'KFCI Butterbear' ชูความคุ้มค่า ฉีกสงครามราคา ลุ้นควง 'น้องเนย' โกอินเตอร์
“เคเอฟซี” ยังเดินหน้าสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รักของลูกค้าหรือ Brand Love ปีที่ผ่านมาดึง “แบมแบม กันต์พิมุกต์” เป็น “Friend of KFC” คนแรกของประเทศไทย ผลลัพธ์คือโกยยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันโต 3 เท่า ยังกวาดเอนเกจเมนต์จากแฟนคลับ ชาวโซเชียลอีก “ร้อยล้าน” เอนเกจเมนต์
ปีนี้ “เคเอฟซี” รัวอาวุธการตลาดต่อ กับการดึง “น้องเนย” ซุป’ตาร์วัย 3 ขวบคอลแลปส์กับแคมเปญ “KFCI Butterbear” และเช่นเคย การตอบรับจากลูกค้าดี เพราะยอดขายมีการเติบโต 49% และในช่วงสัปดาห์แรกของแคมเปญมีจำนวนครั้งในการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น59%เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนปีก่อน
ภัทรา ภัทรสุวรรณAssociate Marketing DirectorKFCประเทศไทยเปิดเผยว่า เบื้องหลังการเลือก “น้องเนย”(Butterbear) มาคอลแลปส์ เพราะ Insight ของน้องเนยที่ถูกนำไปแซวสุดคิวบ์หรือน่ารัก เช่น นิ้วมือที่คล้ายไก่ทอด แม้กระทั่งผิวพรรณของขนอ่อนนุ่มที่ละม้ายผิวไก่ทอดกรอบ ยิ่งกว่านั้น ความน่ารักสดใส คาแร็กเตอร์ สอดคล้องกับฐานลูกค้าของเคเอฟซี จึงต่อยอดสู่แคมเปญการตลาด
“ผู้พันแซนเดอร์ส” ไม่เพียงเป็นตำนานของเคเอฟซี แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ เป็นทุกอย่างที่ทำให้เคเอฟซี เป็นที่รับรู้แก่ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย เมื่อคอลแลปส์กับน้องเนย ทำให้ดึงอีกมุมของผู้พันจนน้องเนยกลายเป็นลูกรัก และแฮชแท็ก #น้องเนยลูกรักผู้พัน จึงกวาดเอนเกจเมนต์ไป24.8ล้านครั้ง
ภายใต้การสร้างแบรนด์ ต้องสร้างยอดขาย หนึ่งในโจทย์ของ “เคเอฟซี” เป็นอีกปีที่ท้าทาย ในการดึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายให้มาทานไก่ทอดอย่างต่อเนื่อง ด้วย 1-2 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจ กำลังซื้อ อยู่ในภาวะเปราะบาง ขณะที่กลางปีเป็นช่วงของตลาดโลว์ซีซันหรือเงียบเหงา แบรนด์จึงต้องปลุกตลาดให้คึกคัก ควบคู่ “ฮีลใจ” กลุ่มเป้าหมาย จากปกติหน้าขายหรือไฮซีซันจะเป็นช่วงสงกรานต์ วันหยุด วันแม่ วันเด็ก เทศกาลต่างๆ
“เคเอฟซี” มีกลยุทธ์ราคาคุ้มค่า ด้วยเมนูเริ่มต้นจับจ่ายง่าย เช่น ข้าว 59 บาท หรือเมนูสุดคุ้ม 69 บาท ครั้นจะเล่น “สงครามราคา” เพียงอย่างเดียว ไม่ตอบโจทย์ แต่การทำให้ผู้บริโภคได้ความคุ้มค่า(Value) จึงคอลแลปส์กับน้องเนยเป็นกิมมิค สร้างสัน พร้อมกับปั้น Brand Love อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ Insight ของผู้บริโภค ที่ชื่นชอบสินค้าราคาเข้าถึงได้ คนไทยยังชอบความตื่นเต้น สนุกสนาน ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน การสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าเป็นสิ่งที่ดีมาก ครึ่งปีหลัง “เคเอฟซี” จึงอัดแน่นหลากแคมเปญ เช่น ซอสในซองยักษ์ ต้อนรับวันแม่ มีทั้งความคุ้มค่า ความตื่นเต้น ครอบครัวเข้าถึงได้
