2025 ปีแห่งการรีเซ็ตองค์กร AI กลืนงานหายแล้วเกือบแสนตำแหน่ง บิ๊กเทคปรับโครงสร้าง ปลดคนระนาว
ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว Sam Altman ซีอีโอแห่ง OpenAI และหนึ่งในมหาเศรษฐีสายเทค เคยกล่าวไว้ว่า “ปี 2025 จะเป็นปีที่ AI agents ทำงานแทนคนได้จริง” และแม้ว่าทุกวันนี้เราจะยังไม่ได้สัมผัสรสชาติที่ AI เข้ามาแทนที่คนอย่างเห็นได้ชัด แต่กระแสความฮือฮาเกี่ยวกับ AI Agent กำลังร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ปัจจุบันเริ่มมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ เมื่อบริษัทน้อยใหญ่หลายแห่ง กำลังพิจารณาปรับเปลี่ยนโครงสร้าง ดึงเอา AI เข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ แม้จะไม่ใช่ทั้ง 100% แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ส่งผลกระทบถึงใครหลายคน
หลายบริษัททั่วโลกเริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อ “ลดต้นทุน” และ “เพิ่มประสิทธิภาพ” ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งผลกระทบที่ตามมาคือ “แรงงานมนุษย์” กำลังถูกแทนที่และเผชิญกับกระแสปลดพนักงานระลอกแล้วระลอกเล่า Thairath Money ได้รวบรวมรายนามบริษัททั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ว่าในปี 2025 มีบริษัทใดบ้างที่ยอมรับว่าปลดพนักงานจำนวนมาก ซึ่งหากลองนับรวม ๆ ปลดไปแล้วเกือบแสนตำแหน่งเลยทีเดียว และหันไปลงทุนด้าน AI เพิ่มมากขึ้น
Microsoft ปลดคนเพิ่มอีกกว่า 9,000 คน
Microsoft เผย บริษัทเตรียมปลดพนักงานประมาณ 4% ของพนักงานทั้งหมด โดยคิดเป็นจำนวนราว 9,100 คน โดยคาดว่าจะปลดคนในฝ่าย Xbox และฝ่ายผลิตเกม โดยสำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ฝ่ายที่ชื่อว่า King หรือผู้พัฒนาเกมดังอย่าง Candy Crush เตรียมที่จะปลดคนออกราว 10% และฝ่ายอื่น ๆ อีกหลายตำแหน่ง
ทั้งนี้ Microsoft ได้ปลดพนักงานไปแล้วก่อนหน้านี้ราว 6,000 คนในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยบริษัทมีแผนที่จะลงทุนกว่า 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ โดยเฉพาะในด้าน AI ที่กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดในระดับโลก
แต่ต้นทุนการขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI กลับพุ่งสูงอย่างมาก จนเริ่มฉุดกำไรของบริษัท โดยเฉพาะในธุรกิจคลาวด์ที่ถือเป็นหนึ่งในรายได้หลัก ทาง Microsoft ระบุว่า อัตรากำไรของธุรกิจคลาวด์ในไตรมาสเดือนมิถุนายนจะลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยี AI ที่มากเกินคาด
Microsoft จึงได้ออกแถลงการณ์ว่า เตรียมลดชั้นโครงสร้างองค์กร (Organizational Layers) โดยเฉพาะการลดจำนวนพนักงานระดับผู้จัดการ พร้อมทั้งวางแผนปรับปรุงผลิตภัณฑ์ กระบวนการทำงาน และบทบาทหน้าที่ เพื่อลดความซับซ้อน และควบคุมต้นทุนให้สอดรับกับทิศทางขององค์กรในยุคที่ AI กำลังกลืนงบประมาณจำนวนมหาศาล
Amazon ปลดพนักงานรวมแล้วกว่า 27,000 คน
Andy Jassy ซีอีโอของ Amazon เปิดเผยว่า Amazon กำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยพลังของ Generative AI ซึ่งไม่ใช่แค่เพิ่มนวัตกรรม แต่ยังหมายถึงจำนวนพนักงานในตำแหน่งทั่วไปภายในองค์กรจะน้อยลงด้วย
Andy Jassy ชี้ว่า ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่ “ย่อมมีคนที่ทำงานน้อยลงในตำแหน่งที่เทคโนโลยีสามารถทำแทนได้” ซึ่งเป็นธรรมชาติของวิวัฒนาการทางธุรกิจ ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ Amazon ที่ถือว่าเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ได้ทำการปลดพนักงานไปแล้วกว่า 27,000 ตำแหน่งทั่วโลก
