าแท้มากกว่า 3,500–5,000 SKUs จาก 200 แบรนด์
ภายในร้านยังแบ่งโซนดูแลผิว 5 ขั้นตอน ให้ลูกค้าได้มองหาสินค้าได้ง่าย ตามที่ต้องการ
สำหรับจุดขายหลักๆ ที่ทำให้แบรนด์แตกต่างกับเจ้าอื่นในไทยเลยคือ
- สินค้าแท้ 100% จากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น การจับมือกับพาร์ทเนอร์รายใหญ่อย่าง Sugi Holding (ญี่ปุ่น) และ Olive Young (เกาหลี) ที่ส่งสินค้าเข้ามาโดยตรง พร้อมใบอนุญาตนำเข้าและกระบวนการ FDA ครบถ้วน
- การตั้งราคาที่เข้าถึงได้ ราคาไม่สูงเกินจริง เมื่อเทียบกับประเทศต้นทาง (เฉลี่ยสูงกว่าราคาเดิมไม่เกิน 5–15% รวมค่าขนส่งและภาษี)
- การคัดเลือกสินค้าให้ตรงกับพฤติกรรมและสภาพผิวของคนไทย ทั้งในเรื่องเทรนด์ ประเภทสินค้า (ญี่ปุ่นเด่นด้าน personal care, เกาหลีเด่นด้าน cosmetics) และขนาดที่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
อย่างไรก็ตาม found & found เริ่มตั้งธุรกิจตั้งแต่ปีที่แล้ว (ปี 2567) ปัจจุบันมี 10 สาขา ไดัรับกระแสที่ดีจากลูกค้า โดยที่ลูกค้าเข้าร้านเฉลี่ยบิลสูงถึง 600 บาทต่อบิล สูงกว่าค่าเฉลี่ยร้านบิวตี้มัลติแบรนด์แต่ความถี่ไม่เท่า เพราะลูกค้ายินดีจ่ายให้กับแบรนด์สินค้าญี่ปุ่นเกาหลี
‘ณัฐพล’ บอกว่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา found & found ในฐานะผู้เล่นใหม่ โฟกัสการทดลองและเรียนรู้เชิงลึกจากผู้บริโภค แบรนด์อยู่ในช่วงทดลองเปิดร้านในหลากหลายทำเล ทั้ง PTT Station, ห้างสรรพสินค้า, community mall และอาคารสำนักงาน
เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้บริการแต่ละโลเคชัน ข้อมูลที่ได้กลายเป็นฐานสำคัญในการพัฒนาโมเดลร้านให้ตอบโจทย์ทั้งในด้านยอดขายและประสบการณ์ลูกค้า และพบอินไซต์ว่า กลุ่มเป้าหมายต่างกันตามโลเคชัน เช่น ปั๊มน้ำมันกลุ่มลูกค้ามีอายุ 30 ปีขึ้นไป มีรถ มีรายได้ปานกลางถึงสูง ส่วนสาขาตามตึกออฟฟิศ อายุเฉลี่ย 25–40 ปี และ ห้างสรรพสินค้าเป็นกลุ่มลูกค้าวาไรตี้
[ ใช้ความแข็งแกร่งของ OR เตรียมขยาย ให้ครบ 200 สาขาปีหน้า ]
สำหรับทิศทางของ found & found ในอนาคต ปีหน้าขยายให้ครบ 200 สาขา ส่วนแผนระยะกลาง ขยายให้ถึง 500 สาขา โดยใช้จุดแข็งของ OR ทั้งในแง่ ทำเลใน PTT Station และ พันธมิตรเครือข่ายทั่วประเทศ ส่วนโมเดลร้านมีหลายขนาด ตั้งแต่ 40 – 150 ตร.ม. ขึ้นกับทำเลและกลุ่มเป้าหมาย
คาดการณ์ว่าในอนาคตเมื่อครบ 500 สาขา เราวางเป้ารายได้รวมไว้ที่ 8,000–10,000 ล้านบาท และตอนนี้ก็เตรียมร่วมมือกับแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Shopee, Lazada รวมถึงแพลตฟอร์มของ OR เองในอนาคต
“เราต้องการสร้างร้านสุขภาพและความงามที่เข้าถึงง่าย สนุก และมีคุณภาพ ภายใต้แนวคิด personalized experience ใช้ CRM, Survey และ Smart BA เพื่อเข้าใจลูกค้าและแนะนำสินค้าที่เหมาะกับแต่ละคน ดีไซน์ร้านให้ใช้งานง่าย ปรับดีไซน์ร้านจากเดิมที่เรียบๆ ให้ดูสนุก สดใสขึ้น” ณัฐพล กล่าว