“หุ้นเทค-อิเล็ก” พุ่งแรง! รับอานิสงส์บิ๊กโฟร์ลงทุน 12 ล้านลบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 ก.ค. 68) ตามเวลา 10:08 น. ราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์พุ่งแรง นำโดย บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 134.50 บาท บวก 2.00 บาท หรือ 1.51% สูงสุดที่ระดับ 135.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 130.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 646.40 ล้านบาท
บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 22.70 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 2.25% สูงสุดที่ระดับ 22.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 22.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 126.59 ล้านบาท
บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 22.00 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 0.92% สูงสุดที่ระดับ 22.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 21.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 122.17 ล้านบาท
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับอยู่ที่ระดับ 294.00 บาท บวก 2.00 บาท หรือ 0.68% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 296.00 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 292.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 435.47 ล้านบาท
บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 1.71 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 2.40% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 1.72 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 1.69 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 0.72 ล้านบาท
บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 45.50 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 1.11% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 45.75 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 44.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 467.22 ล้านบาท
จากกรณีกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ระดับโลก 4 บริษัท (บิ๊กโฟร์) ประกอบด้วย บริษัท อเมซอนดอดคอม (Amazon.COM), บริษัท ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น (Microsoft), บริษัทกูเกิล (Google) และ บริษัท เมตา (META) วางแผนขยายเม็ดเงินลงทุนศูนย์ข้อมูลระดับไฮเปอร์สเกล (Hyperscale Data Center) เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 19-20% ช่วง 5 ปี (ปี 2568-2572)
สำหรับเม็ดเงินลงทุนกลุ่มบิ๊กโฟร์ ช่วงปี 2568 อยู่ที่ 3.45 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 12.59 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 52% ขณะที่ขนาดความจุของ Data Center จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 23% ช่วง 5 ปีข้างหน้า ส่งผลให้วานนี้ (17 ก.ค. 2568) หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและดาต้าเซ็นเตอร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นตอบรับข่าวดังกล่าว นำโดยหุ้น DELTA ปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.72 จุด มาปิดที่ราคา 132.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 6,331 ล้านบาท มีผลต่อดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 15 จุด
ขณะที่หุ้นกลุ่มเดียวกัน หุ้นบริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA ราคาปรับเพิ่มขึ้น 5.21%, บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE เพิ่มขึ้น 2.83%, บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CCET เพิ่มขึ้น 6.56%
รวมทั้งกลุ่มโรงไฟฟ้า บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เพิ่มขึ้น 5.26% และหุ้นกลุ่มสื่อสาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เพิ่มขึ้น 1.04% เป็นผลให้ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ (17 ก.ค. 2568) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 40.48 จุด ปิดที่ 1,198 จุด มูลค่าซื้อขายสูง 63,355 ล้านบาท
สอดคล้องกับนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS แนะนำลงทุนหุ้น “โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล” จากโมเมนตัมการขยายตัวของบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก หรือ Big 4 Hyperscale Data Center ได้แก่ อเมซอน (Amazon), ไมโครซอฟท์ (Microsoft), บริษัท กูเกิล (Google) และ เมตา (META) ซึ่งมีแผนลงทุนศูนย์ข้อมูลระดับไฮเปอร์สเกล (Hyperscale Data Center) ช่วง 5 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้มองว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการรับอานิสงส์จากการขยายตัวดังกล่าว ด้วยจุดแข็งหลายด้าน ได้แก่ ทำเลที่ตั้งเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน โครงข่าย 5G ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ พื้นที่รองรับการลงทุนที่เพียงพอ และแนวโน้มต้นทุนพลังงานที่ลดลง
ขณะที่ไทยอยู่ระหว่างการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ อาจเป็นโอกาสดึงดูดเงินลงทุนแบบเดียวกับกรณีของประเทศอินโดนีเซีย บล.กรุงศรีฯ คาดการณ์ว่า การลงทุนในธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ของไทยกำลังก้าวเข้าสู่รอบเร่งตัวใหม่ ซึ่งจะเป็นแรงหนุนสำคัญต่อหุ้นในระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เกี่ยวข้อง
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน กลุ่มต้นน้ำ เหมาะสำหรับรอบเก็งกำไร แนะนำ หุ้นบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA แนวต้าน 136 บาท
