ธนาคารกรุงเทพ โชว์กำไร 2.4 หมื่นล้านบาท ครึ่งปีแรก 68
ธนาคารกรุงเทพ รายงานกำไรสุทธิสำหรับงวดแรกปี 2568 จำนวน 24,458 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5
17 กรกฎาคม 2568 รายงานข่าวธนาคารกรุงเทพ รายงานกำไรสุทธิสำหรับงวดแรกปี 2568 จำนวน 24,458 ล้านบาท เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ปี 2568 ปรับตัวดีขึ้น โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการเร่งคำสั่งซื้อ (Front-loading orders) ของประเทศคู่ค้าในหมวดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ และยานยนต์ ก่อนที่มาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐอเมริกาจะมีผลบังคับใช้ในช่วงครึ่งหลังของปี สะท้อนความพยายามของภาคธุรกิจในการลดผลกระทบจากต้นทุนทางภาษีที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม แรงส่งดังกล่าวมีลักษณะชั่วคราว และยังไม่สะท้อนถึงการฟื้นตัวของอุปสงค์ในระดับโลกอย่างแท้จริง
ขณะที่ภาคบริการซึ่งเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยังคงเผชิญแรงกดดันจากการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวจีน แม้ว่านักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศอื่น อาทิ รัสเซีย อินเดีย และอาเซียน จะเพิ่มขึ้นและช่วยพยุงรายได้ ภาคการท่องเที่ยวในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะผลักดันการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของภาคบริการโดยรวม
ในด้านเสถียรภาพราคา อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงอยู่ในระดับต่ำ
ซึ่งแม้จะสะท้อนแรงกดดันด้านต้นทุนที่จำกัด แต่ขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงความเปราะบางของอุปสงค์ภายในประเทศ โดยเฉพาะการบริโภคของภาคครัวเรือนซึ่งยังถูกกดดันจากภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูง ประกอบกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งยังคงส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการใช้จ่ายภาคเอกชน
ท่ามกลางบริบทของความท้าทายที่เพิ่มขึ้นในการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก การปรับเปลี่ยนนโยบายและกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมจากการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น อีกทั้งความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ผลักดันให้ธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อก้าวทันต่อโลกยุคดิจิทัล
ธนาคารกรุงเทพ พร้อมยืนเคียงข้างลูกค้าในฐานะ “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” และมุ่งมั่นให้คำปรึกษาและดูแลลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างเหมาะสม ทั้งด้านเงินทุนและองค์ความรู้ที่เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลง รวมถึงสนับสนุนธุรกิจให้ได้ประโยชน์จากโอกาสในการขยายกิจการไปต่างประเทศผ่านการดำเนินกลยุทธ์ Regionalization ตลอดจนส่งเสริมนโยบายของภาครัฐในการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย เช่น สนับสนุนโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อบรรเทาภาระหนี้ของลูกหนี้ให้สามารถฟื้นตัวได้ในระยะยาว
ในขณะเดียวกันธนาคารยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง พร้อมยึดมั่นแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible lending) และมุ่งมั่นให้บริการทางการเงินที่รับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และการเติบโตอย่างยั่งยืน
ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยรายงานกำไรสุทธิสำหรับงวดแรกปี 2568 จำนวน 24,458 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 จากงวดแรกปีก่อน สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารสินทรัพย์ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจหลายด้าน ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 63,614 ล้านบาท และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิร้อยละ 2.85
ซึ่งเป็นไปตามทิศทางอัตราดอกเบี้ย สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และกำไรจากเงินลงทุน ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงส่วนใหญ่จากการบริการธุรกรรมผ่านธนาคาร สุทธิกับรายได้จากบริการการค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ธนาคารมีการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับการบริหารค่าใช้จ่าย ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ในระดับที่ร้อยละ 45.3
สำหรับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในงวดแรกปี 2568 มีจำนวน 19,807 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับงวดแรกปีก่อน ธนาคารกรุงเทพยังคงแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,712,930 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 จากสิ้นปีก่อน ส่วนใหญ่จากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ร้อยละ 3.2 ซึ่งอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุน
ด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ร้อยละ 283.6 เป็นผลจากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่องธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 จำนวน 3,195,939 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8จากสิ้นปีก่อน และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ร้อยละ 84.9
ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ร้อยละ 22.0 ร้อยละ 17.5 และร้อยละ 16.7 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด