“พริษฐ์” ตั้งกระทู้จี้ถามแนวทางเยียวยาผู้อพยพชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน “ธีรรัตน์” เปิดคลิปโต้
วันที่ 7 ส.ค.2568 เวลา 12.00 น.ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) เรื่องการเยียวยาผู้อพยพพื้นที่ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ถามนายกรัฐมนตรี ว่าขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตทุกคน จากเหตุการณ์การปะทะกันที่ชายแดนไทย-กัมพูชา และขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน รวมถึงทหารแนวหน้าในการดำเนินการเต็มที่ เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน และเร่งคืนความปกติให้กับสังคมโดยเร็ว ซึ่งเมื่อต้นสัปดาห์คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเยียวยาเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนที่สูญเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ ตนจึงอยากตั้งคำถามถึงผู้อพยพ บุคคลที่ได้รับผลกระทบแม้จะไม่บาดเจ็บหรือสูญเสียอย่างร้ายแรงด้วยต้องยอมรับว่ามีข้อมูลที่เกิดขึ้นกระจัดกระจายไปบ้าง และบางกรณีที่ ประชาชนอาจจะไม่สามารถตามทันข่าวปลอมหรือข่าวลือที่เผยแพร่ในโซเชียลมีเดียได้ เป็นที่น่าเสียดายว่าการแจ้งประชาชนผ่านเซลล์บรอดคาสต์ได้ใช้ไปแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ในพื้นที่ 3 จังหวัด ตนอยากจะถามว่าเรามีแนวทางในการใช้ประโยชน์เกี่ยวกับเซลล์บรอดคาสต์มากขึ้นกว่าเดิมได้อย่างไร ปัญหาตอนนี้ไม่ใช่ระบบไม่พร้อม แต่สิ่งที่ไม่พร้อมคือการดึงข้อมูลจากต้นทาง ไม่ว่าจะเป็นกองทัพหรือความมั่นคง เพื่อเอามากลั่นกรองแล้วสื่อสารกับประชาชนผ่านระบบเซลล์บรอดคาสต์ รัฐมนตรีจะสั่งการให้มีการจัดทำ SOP หรือ มาตรฐานการปฎิบัติงานเพื่อเพิ่มขั้นตอนในการดึงข้อมูลจากต้นทางและนำมาใช้เมื่อไหร่
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ประชาชนบางส่วนไม่กล้าอพยพออกจากบ้าน เพราะยังกังวลเรื่องวัวควายที่เลี้ยงไว้ ตนไปดูมาตรการการเยียวยา ก็พบว่ายังจำกัดอยู่ที่ 5 ตัวต่อคน ซึ่งต้องยอมรับว่าถ้าไปดูสถิติ จะพบว่าตัวเลขนี้ต่ำกว่าจำนวนวัวควายที่คนหนึ่งคนจะเลี้ยงจริง จึงอยากถามว่ามีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง ต้องยอมรับว่าน้ำใจของคนไทยสามารถบรรเทาวิกฤติได้ระดับหนึ่ง แต่ก็หวังว่าในฐานะนักการเมือง ในฐานะสภาผู้แทนราษฎร เราจะไม่หลงลืมหรือปล่อยปะละเลยความจริงอันน่าน่ากลัวมากของระบบราชการ แม้ประเทศเผชิญวิกฤติขนาดนี้ แต่เรากลับพบว่างบประมาณที่ถูกใช้ในการจัดตั้งและดำเนินการในศูนย์พักพิง ช่วง 3-5 วันแรกนั้น มาจากเงินบริจาคและเงินของท้องถิ่นทั้งหมด
“ข้อมูลจากทางกรรมาธิการ (กมธ.) การปกครองก็ทำให้เราเห็นชัดขึ้นว่าแม้ส่วนกลางได้มีการอนุมัติเงินทดลองราชการไปแล้วจังหวัดละ 100 ล้านบาท แต่อุบลราชธานีเบิกจ่ายไปแค่ 55,000 กว่าบาทเท่านั้น ทำให้เกิดคำถามต่อมาว่าเราไม่สามารถเชื่อมั่นคำพูดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีได้โฟนอินเข้ามายืนยันในสภาแห่งนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าไม่มีปัญหาในการเบิกจ่ายได้ แล้วที่ท่านรัฐมนตรีนำมาอ้างในสภาแห่งนี้แล้วต่อไปนี้เราจะเชื่อคำพูดอะไรจากรัฐบาลได้บ้างอีก” นายพริษฐ์ กล่าว