โดยล่าสุดได้ปลดพนักงานในฝั่ง Books ออกกว่าร้อยตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่าต้องการที่จะเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงการดำเนินงานให้คล่องตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ Amazon ก็ได้เปิดรับตำแหน่งใหม่อีกกว่า 4,000 ตำแหน่งเข้ามาด้วย
Andy Jassy กล่าวว่า AI ได้เริ่มเข้ามาช่วยให้พนักงาน Amazon หลุดพ้นจากงานรูทีนที่ซ้ำซากน่าเบื่อ ทำให้พนักงานสามารถโฟกัสไปที่การคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ และงานที่มีคุณค่าสูงขึ้น ซึ่งแม้จะฟังดูดี แต่ก็ยังเป็นคำเตือนว่า ตำแหน่งที่ไม่สามารถปรับตัวหรือสร้างคุณค่าใหม่ให้กับองค์กร อาจถูกแทนที่โดยสมบูรณ์
Meta ปลดคนรวมแล้วกว่า 21,000 คน
เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา Business Insider รายงานว่า Meta เตรียมปลดพนักงานอีกราว 5% โดยเน้นหนักไปที่พนักงานกลุ่มที่มีผลงานต่ำ ตามยุทธศาสตร์ใหม่ของซีอีโอ Mark Zuckerberg ที่ต้องการ “ยกระดับมาตรฐานการบริหารผลงาน” และ “เร่งคัดคนที่ผลงานไม่ผ่านเกณฑ์ออกจากองค์กร”
Mark Zuckerberg เขียนโพสต์ใน Workplace แพลตฟอร์มทำงานภายในของ Meta ว่า บริษัทจะดำเนินการ “ปลดพนักงานตามผลงานอย่างเข้มข้นขึ้น” ในช่วงรอบการประเมินผลงานของปีนี้
ทั้งนี้ Meta เริ่มปลดพนักงานไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ โดยทีมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ ทีมดูแล Facebook ทีมพัฒนาแพลตฟอร์ม Horizon VR (Virtual Reality) และทีมด้านโลจิสติกส์
และถัดมาในเดือนเมษายน Meta ยังปลดพนักงานอีกจำนวนหนึ่งโดยไม่ได้ระบุตัวเลขออกจากทีม Reality Labs ซึ่งเป็นแผนกหลักด้านเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง (VR)
ที่ผ่านมา Meta ได้ปลดพนักงานไปแล้วมากกว่า 21,000 คนตั้งแต่ปี 2022 ซึ่งสะท้อนถึงการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในยุคที่บริษัทกำลังเร่งพัฒนา AI และเทคโนโลยีโลกเสมือน พร้อมทั้งคัดคนให้องค์กรมีประสิทธิภาพสูงสุด
IBM ปลดคนกว่า 8,000 แถมใช้ AI แทน HR แล้ว
มีรายงานออกมาว่า IBM ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ได้ปลดพนักงานไปแล้วราว 8,000 คน โดยตำแหน่งที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล หรือ HR ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการใหญ่ในการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในกระบวนการทำงานหลังบ้านขององค์กร
โดยเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมปี 2025 นี้ IBM ได้เริ่มแทนที่ตำแหน่ง HR กว่า 200 ราย ด้วยระบบ AI Agent ที่สามารถทำงานซ้ำ ๆ ทางธุรการ เช่น การตอบคำถามพนักงาน การจัดการเอกสาร และการจัดระบบข้อมูล HR ได้อย่างอัตโนมัติ โดยที่แทบไม่ต้องอาศัยการดูแลจากมนุษย์ ซึ่งจุดประสงค์หลักของการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้คือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการดำเนินงาน
การตัดสินใจครั้งล่าสุดของ IBM ถือเป็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแนวทางการบริหารจัดการแรงงานขององค์กร โดย Arvind Krishna ซีอีโอของ IBM ออกมายืนยันอย่างชัดเจนว่า บริษัทกำลังพึ่งพาระบบอัตโนมัติ (Automation) มากขึ้นเรื่อย ๆ
โดย Arvind Krishna เคยให้สัมภาษณ์ว่า IBM กำลังนำ AI มาใช้งานเชิงรุกอย่างจริงจัง เพื่อทำให้กระบวนการทำงานภายในองค์กรคล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะในระดับองค์กรธุรกิจ (Enterprise Workflows)
