เจาะกลยุทธ์ Multi-Strategy ของ AQR Capital Management 'มันสมอง' แห่งวงการลงทุน

“หากพูดถึงผู้จัดการกองทุนเชิงระบบ ที่ทั่วโลกให้การยอมรับ “AQR Capital Management” คือชื่อที่ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน ‘สมอง’ ของวงการลงทุนทางเลือกอย่างแท้จริง”

AQR Capital Management ก่อตั้งขึ้นในปี 1998 โดย Cliff Asness, John Liew และ David Kabiller ปัจจุบันเติบโตจนมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 1.41 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.6 ล้านล้านบาท) รวมถึงกองทุนทางเลือกแบบมีสภาพคล่อง (Liquid Alternatives) จำนวน 17,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.5 แสนล้านบาท)

ทีมงานของ AQR ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 600 คน รวมถึงผู้ที่จบปริญญาเอก 52 คน

เบื้องหลังความสำเร็จของบริษัท คือ 3 ผู้ก่อตั้งระดับ “ด็อกเตอร์” ที่ไม่เพียงเก่งในเชิงทฤษฎี แต่ยังสามารถเปลี่ยนแนวคิดบนกระดาษให้กลายเป็นผลตอบแทนจริงในสนามลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Cliff Asness เติบโตมาจากสายวิชาการ เคยเป็นลูกศิษย์ของ Eugene Fama เจ้าของรางวัลโนเบลผู้พัฒนา ทฤษฎีตลาดมีประสิทธิภาพ แต่ Asness เป็นคนที่เชื่อว่า

“แม้ตลาดจะมีประสิทธิภาพส่วนใหญ่ของเวลา แต่ยังมีบางช่วงที่เกิด ‘ช่องโหว่’ ให้คว้าโอกาสทำกำไรได้ หากเราวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบและมีวินัยมากพอ”

อีกด้าน John Liew คือผู้ที่สามารถแปลงทฤษฎีที่ซับซ้อนให้กลายเป็น “ระบบการเทรดจริง” ที่ควบคุมทั้งต้นทุนและความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ ส่วน David Kabiller เป็นมันสมองภาคธุรกิจ ผู้ผลักดันให้ AQR สร้างกองทุน “Liquid-Alternative” ให้กับนักลงทุนสถาบันทั่วโลก ภายใต้แนวคิด “กระจายพอร์ตอย่างมีประสิทธิภาพ”

ทั้งสามร่วมกันสร้างระบบการลงทุนที่มีประสิทธิภาพจนทำให้ AQR ได้รับการยกย่องจาก Morningstar ในฐานะ “ผู้นำด้านกลยุทธ์การลงทุนทางเลือก” ด้วยความสามารถสร้างผลตอบแทนแม้ในวันที่ตลาดไม่น่าลงทุน เพราะพวกเขาให้ความสำคัญกับกระบวนการ (Process) มากกว่าการเดาหุ้นรายตัว

ปรัชญาและแนวทางการลงทุน

Source: MFC Asset Management

สิ่งที่ทำให้ AQR แตกต่างคือการนำงานวิจัยทางวิชาการมาแปลงเป็นกลยุทธ์การลงทุนจริง โดยเน้น 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

• Long-Short Strategy (กลยุทธ์ Long-Short) เป็นการทำกำไรจากความผันผวนของราคาหุ้น โดยจะมีการระบุและเข้าซื้อหุ้นที่มีราคาถูกกว่าความเป็นจริงในขณะที่ขายหุ้นที่ราคาสูงเกินไปในเวลาเดียวกัน โดยใช้เครื่องมืออนุพันธ์ (Derivatives) เพื่อโอกาสทำกำไรทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง
• Multi-Strategy (กลยุทธ์หลายประเภท) เป็นการใช้กลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลายเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของตลาด ตัวอย่างกลยุทธ์ย่อยที่ใช้ได้แก่ Macro, Stock Selection, Arbitrage และ Market Neutral
• Quantitative Method (กลยุทธ์เชิงปริมาณ) เป็นการใช้เทคโนโลยี AI และ Big Data ในการวิเคราะห์ข้อมูลและคัดกรอง “สัญญาณจริง” ออกจาก “สัญญาณหลอก” เพื่อหลีกเลี่ยงอคติจากมนุษย์และทำให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ แล้วนักลงทุนจะเข้าถึงระบบการลงทุนระดับโลกนี้ได้อย่างไร?

