ลุ้นจีบีซีจบศึกเขมร บิ๊กเล็กมั่นใจ90%ยึดเอกสารป้องตุกติก/ไทยไม่ถอย11จุด
"ภูมิธรรม" สั่งฝ่ายความมั่นคงถกกฤษฎีกา หาช่องฟ้องอาญา-แพ่งเอาผิดกัมพูชา ก่ออาชญากรรมร้ายแรง ยันไม่ใช่ฟ้องศาลโลก ชี้ผลประชุมจีบีซีไปในทิศทางที่ดี ขอรอฟังบทสรุประดับ "รมช.กลาโหม" 7 ส.ค.นี้ "ณัฐพล" มั่นใจสัญญาณดีเกิน 90% รับไม่เชื่อใจเขมร ยึดเอกสารป้องกันบิดพลิ้ว "มทภ.2" ลั่นกองทัพไม่ยอมถอยกำลัง 11 จุดชายแดนเขตอธิปไตยไทย “ศบ.ทก.” จ่อปลดล็อกบินโดรนเกษตร หลัง 15 ส.ค. "อดีตแม่ทัพภาค 2" ยุตัดแหล่งทำกินเขมร ลุยปราบบ่อน-แก๊งคอลเซ็นเตอร์เด็ดขาด
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 6 ส.ค.2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทั้งทางแพ่งและทางอาญาต่อกัมพูชา หลังเปิดฉากยิงคนไทยว่า เราจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดู เนื่องจากเป็นการก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรง ไม่ใช่เป็นการฟ้องศาลโลก แต่ให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย รวมถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา เข้าไปดูว่าจะสามารถใช้ช่องทางใดในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากทางกัมพูชา
"ในเรื่องการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ขณะนี้ยังคุยไม่จบ จึงยังไม่รู้แนวโน้มจะออกมาอย่างไร ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามข้อเท็จจริง" นายภูมิธรรมกล่าว
ซักถึงปัญหาศูนย์อพยพที่บางพื้นที่ต้องการพื้นที่คืน โดยเฉพาะพื้นที่โรงเรียน เพื่อเปิดการเรียนการสอนนั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเป็นผู้ประสานงานและดูแลบังคับบัญชาข้าราชการในจังหวัด ต้องไปทำหน้าที่ร่วมประเมินสถานการณ์กับทหารและหน่วยงานอื่นๆ ว่ามีความปลอดภัยหรือไม่ เพราะบอกไปแล้วประชาชนเขาทุกข์ยากเดือดร้อน ถ้าผู้ว่าฯ ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ก็ต้องพิจารณาว่าบกพร่องเรื่องอะไร
"เรื่องนี้ได้กำชับไปแล้ว ทำหน้าที่ไม่ได้ก็อย่างที่บอก ต้องทำหน้าที่ให้ได้ เพราะเป็นตัวแทนของรัฐบาล ดูแลประชาชนในพื้นที่ ทำไม่ได้ก็ให้คนอื่นมาทำ โอเคไหม" นายภูมิธรรมกล่าว
รักษาการแทนนายกฯ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) วันนี้ที่จะมีการประชุม สมช. และอาจมีความจำเป็นที่จะต้องประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดเล็ก เพื่อนำความเห็นของคณะเลขานุการที่ร่วมประชุมจีบีซีในช่วงเช้ามาพิจารณา ซึ่งตอนนี้ตนยังไม่ได้รับรายงาน จึงขอรอให้เขาส่งมา
ต่อมานายภูมิธรรมเป็นประธานรับมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยจากหน่วยงานและองค์กรภาคเอกชน ซึ่งการบริจาคครั้งนี้เป็นการบริจาคผ่านกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และนางชื่นชีวัน ลิมป์ธีระกุล รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วม เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
โดยบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือรถไฟฟ้า BTS มอบเงินช่วยเหลือ จำนวน 50,000,000 บาท, มูลนิธิเรนวูด (ประเทศไทย) มอบเงิน 2,573,888 บาท ประกอบด้วย เงินสด เครื่องมือแพทย์ และเครื่องอุปโภคบริโภค และสมาคมแต่จิ๋วแห่งประเทศไทย ชมรม 9 สมาคมจีน และสมาคมจีนอำเภอต่างๆ มอบเงิน 2,490,000 บาท รวมทั้งมูลนิธิเพื่อสัมพันธภาพไทย-จีน ร่วมกับบริษัท หยงซิง สตีล (ไทยแลนด์) จำกัด มอบเงิน 3,000,000 บาท