นายพริษฐ์ ตั้งคำถามว่า เมื่อเช้าได้ย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีไปแล้ว แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดการเบิกจ่ายจำนวนที่น้อยขนาดนี้ เกิดขึ้นจากอะไร อยากทราบว่ากรณีนี้สร้างความเสียหาย ความลำบากให้กับประชาชนในจังหวัดอุบลราชธานีไปมากแค่ไหนแล้ว ถึงจะย้ายผู้ว่าฯ ไปแล้ว แต่ในทางส่วนกลางที่ต้องกำกับดูแลการทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัดจะรับผิดชอบอย่างไร
“ท่านจะรับผิดชอบอย่างไร ต่อการไม่วางแนวทางให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดสามารถเบิกจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และท่านจะรับผิดชอบอย่างไรต่อความผิดพลาดที่ท่านไปฟังแค่เสียงของข้าราชการที่มายืนยันในสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แทนที่จะฟังเสียงของประชาชนในพื้นที่ ที่สะท้อนผ่านผู้แทนราษฎร และปล่อยระยะเวลามายาวนานถึง 1 สัปดาห์ ทำให้ปัญหานี้ยังเกิดขึ้นอยู่ ส่วนเรื่องมาแดงใน กมธ.การปกครองเมื่อวานนี้ แทนที่ท่านจะเอาข้อทักท้วงข้อเสนอแนะไปตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เห็นถึงความเป็นจริงได้เร็วกว่านี้ … มันเหมาะสมแล้วหรือไม่ ที่จะต้องไปพึ่งพิงเงินบริจาคของประชาชนและและเงินท้องถิ่นที่ต้องควักออกมาเองก่อน ทั้งๆ ที่เงินทดรองราชการที่ส่วนกลางอนุมัติไปแล้ว” นายพริษฐ์ กล่าว
จากนั้นน.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทนนายกฯว่าขอบคุณที่ตั้งคำถาม และตนคิดว่าพวกเราในที่นี้เองจะร่วมกันแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ครั้งนี้ รวมถึงส่งความห่วงใยและกำลังใจให้กับหน่วยรบแนวหน้าของเราที่ปฏิบัติหน้าที่ ในช่วงที่ผ่านมา ชาวไทยได้สร้างความรักและสามัคคีให้เกิดขึ้น ตนในฐานะผู้พิทักษ์ส่วนหลังได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ ได้แสดงถึงสิ่งที่เราอยากให้สถานการณ์นั้นกลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด เรื่องเซลล์บรอดคาสต์ได้มีการส่งข้อความไปในพื้นที่ทันที เมื่อวันที่ 24 ก.ค. จำนวน 3 ครั้ง โดยแจ้งให้พี่ประชาชนในจังหวัดอุบลราชธานี , ศรีสะเกษ และสุรินทร์ให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ส่วนของมาตรการ SOP ที่เรายึดถือปฏิบัติคือเราได้มีการเช็กข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสอบถามไปยังพื้นที่ เมื่อได้รับความชัดเจน เราจึงได้ปล่อยข้อความนั้นออกไป ส่วนเรื่องงบประมาณจังหวัดอุบลราชธานี ตนก็ไม่คิดว่าจะถามประเด็นนี้ด้วย เพราะข้อเท็จจริงได้ปรากฏเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่เป็นข่าวมากมาย ตนได้ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค. หลังจากเกิดเหตุการณ์ 2 วัน และได้ไปเยี่ยมศูนย์อพยพ ไปดูแลเรื่องอาหารเครื่องนุ่งห่ม ที่นอนหมอนมุ้ง