และแม้ว่าบางฝ่ายจะถูกปรับลดจำนวนพนักงานลง เช่น ฝ่าย HR ที่โดนแทนที่ด้วย AI แต่เขาย้ำว่า จำนวนพนักงานทั้งหมดของ IBM นั้นเพิ่มขึ้น เพราะเงินที่ประหยัดได้จากการใช้ระบบอัตโนมัติ ได้ถูกนำไปลงทุนในฝ่ายอื่นแทน เช่น การพัฒนาซอฟต์แวร์ การตลาด และฝ่ายขาย
Duolingo ปลดคนเดินหน้านโยบาย AI-First
Duolingo แอปพลิเคชันเรียนภาษาชื่อดัง เตรียมปรับทิศทางองค์กรครั้งใหญ่ โดยประกาศว่าจะค่อย ๆ เลิกจ้างพนักงานชั่วคราว หรือกลุ่ม Freelancer และ Outsourcing ในงานที่ AI สามารถทำแทนได้ ตามอีเมลที่ส่งถึงพนักงานทั้งองค์กรโดย Luis von Ahn ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของบริษัท ซึ่งต่อมาถูกโพสต์ลงในบัญชี LinkedIn อย่างเป็นทางการของ Duolingo ด้วย
โดย Luis von Ahn ระบุว่า การเป็นบริษัท AI-First ไม่ใช่แค่การปรับเล็ก ๆ น้อย ๆ ในระบบเดิมที่ออกแบบมาเพื่อมนุษย์ แต่คือการต้องคิดใหม่แทบทั้งหมดว่าบริษัทจะทำงานอย่างไรในยุค AI โดยจะมีการตั้งข้อจำกัดเชิงสร้างสรรค์ (Constructive Constraints) เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่างเช่น
- เปลี่ยนวิธีทำงานกับคอนแทรกเตอร์ โดยจะใช้ AI ทำแทนในงานที่ซ้ำซาก
- ใช้ AI ในกระบวนการจ้างงานและการประเมินผลงาน
- จะเพิ่มจำนวนพนักงานก็ต่อเมื่อทีมไม่สามารถใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพได้อีกแล้ว
แม้จะมีการลดการจ้างคอนแทรกเตอร์และใช้ AI มากขึ้น Luis von Ahn ยืนยันว่า “Duolingo ยังคงเป็นบริษัทที่ใส่ใจพนักงานอย่างลึกซึ้ง และการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่การเอา AI มาแทน Duos (พนักงาน) แต่เป็นการลบจุดติดขัด (Bottlenecks) เพื่อให้พนักงานสามารถมุ่งไปที่งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ และแก้ปัญหาจริง มากกว่าการทำงานซ้ำ ๆ”
Klarna ลดคนได้ 40% เพราะใช้ AI แทน
Sebastian Siemiatkowski ซีอีโอของ Klarna ฟินเทคยักษ์ใหญ่จากสวีเดน ออกมาเปิดเผยตรง ๆ ว่า บริษัทสามารถลดจำนวนพนักงานลงได้ถึงประมาณ 40% โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนในเทคโนโลยี AI รวมถึงการลดลงตามธรรมชาติของแรงงาน (Natural Attrition)
Klarna เป็นหนึ่งในบริษัทที่ประกาศชัดเจนว่าจะใช้ AI อย่างเข้มข้นในการดำเนินธุรกิจ โดยอ้างว่า AI ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอย่างมาก และหากย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว บริษัทยังเคยใช้ AI เวอร์ชันซีอีโอ Sebastian Siemiatkowski เพื่อประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ซึ่งทำให้เห็นได้ชัดว่า AI สามารถทำงานแทนคนในหลายตำแหน่งได้จริง
Klarna เริ่มจับมือกับ OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT ตั้งแต่ปี 2023 และในปีถัดมาก็เปิดตัว AI ผู้ช่วยบริการลูกค้า ซึ่งสามารถตอบคำถามและช่วยงานได้ตลอดเวลา โดยบริษัทเคยระบุว่า AI ตัวนี้สามารถทำงานแทนพนักงานบริการลูกค้าได้ถึง 700 คน
และจากข้อมูลในหนังสือชี้ชวนเพื่อเตรียมเข้าตลาดหุ้น (IPO) ที่ยื่นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Klarna ระบุว่า จำนวนพนักงานประจำของบริษัทลดลงจาก 5,527 คนในเดือนธันวาคม 2022 เหลือเพียง 3,422 คนในเดือนธันวาคม 2023 โดยบริษัทชี้ชัดว่าการลดคนเกิดจากการปรับใช้ AI เพื่อลดต้นทุนด้านทรัพยากรบุคคล และคาดว่าแนวโน้มการลดจำนวนพนักงานจะยังคงดำเนินต่อไปในอนาคตอีกด้วย
CrowdStrike ลดคนกว่า 500 คน หันไปใช้ AI แทน
CrowdStrike บริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ประกาศเมื่อเดือนพฤษภาคมว่าเตรียมที่จะปลดพนักงานกว่า 500 ราย คิดเป็นประมาณ 5% ของพนักงานทั้งหมด โดยซีอีโอ George Kurtz ระบุอย่างตรงไปตรงมาว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นผลจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI
ซึ่งในบันทึกข้อความภายในที่แนบไว้กับเอกสารยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ George Kurtz เขียนว่า “AI เป็นรากฐานในการดำเนินธุรกิจของเรามาโดยตลอด” และ “AI ช่วยให้เราลดอัตราการจ้างงาน เร่งกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากไอเดียสู่ตลาดได้เร็วขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงลูกค้า รวมถึงช่วยงานทั้งในส่วนหน้าบ้านและหลังบ้านของบริษัท”
เขายังระบุด้วยว่า AI คือพลังที่ช่วยขยาย ทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มจำนวนพนักงานในอัตราเดิมอีกต่อไป
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปิดเผยอีกว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปลดพนักงานครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึง 53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยประมาณ 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะถูกรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายในไตรมาสแรก ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา
และค่าใช้จ่ายส่วนที่เหลือจากการปลดพนักงานจะถูกบันทึกในไตรมาสที่สอง โดยค่าใช้จ่ายเหล่านี้ประกอบไปด้วย เงินสดที่บริษัทต้องจ่ายในอนาคต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินชดเชยการเลิกจ้าง สวัสดิการพนักงาน และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ
Salesforce ปลดคนกว่า 1,000 ตำแหน่ง หันมาเน้นผลิตภัณฑ์ AI
สำนักข่าว Bloomberg รายงานเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า Salesforce บริษัทซอฟต์แวร์บริหารลูกค้าบนระบบคลาวด์ เตรียมปลดพนักงานมากกว่า 1,000 คน จากพนักงานทั้งหมดที่มีอยู่เกือบ 73,000 คนทั่วโลก
โดยพนักงานที่ได้รับผลกระทบจะมีสิทธิ์สมัครงานในตำแหน่งภายในที่ยังว่างอยู่ โดยบริษัทกำลังเปิดรับสมัครทีมขายที่เน้นผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Salesforce ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI มากขึ้น
ทั้งนี้ การปรับลดครั้งนี้เกิดขึ้นแม้ว่า Salesforce จะมีรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่งเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา สะท้อนถึงแนวโน้มของหลายบริษัทเทคโนโลยีที่เริ่มปรับโครงสร้างแรงงานให้เหมาะสมกับยุค AI แม้รายได้จะยังเติบโตอยู่ก็ตาม
Bumble มีแผนปลดคน 30% ของพนักงานทั้งหมด
Bumble แอปพลิเคชันหาคู่ชื่อดัง เปิดเผยผ่านเอกสารยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า บริษัทมีแผนปลดพนักงาน 240 คน หรือคิดเป็นประมาณ 30% ของพนักงานทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายจากการปรับโครงสร้างอยู่ระหว่าง 13 - 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปี
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าจะสามารถประหยัดต้นทุนต่อปีได้ราว 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการปรับลดพนักงานครั้งนี้ ซึ่ง Bumble มีแผนนำเงินส่วนดังกล่าวกลับมาลงทุนต่อในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อเสริมศักยภาพในระยะยาว
โฆษกของ Bumble กล่าวว่า “เราเพิ่งตัดสินใจในเรื่องที่ยาก เพื่อปรับโครงสร้างทีมให้สอดคล้องกับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของบริษัท” โดยยังยืนยันว่า การตัดสินใจเลิกจ้างพนักงานมากกว่า 200 คนนี้ ไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่าย ๆ