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อองค์กรระหว่างประเทศทั้งแพ่งและอาญาต่อกัมพูชาว่า ต้องรอที่ประชุม สมช.พิจารณา โดยจะเชิญเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเข้ามาหารือด้วย
ส่วนนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงรัฐบาลเตรียมยื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทั้งทางแพ่งและทางอาญาต่อกัมพูชาเช่นกันว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะยื่นเรื่องไปศาลไหน ยังศึกษาอยู่ แต่เราได้ยื่นฟ้ององค์กรระหว่างประเทศ
ฟ้ององค์กรต่างปท.ฟันเขมร
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงกล่าวว่า เรื่องการยื่นฟ้องร้องกัมพูชาต่อองค์กรระหว่างประเทศ อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล และดูเรื่องข้อกฎหมาย ซึ่งมีช่องทางอยู่
ด้านความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการเขตแดนทั่วไป (จีบีซี) เมื่อวันที่ 5 ส.ค. คณะเลขานุการจีบีซีของทั้งสองฝ่ายได้เจรจากันถึงเวลา 00.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการจีบีซีของฝ่ายกัมพูชาไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อ และต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ จึงได้นัดประชุมอีกครั้งเวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันที่ 6 ส.ค. เพื่อหาข้อสรุปสำหรับประเด็นดังกล่าว
ทั้งนี้ ในเวลา 07.40 น. พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม และรักษาการ รมว.กลาโหม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับคณะเลขานุการจีบีซีของฝ่ายไทย ติดตามความคืบหน้าในการเจรจา ให้กำลังใจ และชื่นชมในการทำงานอย่างหนักถึงวินาทีสุดท้ายของทีมไทยแลนด์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจรจา เพื่อบรรลุผลและปกป้องผลประโยชน์ของไทย
เวลา 16.00 น. นายภูมิธรรมเป็นประธานประชุม สมช.และ ครม.ชุดเล็กนัดพิเศษ เพื่อรวบรวมข้อมูลจากคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ที่มีการประชุมของฝ่ายเลขานุการ ซึ่งข้อสรุปในที่ประชุม สมช.วันนี้ จะเป็นตัวชี้วัดการประชุมจีบีซีในวันที่ 7 ส.ค. ที่ รมว.กลาโหมทั้ง 2 ประเทศจะหารือกัน
พล.อ.ณัฐพลให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมว่า เบื้องต้นข้อเสนอที่ไทยเสนอไปมีการเห็นชอบร่วมกัน แต่ในรายละเอียดได้ขอให้เขามาชี้แจงที่สภาความมั่นคงฯ ว่าตรงกับที่ สมช.อนุมัติไปหรือไม่ ตนขอดูรายละเอียดอีกนิด เมื่อถามว่ากัมพูชายอมรับข้อเสนอที่เราเสนอไปทั้งหมดหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ใช่
ถามว่า ที่ผ่านมามีข้อตกลงหยุดยิง แต่ก็ยังมีสถานการณ์อยู่บ้างจะดำเนินการอย่างไร พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ก็ต้องกำกับกันต่อไป จริงๆ เป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะส่วนตัวเห็นว่าทางกัมพูชามีความจริงใจที่จะหยุดยิงจากการบรรลุข้อตกลงในระดับกองเลขาฯ
ซักว่าข้อเสนอที่ยื่นไปมีเงื่อนเวลาหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า มีเรื่องระยะเวลา แต่ขอดูรายละเอียดก่อนว่าการประชุมในวันที่ 6 ส.ค.เป็นอย่างไร ขอให้ทุกคนสบายใจได้ เรายึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก คำนึงถึงอธิปไตย
