โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

สรุปข่าวต่างประเทศ ประจำวันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม 2568

efinanceThai

เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สรุปข่าวต่างประเทศ ประจำวันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม 2568

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -4 ส.ค. 68 8:29: น.

*** สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) ปิดที่ 67.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 1.93 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.79%

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ปิดที่ 69.67 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 2.03 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.83%

แม้ราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงในวันศุกร์ แต่โดยรวมแล้วสัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.29% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6%

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่า 2 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อข่าวการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ รวมถึงรายงานตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้เกิดความกังวลต่อแนวโน้มอุปสงค์น้ำมัน

*** กลุ่ม OPEC+ บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีกครั้งในปริมาณมากสำหรับเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นการฟื้นฟูกำลังการผลิตส่วนที่เคยระงับไปให้กลับคืนมาอย่างสมบูรณ์ ขณะที่กลุ่มมุ่งมั่นที่จะทวงคืนส่วนแบ่งในตลาดโลก

โดยซาอุดีอาระเบียและสมาชิกพันธมิตร ให้คำมั่นเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 548,000 บาร์เรลต่อวันสำหรับเดือน ก.ย. ซึ่งการเพิ่มกำลังการผลิตครั้งนี้จะถือเป็นการยกเลิกการลดกำลังการผลิตรวม 2.2 ล้านบาร์เรลที่สมาชิก 8 ประเทศได้ทำไว้ในปี 2023 อย่างสมบูรณ์ รวมถึงการเพิ่มโควตาพิเศษให้กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้วย

*** เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียยืนยันว่า อินเดียจะยังคงเดินหน้าซื้อน้ำมันจากรัสเซียต่อไป แม้จะมีคำขู่เรื่องมาตรการลงโทษจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ซึ่งนอกจากมาตรการภาษีใหม่ 25% ที่เรียกเก็บจากการส่งออกของอินเดียไปยังสหรัฐฯ แล้ว ทรัมป์ยังได้โพสต์ข้อความบน Truth Social ว่า อินเดียจะต้องเผชิญกับบทลงโทษเพิ่มเติมจากการซื้ออาวุธและน้ำมันจากรัสเซีย แม้ทรัมป์จะเปิดเผยว่า ได้ทราบมาว่าอินเดียจะหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซียแล้วก็ตาม

อย่างไรก็ตาม อินเดียระบุว่า จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในทันที สัญญาซื้อขายน้ำมันเหล่านี้เป็นสัญญาระยะยาว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหยุดซื้อได้เพียงแค่ข้ามคืน

*** รายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ประจำเดือน ก.ค. เผยข้อมูลที่น่ากังวล โดย การจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (nonfarm payrolls) เติบโตต่ำกว่าคาด และตัวเลขย้อนหลังใน 2 เดือนก่อนหน้าถูกปรับลดลงอย่างมากถึง 258,000 ตำแหน่ง ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะตลาดแรงงานที่อ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว และทำให้ความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. กลับมาเป็นประเด็นที่ต้องจับตามองอีกครั้ง โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 73,000 ตำแหน่ง ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานในเดือน มิ.ย. ถูกปรับลดลงเป็น 14,000 ตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นจำนวนที่ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี

ก่อนหน้านี้ ผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์คาดการณ์ว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 110,000 ตำแหน่ง ในเดือน ก.ค. หลังจากที่รายงานเดือน มิ.ย. ระบุตัวเลขไว้ที่ 147,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.2% จาก 4.1% ในเดือนมิ.ย.

*** ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งปลดเอริกา แมคเอนทาร์เฟอร์ (Erika McEntarfer) ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแรงงาน กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ออกจากตำแหน่ง โดยทรัมป์กล่าวหามีการปั่นตัวเลขโดยไม่มีหลักฐาน ซึ่งยิ่งสร้างความกังวลมากขึ้นต่อคุณภาพของข้อมูลเศรษฐกิจที่เผยแพร่โดยรัฐบาลกลาง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่สนับสนุนคำกล่าวอ้างของทรัมป์เรื่องการบิดเบือนข้อมูล

*** เจมีสัน เกรียร์ (Jamieson Greer) ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ กล่าวว่า มีแนวโน้มสูงที่มาตรการเก็บภาษีนำเข้าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้กับหลายประเทศ วจะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป โดยจะไม่มีการลดหย่อนอัตราภาษีลงแม้จะอยู่ในระหว่างการเจรจาทางการค้าก็ตาม

ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ทำเนียบขาวได้เคยลดอัตราภาษีนำเข้าลงจากที่ประกาศไว้ในตอนแรก เช่น การลดภาษีนำเข้าลงครึ่งหนึ่งตามข้อตกลงกับสหภาพยุโรปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม เกรียร์ให้สัมภาษณ์ว่า มาตรการภาษีชุดล่าสุดนี้จะไม่เป็นเช่นนั้น อัตราภาษีจำนวนมากถูกกำหนดขึ้นตามข้อตกลง ซึ่งบางข้อตกลงมีการประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว บางส่วนยังไม่ได้ประกาศ และบางส่วนขึ้นอยู่กับระดับการขาดดุลหรือเกินดุลทางการค้ากับประเทศนั้นๆ อัตราภาษีเหล่านี้ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าจะไม่เปลี่ยนแปลง

*** ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกแถลงการณ์ระบุว่า อเดรียน่า คูเกลอร์ (Adriana Kugler) หนึ่งในกรรมการผู้ว่าการเฟด ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งก่อนกำหนดและจะมีผลตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. 2025 ซึ่งการลาออกครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการสรรหาผู้บริหารเฟดชุดใหม่ ที่กำลังเผชิญสถานการณ์วุ่นวายอยู่แล้ว ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

แถลงการณ์จากเฟดระบุว่า คูเกลอร์ซึ่งเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการเมื่อเดือน ก.ย. 2023 จะลาออกก่อนวาระที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ม.ค. 2026 โดยจะกลับไปเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ (Georgetown University)

*** Meta Platforms กำลังเร่งผลักดันแผนการดึงพันธมิตรภายนอกเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เพื่อขับเคลื่อนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยได้เปิดเผยแผนการขายสินทรัพย์ศูนย์ข้อมูล (data center) มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเอกสารที่ยื่นต่อทางการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ดังกล่าว

ซูซาน หลี่ (Susan Li) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ของ Meta กล่าวว่า เรากำลังพิจารณาแนวทางในการทำงานร่วมกับพันธมิตรทางการเงินเพื่อร่วมพัฒนาศูนย์ข้อมูล แม้ว่าบริษัทจะยังคงตั้งเป้าที่จะใช้เงินทุนภายในส่วนใหญ่สำหรับค่าใช้จ่ายลงทุน แต่หลี่กล่าวว่าโครงการบางส่วนอาจดึงดูด การระดมทุนจากภายนอกจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีความยืดหยุ่นมากขึ้นหากความต้องการด้านโครงสร้างพื้นฐานเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต

*** ทิม คุก (Tim Cook) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Apple ส่งสัญญาณว่า บริษัท พร้อมที่จะใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อตามทันคู่แข่งในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยอาจจะสร้างศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้นหรือเข้าซื้อบริษัทรายใหญ่ในภาคส่วนนี้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจากแนวทางที่มุ่งเน้นการใช้จ่ายอย่างประหยัดมาอย่างยาวนาน ที่ผ่านมา Apple ประสบปัญหาในการก้าวให้ทันคู่แข่งอย่าง Microsoft และ Google ในเครือ Alphabet ซึ่งต่างดึงดูดผู้ใช้หลายร้อยล้านคนด้วยแชตบอทและผู้ช่วย AI อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้ต้องแลกมาด้วยต้นทุนที่สูงลิ่ว โดย Google มีแผนจะใช้จ่ายถึง 85,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีหน้า ขณะที่ Microsoft เตรียมทุ่มเงินกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับศูนย์ข้อมูล

