‘ค่าเงินบาท’ เปิดเช้านี้ที่ 32.28 บาท/ดอลลาร์ ‘แข็งค่าขึ้น’ กรอบวันนี้ 32.25-32.55 บาท/ดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 32.28 บาท/ดอลลาร์ ‘แข็งค่าขึ้น’ จากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ 32.35 บาท/ดอลลาร์ ‘กรุงไทย’ ประเมินกรอบวันนี้ที่ 32.25-32.55 บาท/ดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยแนวโน้มค่าเงินบาทวันที่ 29 ส.ค.2568 ตั้งแต่คืนที่ผ่านมา เงินบาทยังคงแข็งค่าแบบ Sideways Down เคลื่อนไหวทดสอบแนวรับบริเวณ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ (ในกรอบ 32.25–32.39) สอดคล้องกับการอ่อนค่าของดอลลาร์และการปรับลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อายุ 10 ปี โดยตลาดยังคงทยอยเพิ่มความคาดหวังต่อโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ย แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีตัวเลขออกมาดีกว่าคาด เช่น GDP ไตรมาส 2 โต 3.3% และผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง

แรงหนุนอีกด้านมาจากราคาทองคำ (XAU/USD) ที่ปรับขึ้นทะลุแนวต้านสำคัญตามการอ่อนค่าของดอลลาร์และยีลด์สหรัฐฯ อย่างไรก็ดี เงินบาทแข็งค่าได้จำกัด เพราะมีแรงซื้อดอลลาร์และสกุลเงินต่างประเทศจากฝั่งผู้นำเข้าในช่วงสิ้นเดือน

ปัจจัยเสี่ยงและแนวโน้ม

ระยะสั้น เรามองว่าเงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบใกล้ 32.30 บาท/ดอลลาร์ ก่อนตลาดรับรู้ 2 ปัจจัยสำคัญคื

• ผลการวินิจฉัยคดีนายกฯ โดยศาลรัฐธรรมนูญ

• หากคำตัดสินสร้างความไม่แน่นอนทางการเมืองสูงขึ้น อาจกดดันเงินทุนไหลออก และทำให้เงินบาทอ่อนค่า

• แต่หากไม่เพิ่มความเสี่ยงทางการเมือง เงินบาทอาจแกว่งตัวรอข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ

• รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ (ประกาศคืนนี้ 19.30 น.)

• หาก PCE ออกมาสูงกว่าคาด โดยเฉพาะในฝั่ง %m/m จะกดดันให้ตลาดลดความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟด หนุนดอลลาร์และยีลด์รีบาวด์ กดดันเงินบาทให้อ่อนค่าใกล้ 32.50

• หาก PCE ออกมาต่ำกว่าคาด แม้อาจช่วยหนุนทองคำและเงินบาท แต่การแข็งค่าอาจจำกัด โดยเงินบาทอาจไม่สามารถทะลุ 32.10 ได้ชัดเจน

มุมมองเพิ่มเติม

• ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ท่ามกลางความผันผวนที่อาจกลับมาสูงขึ้น
• เงินบาทยังมี Two-way risk ชัดเจน จากทั้งฝั่งการเมืองไทยและทิศทางนโยบายการค้าสหรัฐฯ (Transshipment Tariffs)
• แม้ทองคำช่วยพยุงเงินบาท แต่ยังขาดแรงขับใหม่ หากไม่มีการปรับเพิ่มความคาดหวังลดดอกเบี้ยจากเฟดอย่างมีนัยสำคัญ

ภาพรวมตลาดเงินและทองคำ

ดอลลาร์สหรัฐทยอยอ่อนค่า สอดคล้องกับการปรับลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อายุ 10 ปี หลังตลาดเพิ่มความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของเฟด แม้บางช่วงดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ขณะเดียวกัน ส่วนต่างยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ–ญี่ปุ่นที่ลดลง และถ้อยแถลงจาก BOJ ที่ส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ช่วยหนุนเงินเยนแข็งค่า กดดันดอลลาร์เพิ่ม ส่งผลให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) อ่อนลงสู่ระดับ 97.9 จุด (กรอบ 97.7–98.1)

ราคาทองคำ (สัญญา COMEX ส่งมอบ ธ.ค. 2025) ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ รวมถึงความกังวลเรื่องการเมืองสหรัฐฯ ที่อาจแทรกแซงการทำงานของเฟด ทำให้ทองคำทยอยปรับขึ้นสู่โซน 3,475 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามใน 24 ชม. ข้างหน้า

• ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ

• รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE เดือนก.ค. ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่เฟดจับตา

• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (U of Michigan) เดือนส.ค.

• การเมืองไทย
  ตลาดกำลังรอผลการวินิจฉัยคดีสถานะนายกรัฐมนตรีของคุณแพทองธาร ชินวัตร โดยศาลรัฐธรรมนูญ หากศาลตัดสินให้สิ้นสุดความเป็นนายกฯ อาจนำไปสู่ความไม่แน่นอนทางการเมือง ทั้งการลงคะแนนเลือกนายกฯ คนใหม่ และความเสี่ยงยุบสภาเลือกตั้งใหม่

• เราประเมินโอกาสราว 60% ที่พรรคเพื่อไทยยังรวมเสียงสนับสนุน คุณชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกฯ คนใหม่

• โอกาส 25% ที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจกลับมาดำรงตำแหน่ง

• อีก 15% เป็นไปได้ที่จะเกิดการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่