"การประชุมจีบีซี ที่มี รมว.กลาโหมทั้ง 2 ประเทศเป็นประธาน กรอบการพิจารณาส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่ด้านความมั่นคงในเรื่องการหยุด และยังมีงานอีกหลายอย่าง ทั้งการเรียกร้องค่าเสียหายของพลเรือน หรือเรื่องต่างๆ รวมถึงกรณีเขตแดน ที่เรายังไม่พูดถึง แต่จะรอให้เข้าคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ทั้งนี้ ขั้นตอนต่างๆ ต้องรอบคอบ หน่วยงานต่างๆ ต้องพิจารณา" พล.อ.ณัฐพลกล่าว
ถามว่า หากกัมพูชาต้องการขึ้นศาลโลก ทำไมไทยจึงไม่ยกเลิก MOU 43 พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า MOU 43 ยังมีประโยชน์ เพราะปัจจุบันที่เรากล่าวหากัมพูชากับนานาประเทศได้ เพราะเขาผิด MOU 43 หากไม่มี MOU 43 ก็ไม่มีกติกาอ้างอิงที่จะไปกล่าวหาเขาได้ ได้แค่กล่าวหา แต่ไม่มีกรอบที่จะอ้าง
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าการหารือในวันที่ 7 ส.ค.จะไม่จบ เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมาคณะพูดคุยยังคงต้องโทร.เพื่อขอการตัดสินใจที่กรุงพนมเปญ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ตอนแรกก็รู้สึกกังวล แต่เมื่อฝ่ายเลขานุการยืนยันก่อนเดินทางกลับว่าทุกอย่างเรียบร้อย ก็คลายความกังวล แต่ท้ายที่สุดต้องรอฟังรายละเอียด ไม่อยากฟังทางโทรศัพท์ สู้ฟังทีเดียวเลยดีกว่า
ถกจีบีซียึดเอกสารกันพลิ้ว
"ข้อตกลงการหยุดยิงยังเป็น 8 ข้อเหมือนเดิม แต่มีอีก 6 ประเด็นที่เป็นเรื่องอื่นๆ แต่เกี่ยวข้องกัน แต่เท่าที่ฟังเขาก็รับข้อเสนอทั้งหมด ซึ่งเมื่อช่วงบ่ายหากดูจากสื่อกัมพูชาเขาบอกว่าไม่ได้เต็มใจรับนั้น เรื่องเหล่านั้นไม่มีปัญหา เราคุยกันด้วยเอกสาร อย่าไปพูดอย่างอื่น อาจจะทำข้อมูลคลาดเคลื่อนก็ได้ ย้ำว่าให้ยึดเอกสาร หากเห็นพ้องต้องกัน และมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ระหว่างการประชุมก็จะมีผู้สังเกตการณ์ร่วมเจรจากับทางกัมพูชา เพราะอย่างน้อยมีประเทศที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 เป็นพยานว่าเราตกลงกันอย่างนี้ แต่ยอมรับว่ามีผลเสีย เนื่องจากควรพูดคุยกันด้วยทวิภาคีมากกว่า" พล.อ.ณัฐพลกล่าว
จากนั้นหลังการประชุมนานกว่า 2 ชม. นายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมได้รับฟังรายงานจากตัวแทนกองเลขาฯ ที่ไปประชุมจีบีซีที่ประเทศมาเลเซียตั้งแต่วันที่ 4-6 ส.ค. รวม 3 วัน ซึ่งได้พูดคุยกันแล้ว แนวโน้มทั้งหมดเป็นไปในทิศทางที่ดี ส่วนเรื่องแถลงรายละเอียดยังไม่สามารถแถลงได้จนกว่าจะถึงวันที่ 7 ส.ค. หลังจากที่มีการเจรจากันแล้วในช่วงบ่าย ซึ่งจะเปิดเผยทั้งหมดให้ทราบ
"ที่ประชุมได้ให้กรอบไป และมอบหมายให้ พล.อ.ณัฐพลเข้าไปประชุมจีบีซี 7 ส.ค. เพื่อไปเจรจากันให้ได้ข้อยุติที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ เปิดเผยได้เท่านี้จริงๆ หลังจากบ่ายพรุ่งนี้ (7 ส.ค.) ค่อยว่ากัน" นายภูมิธรรมกล่าว
ถามว่า ในการเจรจาได้มีการพูดคุยเรื่องเขตแดนด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่มีอะไรทั้งนั้น ขอให้รอแล้วจะตอบ
ส่วน พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า มีความมั่นใจเกิน 90% เพราะระดับที่ 1 วัดจากกองเลขาฯ ระดับที่ 2 วัดผลการประชุมในวันที่ 7 ส.ค. และระดับที่ 3 วัดขั้นตอนการปฏิบัติจริง หากเขาทำเรื่อยๆ ก็เป็นสัญณาณดีเรื่อยๆ