*** ข้อมูลการจดทะเบียนรถยนต์ Tesla ใหม่ในตลาดสำคัญของยุโรปเดือนก.ค. ที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงอย่างมาก แม้จะมีการปรับโฉม Model Y แล้วก็ตาม โดยบริษัทกำลังเผชิญกับหลายปัจจัยลบ ได้แก่ กระแสต่อต้านจากมุมมองทางการเมืองของซีอีโอ อีลอน มัสก์ ปัญหาด้านกฎระเบียบ และการแข่งขันที่สูงขึ้น

รถยนต์ของ Tesla รุ่นเก่าเริ่มเผชิญกับคลื่นการแข่งขันจากรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ราคาประหยัด โดยเฉพาะจากผู้ผลิตในจีน นอกจากนี้ Tesla ซึ่งกำลังเปิดตัว Model Y ที่ปรับโฉมใหม่และเริ่มผลิตรถรุ่นใหม่ที่มีราคาถูกลง แต่การผลิตจะเพิ่มขึ้นอย่างจริงจังในไตรมาสหน้า ซึ่งล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยยอดขายในเดือน ก.ค. ลดลงเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน ในหลายประเทศ ได้แก่สวีเดน ลดลง 86%, เดนมาร์ก ลดลง 52%, ฝรั่งเศส ลดลง 27%, เนเธอร์แลนด์ ลดลง 62%, เบลเยียม ลดลง 58%, อิตาลี ลดลง 5% และโปรตุเกส ลดลง 49% โดยรวมยอดขาย Tesla ในยุโรปช่วงครึ่งแรกของปีลดลงมากกว่า 1 ใน 3

*** คณะลูกขุนรัฐฟลอริดา ตัดสินให้บริษัท Tesla ต้องจ่ายเงินชดเชยแก่ผู้เสียหายจากอุบัติเหตุรถยนต์รุ่น Model S ที่ติดตั้งระบบ Autopilot ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในปี 2019 เป็นจำนวนเงินถึง 243 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คำตัดสินครั้งนี้อาจนำไปสู่การฟ้องร้องทางกฎหมายเพิ่มเติมกับบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าของอีลอน มัสก์

คำตัดสินดังกล่าว ถือเป็นชัยชนะที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักสำหรับผู้เสียหายจากอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับระบบ Autopilot ซึ่งสวนทางกับความพยายามของมัสก์ในการขยายธุรกิจ robotaxi ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน โดยใช้ซอฟต์แวร์ช่วยขับขี่ขั้นสูง หุ้น Tesla ปรับตัวลดลงในวันศุกร์ที่ผ่านมา 1.8% และลดลงแล้ว 25% ในปีนี้

*** เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ (Berkshire Hathaway) ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ รายงานว่า บริษัทได้บันทึกผลขาดทุนจากการลงทุนในหุ้นคราฟท์ ไฮนซ์ (Kraft Heinz) ในไตรมาสที่ 2 เป็นมูลค่า 3,760 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการลงทุนที่มีมานานกว่าทศวรรษนี้ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

นอกจากนี้ เบิร์กเชียร์ ยังเปิดเผยผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสเดียวกันที่ลดลง 4% เนื่องจากรายได้จากธุรกิจประกันภัยลดลง เมื่อรวมผลขาดทุนจากการด้อยค่าและกำไรจากหุ้นที่ลดลง ส่งผลให้กำไรสุทธิโดยรวมลดลงถึง 59%

*** อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เตรียมลดงบประมาณลงกว่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และวางแผนปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ หลังสหรัฐฯ ในฐานะผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดของ UN ประกาศลดการสนับสนุนทางการเงิน โดยแผนดังกล่าวจะลดรายจ่ายและจำนวนพนักงานลง 20% ทำให้งบประมาณของ UN ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 3,700 ล้านดอลลาร์ ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2018 โดยจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานกว่า 3,000 ตำแหน่ง