ส่วนกลุ่มกลาง-ยาว เหมาะสำหรับการสะสมลงทุน แนะนำ กลุ่มโรงไฟฟ้า อาทิ บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เป้าราคา 56.5 บาท และหุ้นกลุ่มสื่อสาร อาทิ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ราคาเป้าหมาย 350 บาท
กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม อาทิ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ราคาเป้าหมาย 4.4 บาท, บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA ราคาเป้าหมาย 19 บาท และกลุ่มผู้ก่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ อาทิ บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET ราคาเป้าหมาย 2.87 บาท
นอกจากนี้ KSS ระบุว่า การเติบโตของอุตสาหกรรม AI และดาต้าเซ็นเตอร์จะส่งผลทางอ้อมต่อความต้องการผลิตภัณฑ์ของ DELTA โดยเฉพาะกลุ่ม Power Management และระบบ Cooling
สำหรับบริษัท อเมซอนดอดคอม (Amazon.COM) เป็นเว็บไซต์ในลักษณะการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองซีแอตเทิล ในรัฐวอชิงตันของสหรัฐอเมริกา แอมะซอน.คอม เป็นเว็บไซต์ขายของออนไลน์ที่ใหญ่สุดในสหรัฐอเมริกา ขณะที่บริษัท ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น (Microsoft) ยักษ์ใหญ่ซอฟต์แวร์และบริการคลาวด์ระดับโลก
บริษัท กูเกิล (Google) บริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติสัญชาติอเมริกัน ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีบริการอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น Gmail, Google Maps, YouTube, Google Drive และอื่น ๆ และ บริษัท เมตา (META) เป็นบริษัทข้ามชาติอเมริกัน ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม และวอตส์แอปป์ กับบริษัทย่อยอื่น ๆ
บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด ปรับคำแนะนำ DELTA เป็น "ซื้อ" จากเดิม “ขาย” เนื่องจาก 1) มีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับรายการใหญ่พิเศษ และประเด็นความกังวลที่เกิดขึ้นในไตรมาส 4/2567 ที่ผ่านมา 2) มีคำสั่งซื้อ AI data center ใหม่ และการเร่งย้ายธุรกิจจาก Delta Taiwan 3) มองเชิงบวกมากขึ้นในระยะยาวต่อการย้ายฐานการผลิต เนื่องจาก DELTA มีแผนขยายกำลังการผลิตเชิงรุก 4) แม้มีภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ แต่ DELTA ยังคงได้คำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงสิ้นปี ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ Data center ของบริษัทได้ประโยชน์จากกระแสเมกะเทรนด์ AI ที่แข็งแกร่ง
โดยประเมินว่าสัดส่วนยอดขายจาก Data center ของ DELTA จะเพิ่มขึ้นจาก 30% ในปี 2567 เป็น 73% ในปี 2573 ปัจจัยทั้งหมดข้างต้นทำให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้น 36% ต่อปีในปี 2568-2570 และเพิ่มขึ้น 62% หลังจากนั้น สำหรับราคาเป้าหมาย ปรับใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 145 บาท จากเดิม 48 บาท P/E ระยะสั้นอาจดูสูง เนื่องจากยังไม่สะท้อนแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว และ ROE ที่สูงถึง 39% ในปี 2573
ทั้งนี้ Delta Group ซึ่งรวม Delta Taiwan เป็น 1 ใน 3 ผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการจัดการพลังงานชั้นนำของโลก DELTA ได้ประโยชน์จากกระแส AI ซึ่งจำเป็นต้องใช้ Data center มากขึ้น ยอดขายจาก Data center ของ DELTA พุ่งขึ้นเป็น 40% ของยอดขายในไตรมาส 1/2568 จาก 30% ในปี 2567 และราว 20% ในปี 2561
ขณะที่ McKinsey ประเมินว่า ความต้องการ Data center จะโตเฉลี่ย 22% ต่อปี ในปี 2568-2577 (Exhibit 12 แสดงการเติบโตของงบลงทุนของผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ระดับโลก) นอกจากอุตสาหกรรมที่เติบโตแล้ว DELTA ยังได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตของ Delta Taiwan ซึ่งมีฐานการผลิตหลักในจีน มายังไทย เราคาดว่ายอดขาย data center ของ DELTA จะเติบโตเฉลี่ย 35% ไปถึงปี 2573
นอกจากนี้ Delta Taiwan ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน DELTA (ประเทศไทย) เป็น 63% ในปี 2562 จาก 20% โรงงานส่วนใหญ่ของ Delta Taiwan ตั้งอยู่ในจีน กำไรของ DELTA คิดเป็น 31% ของกำไรของ Delta Taiwan ในปี 2567 จาก 17% ในปี 2561 เชื่อว่า Delta Taiwan มีแผนที่จะย้ายงานด้าน AI และงานอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับจีนมายัง DELTA ในไทย ขณะที่ยังคงเก็บงานด้าน EV ไว้ที่จีน ความเสี่ยงจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยที่เร่งให้ Delta Taiwan เดินหน้าย้ายฐานการผลิต
ส่วนความคืบหน้าในการแก้ไขประเด็นความกังวลไตรมาส 4/2567 DELTA บันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษ 4 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย และค่าลิขสิทธิ์ (Royalty) ของ Delta Taiwan ล่าสุด Delta Taiwan ได้บรรลุข้อตกลงในการชำระเงินจำนวนหนึ่ง (ไม่เปิดเผยตัวเลข) ให้แก่ฝ่ายโจทก์เพื่อยุติคดีความ ตีความ คาดว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดไม่น่าจะเกิน 1 หมื่นล้านบาท (0.8 บาท/หุ้น) ซึ่ง DELTA จะเป็นผู้รับภาระบางส่วน นอกจากนี้ ค่าลิขสิทธิ์ลดลงมาอยู่ที่ 4.4% ของยอดขายในไตรมาส 1/2568 จาก 8.3% ในไตรมาส 4/2567 คาดว่าค่าลิขสิทธิ์จะอยู่ที่ 7-8% ของยอดขายในปี 2568-2570 เทียบกับ 6% ในปี 2567
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่ากรณีสหรัฐฯ ปลดล็อกส่งออกชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รุ่น H20 ให้จีน จะทำให้อุตสาหกรรม AI และ Data center เติบโตมากขึ้นในอนาคต จะส่งผลต่อสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ของ DELTA ทั้ง Power management และ cooling และเป็นผลทางอ้อมจากอุตสาหกรรมที่เติบโตขึ้น