ถามว่า มีความกังวลว่าจะมีอะไรเป็นตัวแปรหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า กังวลนิดเดียว เนื่องจากมีผู้สังเกตการณ์จากประเทศต่างๆ เขาก็คงไม่กล้า ซึ่งเขาก็คิดแบบเขา เราก็คิดแบบคิด เราลำบากตรงนี้ เพราะเราคิดแบบตรงไปตรงมา ทั้งนี้ ในวันที่ 8 ส.ค. ช่วงเช้าจะมีการเปิดตัวโฆษก ศบ.ทก.คนใหม่ และในเวลา 12.00 น. จะมีการแถลงสรุปผลโดย ศบ.ทก.ด้วย
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่าพื้นที่ดังกล่าวยังคงมีกลิ่นศพทหารกัมพูชาอยู่ส่วนหนึ่ง ซึ่งเราได้ประสานไปยังกองทัพกัมพูชา ให้จัดทีมมาเก็บศพทหารของตนเองที่เสียชีวิตกลับไปทำพิธีเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย รวมทั้งเราได้หาวิธีดับกลิ่น นำปูนขาวไปเทป้องกันเชื้อโรค เพื่อไม่ให้สภาพแวดล้อมเป็นพิษ โดยเฉพาะโรคระบาดต่างๆ
ถามถึงข่าวลือ มทภ.2 สั่งให้ทหารไทยไปเก็บศพทหารกัมพูชา พล.ท.บุญสินกล่าวว่า เป็นเรื่องของทหารกัมพูชา และเราไม่มีคำสั่งให้ไปเก็บศพทหารกัมพูชาแต่อย่างใด โดยให้กัมพูชาดำเนินการเอง
ซักถึงปัญหาช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี มีเหตุกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย เรื่องการรื้อรั้วลวดหนาม มทภ.2 กล่าวว่า เขาพยายามขึ้นมามีกระทบกระทั่งนิดหน่อย แต่ไม่พกอาวุธขึ้นมา แต่เรายืนยันว่ามีความจำเป็น เพื่อป้องกันการวางกำลังของฝ่ายเรา ยืนยันช่องอานม้าไม่มีอะไร และทหารกัมพูชาก็กลับลงไปแล้ว
กองทัพลั่นไม่ถอยกำลัง 11 จุด
เมื่อถามว่า อนาคตอาจมีปัญหาขึ้นอีกหรือไม่ เพราะกัมพูชาเรียกร้องให้ทหารไทยออกจากช่องอานม้า มทภ.2 กล่าวว่า เป็นปกติ แต่เราไม่ถอย ซึ่งทั้ง 11 จุด เราทำแบบเดียวกัน คือการวางรั้วลวดหนาม และนำกำลังไปวางไว้ บนภูมะเขือก็เช่นกัน มีการวางกำลังเพื่อป้องกันการกระทำที่ไม่เรียบร้อยต่อแผ่นดิน และยืนยันว่าเราอยู่ในเขตประเทศไทย ไม่ได้รุกล้ำหรือยึดพื้นที่นอกประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลและกองทัพอยู่แล้ว
ถามอีกว่า มีโอกาสจัดระเบียบชายแดนหรือไม่ พล.ท.บุญสินกล่าวว่า ส่วนของกองทัพเราจัดระเบียบไปเรื่อยๆ ส่วนการเจรจาอะไรที่ยั่งยืนก็ให้เป็นเรื่องของรัฐบาล
พล.ท.บุญสินกล่าวว่า การประชุมจีบีซี เราก็หวังจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะเราไม่อยากให้ใช้กำลังต่อกันอยู่แล้ว ซึ่งต้องดูว่าจะลงตัวอย่างไร ส่วนจุดยืนของกองทัพ ยืนยันว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงเราเห็นพ้องต้องกันว่าเราจะไม่ถอยกำลัง อยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น
วันเดียวกัน พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงสถานการณ์ไทย-กัมพูชาประจำวัน ตอนหนึ่งระบุว่า สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาพปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด นอกจากนี้ ที่ผ่านมาเราได้ตรวจพบการใช้โดรนเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ไทยเองยังคงประกาศไม่ให้มีการบินโดรนทุกชนิดทั้งประเทศ โดยฝ่ายความมั่นคงยังคงเข้มงวดในการสกัดกั้นและตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย โดยจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 ส.ค.