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระงับการให้เงินสนับสนุนแก่ UN และถอนตัวออกจากหลายหน่วยงานภายใต้สหประชาชาติ โดยคาดว่าจะมีการพิจารณาลดการสนับสนุนเพิ่มเติมในระยะถัดไป ซึ่งงบประมาณของ UN พึ่งพาสหรัฐฯ สูงถึง 22%

*** สถานทูตจีนในบราซิล ประกาศว่า จีนได้อนุมัติให้บริษัทกาแฟบราซิล 183 แห่งสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์กาแฟไปยังตลาดจีนได้ โดยมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ส่งออกในท้องถิ่น หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงสำหรับกาแฟและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของบราซิล โดยใบอนุญาตส่งออกฉบับใหม่จากจีนนี้ มีอายุ 5 ปี

รายงาน โดย สิริพงศ์ สิริชุมศรี เรียบเรียง โดย Supak Hopuengju
อีเมล์. supak@efinancethai.com
ดูข่าวต้นฉบับ

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก efinanceThai

THAI เปิดเทรดวันแรกหลังออกแผนฟื้นฟูฯ ที่ 10.50 บาท โบรกฯจับตา Fast Track เข้า SET50/SET100

24 นาทีที่แล้ว

`มิตซูบิชิฯ` เสนอซื้อ TU รวม 532 ล้านหุ้น ราคา 12.50 บาท/หุ้น หวังถือหุ้นเป็น 20% เพิ่มความร่วมมือธุรกิจ

52 นาทีที่แล้ว

สรุปหุ้นเด่นทางพื้นฐาน (04/08/68)

56 นาทีที่แล้ว

GUNKUL ทำสัญญาวินด์ฟาร์มกับ กฟผ. 2 โครงการ กำลังผลิตรวม 180 MW หนุนมีสัญญา PPA ในมือ 17 โครงการ

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

ปตท. จับมือ ไทยพาณิชย์ เปิดตัว ESG Asset Enhancement Program หนุนพันธกิจทางพลังงาน

The Bangkok Insight

THAI เปิดเทรดวันแรกหลังออกแผนฟื้นฟูฯ ที่ 10.50 บาท โบรกฯจับตา Fast Track เข้า SET50/SET100

efinanceThai

หุ้น THAI ราคาเปิดอยู่ที่ 10.50 บาท หลังกลับมาเทรดเป็นวันแรก

ทันหุ้น

KGI เจาะ 2 หุ้นเด่น แนะเก็งกำไร ตามปัจจัยพื้นฐาน

ทันหุ้น

‘GGC’ ครบรอบ 2 ทศวรรษ ขับเคลื่อนธุรกิจเคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม

The Bangkok Insight

Mitsubishi Corporation ขอซื้อหุ้น TU เพิ่ม 13.81% ยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในระยะยาว

ทันหุ้น

UBA คว้างานบริหารระบบน้ำ “หนองแขม–ทุ่งครุ” เฟส 5 มูลค่า 847 ล้านบาท

ข่าวหุ้นธุรกิจ

โบรกฯ แนะเก็งกำไรหุ้น3 ธีมมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว -รับผลดี THAI กลับมาเทรด

ทันหุ้น

ข่าวและบทความยอดนิยม

เปิดสูตรความสำเร็จ THE KLINIQUE ธุรกิจความงามบนเวทีตลาดหุ้น

efinanceThai

จับตา IPO ครึ่งหลังปี 68 คึกคัก 11 หุ้นใหม่จ่อเข้าเทรด ขยับพอร์ตนักลงทุน

efinanceThai

ดัชนี SETHD คือ อะไร? และทำไมถึงสำคัญสำหรับนักลงทุนหุ้นปันผล

efinanceThai
ดูเพิ่ม
Loading...