ILM ทุ่ม 200 ล้านบาท เปิดสาขาเชียงราย ขยายฐานธุรกิจรับเมืองรองดาวรุ่ง
อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ หรือ ILM เปิดสาขาใหม่ลำดับที่ 35 ในจังหวัดเชียงราย ด้วยงบลงทุน 200 ล้านบาท พร้อมรับดีมานด์จากภาคธุรกิจท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ในภาคเหนือตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านในประเทศไทย
นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ผู้นำธุรกิจ ค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ภายในบ้าน และของตกแต่งบ้าน เปิดเผยว่า การขยายธุรกิจไปสู่ภูมิภาคที่มีศักยภาพเป็นกลยุทธ์ที่เราวางไว้ โดยครึ่งปีหลังปี 2568 บริษัทฯ ได้เตรียมแผนงานให้ยืดหยุ่นพร้อมเผชิญกับความท้าทาย ทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในอย่างแข็งแกร่ง เพื่อย้ำการเป็น “THAILAND’s NO.1 FURNITURE & HOME DECORATIVE DESTINATION” โดยเลือกเจาะการขยายสาขาในเมืองรองและเมืองท่องเที่ยว
ล่าสุดปักหมุดสู่ภูมิภาคทางภาคเหนือของไทย กับ “อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ สาขาเชียงราย” ลำดับที่ 35 หนึ่งในเมืองรองดาวรุ่งที่น่าจับตามอง เป็นแห่งที่ 2 บนพื้นที่ภาคเหนือ (หลังจากเปิดสาขาเชียงใหม่) โดย อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ สาขาเชียงราย ได้นำเสนอภายใต้แนวคิด “แต่งบ้านที่ใช่ ในเมืองที่รัก” ตั้งอยู่ที่สี่แยกแม่กรณ์ บนพื้นที่กว่า 6,300 ตารางเมตร
นอกจากนี้ สาขายังมีบริการที่หลากหลายเพื่อรองรับทั้งลูกค้าทั่วไปและลูกค้าภาคธุรกิจ (B2B) ตั้งแต่ผู้ประกอบการ SME ไปจนถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์, โรงแรม และโรงพยาบาล พร้อมมีบริการ Design Studio ที่ช่วยออกแบบและให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพ
นางสาวกฤษชนก กล่าวว่า การตัดสินใจลงทุนในเชียงรายครั้งนี้สอดคล้องกับข้อมูลทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจหลายประการ โดยจังหวัดเชียงรายถือเป็นเมืองรองเป้าหมายแห่งการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ เนื่องจากมีความโดดเด่นจากภูมิศาสตร์ ทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ มีความหลากหลายทางศิลปะวัฒนธรรม จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองศิลปะ”สอดคล้องกับแผนการผลักดันด้านการท่องเที่ยวและพัฒนาจังหวัดด้วยวิสัยทัศน์ ‘เชียงรายเมืองท่องเที่ยวสร้างสรรค์ วิถีถิ่นร่วมสมัย เกษตรกรรมมูลค่าสูง สิ่งแวดล้อมสมดุล มุ่งสู่ความยั่งยืน’
นอกจากนี้ นโยบาย ‘เที่ยวไทยคนละครึ่ง’ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ ทั้งการท่องเที่ยวเมืองหลัก 22 จังหวัด และเมืองน่าเที่ยวอีก (เมืองรอง) 55 จังหวัด ซึ่งข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พบว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 ภาคการท่องเที่ยวไทยภายในประเทศมีรายได้รวม 1,340,000 ล้านบาท แบ่งเป็นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 770,000 ล้านบาท และนักท่องเที่ยวไทย 570,000 ล้านบาท ซึ่งจังหวัดเชียงรายเป็นเมืองรองที่มีผู้เยี่ยมเยือนมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ทำให้เชียงรายยังเป็นจังหวัดที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุดในช่วงเวลาเดียวกัน และรองลงมาคือ จังหวัดสุพรรณบุรี, สมุทรสงคราม, อุดรธานี และอุบลราชธานี
ในขณะที่ ข้อมูลศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่คาดว่าปี 2568 คนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศจะมีจำนวน 205 ล้านคน-ครั้ง หรือเติบโต 2.2% จากปีก่อน โดยจังหวัดท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) จะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไทยมากขึ้น เนื่องจากเทรนด์คนไทยที่หันมาเที่ยวเมืองรองในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยจากการเลี่ยงความแออัดของสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองหลัก เริ่มมองหาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ มีการรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวจากสื่อสังคมออนไลน์เพิ่มขึ้น รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงศาสนาก็ได้รับความสนใจมากขึ้น
โดยคาดการณ์สัดส่วนคนไทยที่จะเที่ยวเมืองรองในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 41.4% จากในช่วง 5 เดือนแรกปี 2568 คนไทยเที่ยวเมืองรองมีสัดส่วนอยู่ที่ 41.3% และเติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 (ก่อนโควิด-19) อยู่ที่ 32.3%
ทั้งนี้จังหวัดเชียงรายยังมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งในช่วงปี 2567-2568 มีการมุ่งเน้นด้านการพัฒนาเส้นทางคมนาคม เพื่อเชื่อมโยงเชียงรายกับจังหวัดและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น โครงการก่อสร้างถนนเส้นทางการค้า North-South Economic Corridor เพื่อเป็นเส้นทางเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศไทย กับสปป.ลาว เมียนมา และจีน (R3A) เป็นต้น รวมถึงการพัฒนาสนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย และเป็นศูนย์กลางการค้าชายแดนที่สำคัญที่ใช้ในการนำเข้าและส่งออกสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภค
อีกทั้งอสังหาริมทรัพย์ยังได้รับความสนใจนักลงทุนต่างชาติ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง ทำให้ภาระผ่อนชำระบ้านลดลง และช่วยให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ยิ่งช่วยเพิ่มความต้องการที่อยู่อาศัย รวมทั้งกลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ภายในบ้าน และของตกแต่งบ้านจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