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า ในที่ประชุม ศบ.ทก.ได้พูดคุยเรื่องการผ่อนปรนสำหรับการบินโดรนเพื่อการเกษตรในบางพื้นที่ ภายหลังวันที่ 15 ส.ค.68 โดยเห็นพ้องว่าเกษตรกรมีความจำเป็นต้องใช้โดรนเพื่อการเกษตร และมีความเดือดร้อน ซึ่งประเด็นสำคัญในการหารือคือโดรนเกษตรต่างๆ ที่จะทำการบินต้องผ่านการขึ้นทะเบียนผู้บังคับหรือผู้ควบคุมอากาศยาน และในการลงทะเบียนโดรนจะต้องลงอย่างถูกกฎหมายผ่านระบบ UAS Portal ของสำนักงานการบินพลเรือน โดยการบินนั้นสามารถบินได้เฉพาะในเวลากลางวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.
นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ช่วงเวลานี้การเผยแพร่ข่าวปลอมจากฝ่ายกัมพูชาและการใส่ร้ายฝ่ายไทยถึงขั้นมีการแต่งนิยาย มีความถี่เป็นพิเศษ ในช่วงอยู่ระหว่างการเจรจาตามกรอบจีบีซี ขอย้ำว่าฝ่ายไทยเชื่อมั่นในการรักษาบรรยากาศที่ดี โดยไม่ใส่ร้ายอีกฝ่าย เป็นส่วนสำคัญในการลดความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศ เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ใช่ประโยชน์ของฝ่ายรัฐบาลอย่างเดียว บรรยากาศที่จะเอื้อต่อการประชุมจีบีซีนั้นมีความสำคัญมาก ซึ่งจะยกระดับเป็นการหารือระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้ง 2 ประเทศ จึงขอให้ทีมเจรจาประสบความสำเร็จในภารกิจนี้
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ส่วนตัวเป็นห่วงคนไทยที่พำนักในต่างประเทศ รวมทั้งคนของเขาที่มาอยู่ในประเทศไทย ไม่อยากให้ประชาชนคนไทยหรือต่างประเทศไปอคติกับประชาชน เพราะในวันนี้เราเห็นว่าเป็นการกระทำของรัฐบาลผู้นำเขาเท่านั้น แต่ถ้าเราไปอคติกับคนที่มาพำนักหรือมาทำงาน มันก็เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงของทั้งสองประเทศ ทั้งนักธุรกิจไทยที่อยู่ในต่างประเทศด้วย
น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวถึงการเปิด-ปิดโรงเรียนในเขตแนวปะทะชายแดนไทย-กัมพูชาว่า รมว.ศึกษาธิการได้ย้ำให้ดูมิติด้านความมั่นคงเป็นหลัก ถ้าวันนี้ยังไม่เรียบร้อยก็จะยังไม่มีคำสั่งเปิดสถานศึกษา แต่อาจมีบางที่ ซึ่งที่มีข้อมูลมาคือที่วิทยาลัยเทคนิค อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่จะมีการเปิดเรียน ซึ่งจากการสอบถามพบว่าเป็นคำสั่งจากผู้อำนวยการสถานศึกษา กระทรวงศึกษาธิการทราบเรื่องแล้ว แต่ในภาพรวมของสถานศึกษาที่ใช้เป็นศูนย์พักพิงทั้งหมดยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
อดีต มทภ.2 ยุล้างบ่อนแก๊งคอล
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปผลการปฏิบัติที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา กรณีการดูแลผู้อพยพว่า ส่วนราชการทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ยังคงให้การสนับสนุนอำนวยความสะดวกในพื้นที่รวบรวมพลเรือนทั้ง 356 จุด ใน 4 จังหวัด ปัจจุบันมียอดรวม 65,604 คน ทั้งนี้ ทางฝ่ายปกครองได้จัดชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน เข้าดูแลพื้นที่ บ้านเรือนของพี่น้องประชาชนที่อพยพอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ จิตอาสาพระราชทานเข้าเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมกับมอบสิ่งของแก่ครอบครัว อส.