น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวพร้อม เปิดคลิปที่ไปเยี่ยมชาวอุบลราชธานี ว่าได้มอบหมายให้จังหวัดหากิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผ่อนคลายความเครียดให้กับประชาชน เช่น กิจกรรมตัดผม กิจกรรมสัมพันธ์ ตนได้เห็นถึงการปฏิบัติงานจนมีการตั้งกระทู้ถามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตนก็คิดว่าน่าจะเป็นการดี เพราะตอนนั้นไม่รู้ว่าท่านผู้ว่าฯ อุบลฯ จะตอบว่าอย่างไร แต่คิดว่าถ้าติดขัดอะไรแล้วบอกให้รู้เลย เราก็จะได้แก้ไขได้ทันที แต่อย่างที่ท่านได้ทราบจากสื่อและภาพที่ได้นำเสนอไปแล้วว่าก็มีการตอบรับกลับมาว่าเบิกได้ทั้งหมด ตนก็ยังไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังกลับลงไปพื้นที่อุบลราชธานีอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 3 ส.ค. ได้ไปเยี่ยมผู้ที่อยู่โรงพยาบาล ได้เห็นว่าในส่วนที่เราพยายามที่จะให้เป้าสำคัญคือการดูแลประชาชน ได้ครอบคลุมและทั่วถึงมากที่สุด ก็เป็นไปตามขั้นตอน
“แต่เมื่อวานนี้ที่มีข่าวว่าทาง กมธ.การปกครองได้รับรายงานจากตัวแทนของจังหวัดอุบลราชธานี ดิฉันก็คิดว่าต้องมีอะไรที่ผิดปกติในจังหวัดนี้ ก็คือมีการทำเอกสารล่าช้าหรือไปใช้เงินของ อปท.ก่อนหรือไม่ ก็ได้สอบถามไปทันทีทันใด และได้รับทราบข้อมูลว่าทางจังหวัดมุ่งเน้นไปเรื่องการใช้เงินของท้องถิ่นก่อน รวมถึงสิ่งของและเงินที่ได้รับบริจาคมา ดิฉันก็ทราบตัวเลขว่าอุบลราชธานีได้รับเงินบริจาคมาเป็นจำนวน 5.5 ล้านบาท ขณะที่จังหวัดอื่นได้รับ 1-2 ล้านบาท แต่ก็ถือว่ามีความบกพร่อง เพราะเราได้จัดประชุมกันเรื่องการใช้เงินทดรองราชการที่เพิ่มเติมเข้าไปแล้ว ว่าขอให้ใช้จ่ายเงินในส่วนนี้ทันที แม้ว่าในระเบียบจะบอกไว้ว่าให้ใช้เงินท้องถิ่นก่อนก็ตาม เราได้จัดประชุมและได้เน้นย้ำถึงความเร่งด่วน จังหวัดอื่นก็ไม่มีปัญหา ใช้เงินได้ตามปกติ แต่เป็นเรื่องที่ดิฉันเองต้องเรียนว่าเพื่อให้ท่านได้สบายใจ เราได้ดูแลประชาชนอย่างดีที่สุด” น.ส.ธีรรัตน์ กล่าว
น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า ประเด็นการเบิกจ่ายนั้น ไม่ใช่ว่าเราเบิกมาแล้ว แล้วเราไม่ให้ แต่ปัญหาคือยังไม่มีการส่งตัวเลขเข้ามาส่วนกลาง เพราะกรอบวงเงิน 100 ล้านบาท เราให้ไปตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค.แล้ว ตนคิดว่านายพริษฐ์มีความเข้าใจดี เพราะได้ยินกับหูตัวเอง เมื่อเรียงร้อยเรื่องราวแล้วมีความผิดพลาดในส่วนของจังหวัด ไม่ใช่รัฐบาลที่ส่งความช่วยเหลือลงไป เมื่อเราได้ข้อมูลที่ถูกต้องแล้ว ได้สร้างความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล ที่จะสื่อสารข้อมูลจริงข้อมูลเดียว ไม่ใช้อคติหรือไม่ใช้การที่แต่งเติมข่าวสารลงไป หรือพี่น้องประชาชนอาจจะเรียกกันว่าเป็นเกมการเมือง ในภาวะนี้เราทุกคนมีความตั้งใจเดียวกันคือดูแลพี่น้องประชาชนของเราให้ดีที่สุด ส่วนการดูแลสัตว์ถ้ามีกรณีที่เสียหายมาก เราก็จะนำมาพิจารณาเป็นรายกรณีไป เราต้องดูแลประชาชนได้อย่างที่สุดตามกรอบและระเบียบที่เราได้กำหนดไว้ รัฐบาลเราจะดูแลอย่างดีที่สุด