“เคเอฟซี เราเน้นแคมเปญความคุ้มค่ามา 2 ปีแล้ว อย่างที่ทราบว่าเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ต้องการสินค้าที่มีความคุ้มค่ามากขึ้น เราไม่แค่เน้นนำเสนอราคา แต่มุ่งสร้างประสบการณ์ให้กับผู้บริโภค จึงมีการคอลแลปส์กับน้องเนย หา Value เพิ่มให้กับสินค้าของเรา และยังเป็นกำลังใจให้ผู้บริโภค ซึ่ง Value คือสิ่งที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จ การขายแค่ราคา สงครามราคาล้วนๆ เราไม่ต้องการเล่นตรงนั้น”
ภัทรา กล่าวอีกว่า เคเอฟซี มีการตรึงราคาสินค้ามาตลอด และชูความคุ้มค่า ทำให้ผู้บริโภคยังมาทานไก่ทอด โดยยอดการซื้อสินค้าต่อบิลอยู่ที่ 180 บาท กลุ่มใหญ่จะทาน 199 บาทขึ้นไป อีกด้านเห็นเทรนด์ “การกินคนเดียว” มากขึ้น กับอิ่มคุ้มที่จ่าย 80-90 บาท
“เวลาเศรษฐกิจดีหรือไม่กี เราจะใช้ราคาเข้าถึงได้หรือ affordable อย่างน้อยให้ผู้บริโภคซื้อได้ ไม่ว่าจะมีเงินเท่าไหร่ ซึ่งเคเอฟซีมีราคาเริ่มต้นชุด 199 บาท และอิ่มเดี่ยว 69 บาท”
ปัจจุบันเคเอฟซี มีร้านไก่ทอดที่ขับเคลื่อนโดย 3 แฟรนไชส์ซี(ซีอาร์จี ไทยเบฟ อาร์ดี) มีร้านเปิดให้บริการ 1,156 สาขา และปี 2568 ยังเดินหน้าเปิดร้านใหม่อย่างต่อเนื่อง
ด้านการตลาดช่วงไตรมาส 3 เคเอฟซีจะเดินหน้าออกสินค้าใหม่ เพื่อต้อนรับช่วงปิดเทอม ที่วัยรุ่น เด็กๆจะรอเมนูใหม่ และยังตอกย้ำ “ราคาเข้าถึงได้ตลาดทั้งปี”
ด้านภาพรวมตลาดไก่ทอด ถือเป็นหมวดใหญ่สุดในบรรดาธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน(QSR) และไก่ทอดมีขนาดตลาดใหญ่สุดด้วย ที่เหลือเป็นพิซซ่า เบอร์เกอร์ แซนวิช ฯ และ “เคเอฟซี” ยังเป็น “เบอร์ 1” อย่างแข็งแกร่งในตลาดไก่ทอด ทว่า การแข่งขันสูงขึ้น เพราะมี “คู่แข่ง” หน้าใหม่เข้ามาในตลาด ทั้งแบรนด์เล็ก หรือแบรนด์ใหญ่จากจีน แต่อีกด้านก็มีผู้เล่นที่เพิ่งถอยทัพจากตลาด
“ตลาดไก่ทอดมีผู้เล่นเพิ่มขึ้น เพราะเป็นเมนูที่เข้าถึงง่าย เป็น comfortable food กินได้ทุกวัน แต่การเติบโตของตลาดอาจไม่ถึงอัตรา 2 หลัก ซึ่งการแข่งขันในตลาด เราอย่ากระโดดหรือ jump ไปเล่นเหมือนสงครามหม้อร้อน บุฟเฟต์ จุดยืนแบรนด์หรือ positioning เคเอฟซีราคาเข้าถึงได้อยู่แล้ว การมีน้องเนย ทำให้ไก่ทอดน่าทานมากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม ความคิวบ์ ความสำเร็จจากการที่ “น้องเนย” เป็นลูกรักผู้พันฯ ทำให้ “เคเอฟซี” มองการต่อยอด ที่ต้องจับตาคือ “พาน้องเนยโกอินเตอร์”