“การปลดพนักงานของ Bumble สะท้อนถึงกลยุทธ์ใหม่ของบริษัท ที่มุ่งเน้นการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้งาน มากกว่าการโฟกัสที่รายได้หรือการเติบโตของจำนวนผู้ใช้ในระยะสั้น” และยังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของซีอีโอ Whitney Wolfe Herd ที่ต้องการให้โครงสร้างองค์กรของ Bumble มีความคล่องตัวแบบสตาร์ทอัพมากยิ่งขึ้น
Intel เตรียมปลดคนในโรงงานผลิตชิปออก 15%
มีรายงานจาก The Oregonian เมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า บริษัทผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่อย่าง Intel ได้ส่งบันทึกภายในแจ้งพนักงาน โดยเตรียมที่จะปลดพนักงานประมาณ 15% ถึง 20% ของจำนวนพนักงานในแผนก Foundry ซึ่งเป็นฝ่ายผลิตชิปของบริษัท โดยส่วนใหญ่ของการปลดจะเกิดขึ้นภายในเดือนกรกฎาคมนี้
ทาง Intel ได้ออกมายืนยันว่าบันทึกดังกล่าวเป็นของจริง แต่ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาในเอกสาร โดย Intel ระบุในรายงานประจำปีว่า บริษัทมีพนักงานทั้งหมดประมาณ 108,900 คน ณ เดือนธันวาคม 2024 และมีแผนจะลดจำนวนพนักงานใน “หน่วยงานหลักของ Intel” ลงประมาณ 15% ในช่วงต้นปี 2025
โฆษกของ Intel กล่าวว่า “การลดความซับซ้อนขององค์กร และการเพิ่มอำนาจให้กับวิศวกรของเรา จะช่วยให้เราตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และเสริมความแข็งแกร่งในการดำเนินงานของเรา”
การปลดพนักงานครั้งนี้สะท้อนก้าวสำคัญภายใต้ซีอีโอคนใหม่อย่าง Lip-Bu Tan ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อไม่นานมานี้ ตามแผนที่จะพลิกฟื้น Intel หลังเผชิญวิกฤตต่อเนื่องจากปัญหาภายในและการบริหารผิดพลาด
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า Lip-Bu Tan เตรียมเดินหน้ายกเครื่องครั้งใหญ่ ทั้งด้านการผลิตและการดำเนินงานด้าน AI ของ Intel หลังจากบริษัทสูญเสียความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการผลิตชิปให้กับ TSMC ของไต้หวัน และยังพลาดโอกาสทองจากความต้องการชิป AI ที่พุ่งสูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้คู่แข่งอย่าง Nvidia ครองตลาดไปแทน
เจ้าของ Tumblr - WordPress ประกาศลดคน 16% ทั่วโลก
Automattic บริษัทเทคโนโลยีเจ้าของแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง Tumblr และ WordPress ประกาศในเดือนเมษายนว่าเตรียมปลดพนักงาน 16% จากจำนวนพนักงานทั้งหมดทั่วโลก โดยในเว็บไซต์ของบริษัทระบุว่ามีพนักงานเกือบ 1,500 คน นั่นหมายความว่าการปลดครั้งนี้กระทบพนักงานประมาณ 240 คน
Matt Mullenweg ซีอีโอของ Automattic ระบุในบันทึกที่ส่งถึงพนักงาน และเผยแพร่ต่อสาธารณะว่า “แม้รายได้ของเราจะยังคงเติบโต แต่ Automattic กำลังอยู่ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง และเทคโนโลยีก็กำลังเปลี่ยนแปลงในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน”
เขาเสริมว่าบริษัทจำเป็นต้องปรับโครงสร้างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มความสามารถในการทำกำไร และการลงทุนในอนาคต
ทั้งนี้ Automattic ยังระบุว่า บริษัทได้จัดสรรเงินชดเชย และช่วยจัดหางานใหม่ให้กับพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการปรับลดในครั้งนี้ด้วย
ที่มา: Business Insider [1][2], Forbes, WSJ, Tech.co, Business Today, Reuters [1][2][3][4][5], CNBC [1][2], Economic Times, The Verge [1][2]
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : 2025 ปีแห่งการรีเซ็ตองค์กร AI กลืนงานหายแล้วเกือบแสนตำแหน่ง บิ๊กเทคปรับโครงสร้าง ปลดคนระนาว
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : Thairath Money
- LINE Official : Thairath