แจ่ม! TRUE ไตรมาส 2/68 โชว์กำไรสุทธิ 2,031 ล้าน ทำกำไร 2 ไตรมาสติด
นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานทางการเงินในไตรมาส 2/2568 ยังคงทรงตัว ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายและเหตุการณ์โครงข่ายขัดข้องชั่วคราว โดยทรู คอร์ปอเรชั่น สามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน ตามความมุ่งมั่นของเราต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
นอกจากนี้ การที่ทรูชนะการประมูลคลื่นความถี่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ทรูครอบครองคลื่นความถี่ครบและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราจะใช้ประโยชน์จากการจัดสรรคลื่นความถี่นี้มาเพื่อเพิ่มความสามารถของเครือข่าย รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแห่งอนาคต รวมถึงการเร่งผลักดันบริการทางดิจิทัลใหม่ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของทั้งลูกค้ารายย่อยและลูกค้าองค์กร
ขณะเดียวกัน เพื่อให้ธุรกิจก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เราจึงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนการเติบโตแบบพลิกโฉม ผ่านการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน การแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และการเสริมสร้างความเป็นผู้นำในตลาดอย่างยั่งยืน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งเน้นการสร้างฐานลูกค้าที่มีคุณภาพ จากความพยายามลดจำนวนผู้ใช้งานใหม่จากการหมุนเวียนของฐานลูกค้าเดิมลง (rotational gross adds) รวมทั้งการปรับปรุงโครงสร้างค่าใช้จ่ายด้านคอมมิชชั่นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ จำนวนผู้ใช้บริการยังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยลดลง
จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในไตรมาส 2/2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 47.5 ล้านเลขหมาย ลดลง 2.9 ล้านเลขหมาย หรือลดลง 5.8% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 จำนวนผู้ใช้บริการ 5G มีจำนวน 14.7 ล้านเลขหมาย ขณะที่จำนวนผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตบ้านเพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 3.8 ล้านราย
นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE กล่าวว่า ไตรมาส 2/2568 ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานกำไรสุทธิหลังหักภาษี 2,031 ล้านบาท โดยบันทึกผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (one-time costs) จำนวน 2,526 ล้านบาท ที่เกี่ยวข้องกับการด้อยค่าสินทรัพย์จากการดำเนินการพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัย และการยุติบริการคลื่น 850 MHz เมื่อปรับปรุงผลกระทบจากรายการครั้งเดียวและผลประโยชน์ทางภาษีในไตรมาส 2/2568 จำนวน 368 ล้านบาท กำไรสุทธิหลังหักภาษีมีจำนวน 4,189 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) สำหรับไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 7,200 ล้านบาท ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นต้นทุนการบูรณาการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัย
ทรู คอร์ปอเรชั่น บันทึกการปรับตัวดีขึ้นของ EBITDA จำนวน 5,500 ล้านบาท นับตั้งแต่การควบรวมกิจการ สะท้อนถึงความสามารถทางการเงินที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องของ EBITDA สำหรับ EBITDA ในไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 24,975 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 1.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยได้รับผลกระทบเชิงลบจากการลดลงของรายได้ อันเป็นผลจากเหตุการณ์โครงข่ายขัดข้องชั่วคราว และรายได้จากการให้บริการข้ามโครงข่ายภายในประเทศที่ลดลง
สำหรับ EBITDA ที่ปรับปรุงแล้วยังคงทรงตัว เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน EBITDA ยังคงได้รับประโยชน์จากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมกิจการ ประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการรักษาวินัยทางการเงิน
อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการ ปรับตัวดีขึ้น 2.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 60.8% สำหรับไตรมาส 2/2568 อัตราส่วนหนี้สินต่อกำไรของทรู คอร์ปอเรชั่น อยู่ที่ 4.0 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 ลดลง 0.7 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 0.1 เท่า เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
ไตรมาส 2/2568 รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย IC อยู่ที่ 41,052 ล้านบาท ลดลง 0.6% เทียบกับไตรมาสก่อน โดยเป็นผลจากการลดลงของกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิก ชดเชยบางส่วนจากการเติบโตของธุรกิจออนไลน์ เมื่อปรับปรุงผลกระทบจากเหตุการณ์โครงข่ายขัดข้องชั่วคราว และการลดลงของรายได้จากการให้บริการข้ามโครงข่ายภายในประเทศ รายได้จากการให้บริการปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน
ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานรายได้รวมไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 49,596 ล้านบาท ลดลง 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากการลดลงของรายได้จากการให้บริการ การลดลงของรายได้ค่าเช่าโครงข่ายอันเป็นผลจากการโอนย้ายผู้ใช้บริการออกจากคลื่น 850 MHz ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาในเดือนสิงหาคม 2568 และรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ลดลงจากปัจจัยตามฤดูกาล
“ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2568 มีกำไรสุทธิหลังหักภาษี เป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน ทั้งนี้ การเติบโตของรายได้หลักชะลอตัวลงในระหว่างไตรมาสที่สอง ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากเหตุการณ์โครงข่ายขัดข้องชั่วคราว ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อรายได้จากบริการธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่”
สำหรับไตรมาส 2/2568 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย หรือ D&A ลดลง 8.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ต้นทุนโครงข่ายลดลง 7.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากค่าไฟฟ้าที่ลดลงและการประหยัดต้นทุนจากการดำเนินการพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization)
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ลดลง 12.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับผลประโยชน์จากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมกิจการ จากการปรับโครงสร้างองค์กรให้ทันสมัยและการริเริ่มกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ๆ ด้วยการบูรณาการกรอบการดำเนินงานที่มุ่งเน้นความสามารถในการทำกำไรอย่างยั่งยืนและวินัยทางการเงินที่แข็งแกร่ง ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังคงสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม จากภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่เป็นอุปสรรคต่อประเทศไทยในปี 2568 การปรับลดแนวโน้มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ และผลกระทบจากเหตุการณ์โครงข่ายขัดข้องชี่วคราวต่อรายได้จากการให้บริการธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ คณะผู้บริหารบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จึงได้ปรับเป้าหมายการดำเนินงานปี 2568
โดยคณะผู้บริหาร คาดว่าปี 2568 รายได้จากการให้บริการ (ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย IC และการให้บริการข้ามโครงข่ายภายในประเทศกับ NT) จะทรงตัวถึงเติบโต 1% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 2-3% แนวโน้ม EBITDA เติบโต 7-8% จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 8-10%
ขณะที่เงินลงทุน (CAPEX) คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 28,000-30,000 ล้านบาท สำหรับปี 2568 (ไม่เปลี่ยนแปลง) และจะยังคงมีกำไรตลอดทั้งปี 2568 ตามรายงานงบการเงิน (ไม่เปลี่ยนแปลง)