‘เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต’ เปิดประชันฝีมือเชฟ มุ่งสู่อุตสาหกรรมอาหารยั่งยืน
นายเจเรมี โลร็องต์ Joint Venture Director โรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต เปิดเผยว่า ได้เดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหาร ด้วยการส่งเสริมแนวคิดด้านความยั่งยืน ผ่านการเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่น และการบรรจุเทรนด์อาหาร Plant-Based Culinary Arts หรือ“การประกอบอาหารจากพืช" ไว้ในหลักสูตร โดยเปิดรับผู้เรียนที่มีใจรักด้านการทำอาหารตั้งแต่อายุ 7 ปีขึ้น ไม่ว่าจะเพื่อเป็นงานอดิเรก หรือพัฒนาทักษะเพื่อต่อยอดสู่สายอาชีพอย่างมีระดับ
ล่าสุด ได้เปิดตัวการแข่งขัน “The Taste of Le Cordon Bleu” เวทีประชันฝีมือเพื่อเฟ้นหาเชฟรุ่นใหม่ผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ ความคิดสร้างสรรค์ และความหลงใหลในศาสตร์แห่งการทำอาหารจากนักเรียนของสถาบัน โดยการแข่งขันครั้งนี้จะถูกถ่ายทอดผ่านวิดีโอซีรีส์ความยาว 4 ตอน ทางช่อง YouTube ของสถาบัน ซึ่งมีกำหนดออกอากาศตอนแรกในวันที่ 9 สิงหาคม 2568 นี้
เวที “The Taste of Le Cordon Bleu” นับเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนจากหลากหลายหลักสูตรของ เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต มาร่วมแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ ทั้งในด้านความคิดสร้างสรรค์ ทักษะ และความมุ่งมั่น ตลอดจนการนำเสนอเมนูอาหารอย่างน่าสนใจ ซึ่งการแข่งขันจะออกเป็น 3 หมวดหลัก ได้แก่ อาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก และขนมหวาน
คุณเจเรมี โลร็องต์ Joint Venture Director โรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต กล่าวว่า “การแข่งขันครั้งนี้ได้จัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนของเราได้แสดงศักยภาพและถ่ายทอดความหลงใหลในศิลปะการประกอบอาหาร ผ่านการเล่าเรื่องที่สะท้อนตัวตนในสไตล์รายการทำอาหารยอดนิยมบน YouTube โดยเวที ‘The Taste of Le Cordon Bleu’ ไม่เพียงเป็นพื้นที่ให้นักเรียนได้เฉิดฉาย แต่ยังจุดประกายแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนรุ่นใหม่และผู้ที่สนใจเรียนกับเราในอนาคต อีกทั้งยังสะท้อนถึงชื่อเสียงของสถาบันที่มีมายาวนานถึง 130 ปี และตอกย้ำบทบาทของเราฐานะสถาบันสอนทำอาหารที่ทันสมัยและก้าวสู่เวทีระดับโลกอย่างมั่นคงอีกด้วย”
นายโรดอล์ฟ โอนโน หนึ่งในคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของการแข่งขัน “The Taste of Le Cordon Bleu” กล่าวว่า “การแข่งขันครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักเรียนหลากหลายสาขาวิชา โดยเราได้คัดเลือกผู้สมัครเข้าสู่รอบการแข่งขันจำนวน 4 คน แบ่งเป็นผู้เข้าแข่งขันชาวไทย 1 คน และชาวต่างชาติ 3 คน (จีน, ฮ่องกง และอินโดนีเซีย) ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้ได้มีการถ่ายทำในรูปแบบรายการทำอาหารแนวร่วมสมัย ถ่ายทอดบรรยากาศที่สนุกสนาน ตื่นเต้น และเข้าถึงง่าย และเปิดโอกาสให้ทุกท่านได้เข้าชมแต่ละซีรีส์ผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ยอดนิยมอย่าง YouTube”