มัลดีฟส์ปลดแบน “การจับปลาฉลาม” หลังบังคับใช้มานานหลายสิบปี
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงมาเล ประเทศมัลดีฟส์ เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ว่า ปลาฉลาม เคยเป็นสัตว์น้ำสำคัญที่มัลดีฟส์จับได้มากเป็นอันดับสอง รองจากปลาทูน่า ซึ่งยังคงเป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ทางการมัลดีฟส์แบนการจับปลาฉลาม หลังรายได้จากนักดำน้ำที่มาเยือนหมู่เกาะแห่งนี้ สูงกว่ารายได้จากการขายน้ำมันตับปลาฉลาม ซึ่งมัลดีฟส์สั่งห้ามการจับปลาฉลาม “โดยสิ้นเชิง” เมื่อเดือน มี.ค. 2553 หลังทางการบังคับใช้ข้อจำกัดที่เข้มงวด นับตั้งแต่ปี 2541
ทั้งนี้ สำนักงานประธานาธิบดีมัลดีฟส์ ระบุว่า ประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด มุยซ์ซู ผู้นำมัลดีฟส์ ประกาศยกเลิกนโยบายที่เกาะปะการังทางตอนเหนือของกรุงมาเล เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา และเรียกร้องให้ประชาชนในพื้นที่เตรียมกลับมาจับปลาฉลามกัลเปอร์อีกครั้ง
“การประมงปลาฉลามกัลเปอร์ จะเริ่มขึ้นอีกครั้งในเดือน พ.ย. นี้ ภายใต้แผนการจัดการที่ครอบคลุม” มุยซ์ซู กล่าวเพิ่มเติม พร้อมกับเสริมว่า การประมงปลาฉลามถือเป็น “แหล่งรายได้สำคัญ”
กระนั้น กลุ่มอนุรักษ์ปลาฉลามและสัตว์ทะเล “ชาร์ค การ์เดียน” ในสหราชอาณาจักร แสดงความกังวลต่อการยกเลิกนโยบายของมัลดีฟส์ โดยระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากมันจะบ่อนทำลายชื่อเสียงของมัลดีฟส์ในฐานะเขตรักษาพันธุ์ปลาฉลามระดับโลก และทำให้เกิดความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจที่พึ่งพาการท่องเที่ยวของประเทศในระยะยาว.
เครดิตภาพ : AFP