ต่อมานายพริษฐ์ กล่าวว่า คำถามที่ถามไปเรื่องเซลล์บรอดคาสต์ยังไม่ได้รับคำตอบเลย ส่วนเรื่องวัวควาย ตนก็ติดตามข้อมูลจากเพจของหน่วยงาน เลยได้รู้ว่าปัญหาอยู่ที่อะไร ก็ยังไม่ได้คำตอบอย่างชัดเจน และเรื่องจังหวัดอุบลราชธานี ตนยืนยันว่าไม่มีอคติในเกมการเมืองทั้งนั้น ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง และส่วนที่เห็นตรงกันก็คือมีปัญหาที่กรณีของผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีจริงๆ ส่วนการชดเชยทางเศรษฐกิจให้กับประชาชน ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ รัฐบาลมีแผนหรือไม่ที่จะพิจารณาออกมาตรการอุดหนุนให้เกิดการพักหนี้ให้กับประชาชน ทั้งธนาคารรัฐเอกชน ซึ่งหลักเกณฑ์ต่างๆไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับการปะทะกันตามแนวชายแดน เช่นอนุญาตให้ผู้ว่าฯ สามารถอนุมัติเงินดำรงชีพได้ แต่มีข้อแม้สำคัญว่าจะได้เงินก้อนนี้จะต้องเป็นกรณีเฉพาะเมื่อบ้านเสียหายทั้งหลัง ซึ่งเหตุการณ์นี้ คงไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้อพยพส่วนใหญ่ในพื้นที่ ดังนั้น รัฐบาลจะออกแบบอย่างไร
ทำให้ น.ส. ธีรรัตน์ ลุกตอบว่า ที่ท่านบอกว่าตนยังไม่ได้ตอบเรื่องมาตรฐานเซลล์บรอดคาสต์ ต้องบอกว่าเราได้ดำเนินการแล้ว แต่ที่ท่านบอกว่าไม่ได้แจ้งความคืบหน้าอาจจะเป็นเพราะท่านไม่ได้ฟัง หรือฟังแล้วแต่ไม่เข้าใจในสิ่งที่ตนได้นำเรียนไป ส่วนข้อมูลการเบิกจ่าย ไม่ใช่ว่าตนได้ทราบจาก กมธ.การปกครองที่จัดขึ้น ตนได้มีการติดตามสอบถามไปตั้งแต่วันที่มี สว. ท่านหนึ่งออกมาบอกว่าเงินท้องถิ่นจะถังแตกแล้ว ตนก็ได้สอบถามไปยังท้องถิ่นทันทีว่าจริงหรือไม่ ข้อความนั้นก็เป็นเท็จอีก ไม่ใช่เรื่องจริง ท้องถิ่นไม่ได้ถังแตกแต่อย่างใด
“นี่เป็นการกลั่นกรองข้อมูลที่เราจะนำมาเสนอต่อ ดิฉันจึงต้องเช็กทุกอย่าง เรื่องนั้นดิฉันรู้ก่อนที่ กมธ.จะประชุมและอาจจะมีคนอาศัยช่องนั้น ว่าตัวเลขมันน้อยก็เลยหยิบจับไปเสนอข่าวก่อนเลยแล้วกัน โดยที่มาโจมตีรัฐบาล ไม่ได้ฟังเรื่องข้อความความเป็นจริงว่าเกิดจากเหตุใด ก็ต้องเรียนท่านพริษฐ์ว่าดิฉันทราบดี ในความเป็นห่วงของท่าน แต่ต้องกลั่นกรองข้อมูลข่าวสาร ต้องใช้วิจารณญาณที่เหมาะสม ก็จะเป็นประโยชน์กับประชาชน” น.ส.ธีรรัตน์ กล่าว
ส่วนการชดเชยเยียวยาผู้ประกอบการและแรงงาน น.ส.ธีรรัตน์ ระบุว่า ได้มีการลงพื้นที่คุยกับประชาชนและลงไปสำรวจความเสียหายด้วย แต่ต้องเข้าใจว่าบางพื้นที่ ฝ่ายความมั่นคงยังไม่อนุญาตให้เราได้เข้าไปสำรวจความเสียหาย เรามีรายชื่อจริง แต่จะให้ครบถ้วนต้องใช้ในการดำเนินการ ยืนยันว่าไม่ละเลยเรื่องนี้แน่นอน ความช่วยเหลือจากธนาคารต่างๆ ก็จะมีแนวทางให้ผู้ได้รับผลกระทบซึ่งเรื่องนี้ อยู่ในมาตรการที่รัฐบาลคำนึงถึงอย่างครบถ้วน
จากนั้น นายพริษฐ์ ได้ทิ้งท้ายว่า ตนอยากจะฝากเรื่องการเยียวยาสุขภาพจิตให้กับประชาชนในพื้นที่เป็นเรื่องใหญ่ที่เรามองข้ามไม่ได้ ตนเป็นห่วงเรื่องการรักษาซึ่งต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ เพราะอาจจะไม่มีบุคลากรเพียงพอหรือไม่ในการรับมือ