ทพ.ประวิทย์ งามแสน กรมทหารพรานที่ 23 โดยมีแผนจะเข้าดำเนินการดูแลบ้านที่ทรุดโทรมของกำลังพลดังกล่าว ปัจจุบันกรมการทหารช่าง (โดย ช.11 พัน.602) อยู่ระหว่างเข้าดำเนินการในการปรับพื้นที่ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการขนย้ายสิ่งของอุปโภค-บริโภค ที่มาจากธารน้ำใจของพี่น้องประชาชน เพื่อดำเนินการส่งมอบความห่วงใยให้กับประชาชนและกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จัดโรงครัวพระราชทานในพื้นที่ 4 จังหวัด 15 แห่ง โดยมีจำนวนอาหารพระราชทาน ณ ปัจจุบัน 453,988 กล่อง
"ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้แจ้งข้อมูลการตรวจพบอากาศยานไร้คนขับ โดรนในพื้นที่ตามหมายเลข 1374 เพื่อให้หน่วยความมั่นคงดำเนินการต่อไป" ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ระบุ
ที่ สภ.ลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และตำรวจชุดสืบสวน สภ.ลำดวน ร่วมกันสอบปากคำนายวิน อายุ 36 ปี ชาวกัมพูชา ที่ได้ยึดอาวุธปืน เครื่องแบบทหาร เสื้อกั๊ก และหมวกที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ ซึ่งเป็นหน่วยทหารกัมพูชาองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน เบื้องต้นนายวินอ้างว่าเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ได้ลาออกมาหลายปีแล้ว ปัจจุบันมีภรรยาเป็นคนไทย และทำงานอยู่ในไทยมาหลายปีแล้ว และมาอยู่ในพื้นที่ อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านภรรยาได้ประมาณ 1 ปี ทั้งอ้างว่าถูกสวมชื่อ
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ พบมีรูปถ่ายการแต่งกายทหารและถืออาวุธสงคราม แต่ก็ต้องตรวจสอบในเชิงลึกอย่างละเอียดว่ามีการส่งข้อมูลเกี่ยวกับด้านความมั่นคงของฝ่ายไทยไปให้กัมพูชาหรือไม่
พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ "ไทยโพสต์" ถึงสาเหตุที่กัมพูชากล้าถล่มไทยที่ชายแดนว่า เขาต้องการทำแผนที่ใหม่ลากไปถึงทะเลที่เกาะกูด เพราะต้องการนำน้ำมันไปใช้ ทราบว่าเขาไปเอาเงินมัดจำเกือบสองแสนล้านบาทมาจากบริษัทต่างชาติ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องใช้หนี้เกือบสองแสนล้าน
ถามว่า จะต่อยอดจากเวทีการประชุมจีบีซีอย่างไรเพื่อให้ยั่งยืนไม่มีการรบ พล.อ.ธวัชชัยกล่าวว่า เดิมทีนึกว่าจะเป็นไปได้ แต่ถ้าเป็นลักษณะนี้แบบนี้ก็ลำบาก เพราะกัมพูชาคิดเอาเปรียบอย่างเดียว โดยเฉพาะเรื่องแผนที่ 1 ต่อ 5 หมื่นที่ไทยยึดถือ กับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนที่กัมพูชายึด ฉะนั้นไทยก็ต้องเตรียมกำลังให้เข้มแข็งขึ้น ถ้ามีอะไรต้องจริงจัง
"ถ้าเขาคิดเอาเปรียบเรา เราก็ต้องทำให้เขาปวดหัวบ้าง เราคุยกับโจรเราเป็นลูกผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นต้องคุยกันในจีบีซี ที่มีจีนและสหรัฐเป็นผู้สังเกตการณ์ แต่ถ้าให้สองประเทศคุยกันก็ต้องรบกันต่อ ถ้ายังเหมือนเดิม รัฐบาลไทยต้องยอมเสียงบประมาณเพื่อป้องกันประเทศ ผมคิดว่าเขมรเอาให้หนัก ไทยอย่าเหยาะแหยะ ชายแดน อะไรที่เป็นฐานหลักที่เขาใช้ทำมาหากิน โดยเฉพาะบ่อน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต้องเอาให้เรียบ" อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ระบุ.