คำตอบคือ กองทุน MSF-UI* หรือ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี มัลติ สตราทีจี ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย ซึ่งเป็นกองทุน Feeder Fund ที่มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก AQR Apex UCITS Fund บริหารจัดการโดย AQR Capital Management ที่มีประสบการณ์กว่า 25 ปีทั้งด้านการวิจัยและการบริหารจัดการการลงทุน สร้างพอร์ตครอบคลุมทั้งการถือครอง (Long) และการขายชอร์ต (Short)

พร้อมใช้สัญญาณการลงทุนเฉพาะตัวควบคู่กับเทคนิคการจัดพอร์ตอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอและปรับตามความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

*กองทุนนี้เสนอขายเฉพาะผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (Ultra High Net Worth) เท่านั้น | กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน | กองทุนนี้ไม่ถูกจํากัดความเสี่ยงด้านการลงทุนเช่นเดียวกับกองทุนรวมทั่วไปจึงเหมาะกับผู้ลงทุนที่รับผลขาดทุนระดับสูงได้เท่ํานั้น | ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

นโยบายการลงทุน

กองทุนหลักสามารถลงทุนในตราสารทางการเงินหลากหลายประเภท โดยบริหารเชิงรุก (Active Management) และเน้นกลยุทธ์หลายประเภท (Multi-Strategy) ที่มีความสัมพันธ์กันในระดับต่ำ (Lowly Correlated) เช่น Macro Strategy, Stock Selection Strategy และ Arbitrage Strategy

นอกจากนี้ กองทุนอาจใช้ตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนและป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงอาจกู้ยืมเงินหรือทำธุรกรรมขายคืน (Repo) ไม่เกิน 50% ของ NAV

ผลตอบแทนในอดีตของกองทุนหลัก

ผลตอบแทนย้อนหลังกองทุนหลัก | Source: Financial Times as of 20/08/2025

*คำเตือน: ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

ในช่วงเริ่มต้นปี 2020 กองทุนมีผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างท้าทาย โดยให้ผลตอบแทนติดลบสูงถึง -19.07% ซึ่งส่งผลให้อันดับของกองทุนอยู่ในกลุ่มที่ 4 (4th Quartile) เมื่อเทียบกับกองทุนประเภทเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา กองทุนนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรอย่างยอดเยี่ยมและสม่ำเสมอ โดยสามารถสร้างผลตอบแทนที่เป็นบวกได้ทุกปี

ผลตอบแทนในปี 2021 และ 2022 สูงถึง +20.69% และ +46.50% ตามลำดับ ซึ่งดีกว่าตัวชี้วัดอย่าง Multistrategy USD อย่างเห็นได้ชัด

ความสำเร็จนี้ส่งผลให้กองทุนสามารถรักษาอันดับให้อยู่ในกลุ่ม 1st Quartile ของกองทุนประเภทเดียวกันมาได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2021 จนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ ข้อมูลยังแสดงให้เห็นว่า แม้ในปี 2023 และ YTD ของปี 2025 ที่ตลาดมีความผันผวนและตัวชี้วัดติดลบ กองทุนก็ยังสามารถทำผลตอบแทนเป็นบวกได้ที่ +6.67% และ +1.18% ตามลำดับ ตอกย้ำถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการกองทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด

จุดเด่นกองทุน MSF-UI

• กลยุทธ์หลากหลาย (Multi-Strategy)

ผสมผสาน Macro, Stock Selection และ Arbitrage เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ปรับตามความเสี่ยง และกระจายพอร์ตอย่างมีประสิทธิภาพ

• ลดความผันผวนด้วย Market Neutral (Beta = 0)

พอร์ตไม่สัมพันธ์กับความเคลื่อนไหวของตลาดโดยรวม จึงช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนตลาด

• ลงทุนอย่างเป็นระบบ (Systematic Investing)

ใช้ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ร่วมกับเทคโนโลยี ข้อมูล และการเงินเชิงพฤติกรรม เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอ

• บริหารโดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกและสภาพคล่องสูง

AQR Capital Management มีประสบการณ์กว่า 25 ปี ในการสร้างพอร์ต Long/Short หลายพันรายการ ด้วยสัญญาณการลงทุนเฉพาะตัว นอกจากนี้ ยังซื้อขายได้ทุกวันทำการ ตามที่ระบุในรายละเอียดโครงการ

• สถิติผลการดำเนินงานโดดเด่น

กองทุนสร้างโอกาสทำผลตอบแทนได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกองทุนในกลุ่มเดียวกันและตัวชี้วัดอย่าง Multistrategy USD อย่างต่อเนื่อง

กองทุน MSF-UI เหมาะกับใคร

• นักลงทุนระดับ Ultra High Net Worth ที่ยอมรับความเสี่ยงได้มาก และมองหาโซลูชันการลงทุนที่ซับซ้อนกว่ากองทุนทั่วไป

• ผู้ที่ต้องการลดความผันผวนของพอร์ต แต่ยังคงคาดหวังโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี

• ผู้ที่ต้องการจำกัดความเสี่ยงขาดทุน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูง

• ผู้ที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะยาว โดยอาศัยกลยุทธ์การลงทุนแบบหลากหลายและเป็นระบบรายละเอียดอื่น ๆ

• ความเสี่ยงระดับ 8+ (เสี่ยงสูงมากอย่างมีนัยสำคัญ)

• นโยบายปันผล ไม่จ่าย

• ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

• ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 100,000 บาท

• ลงทุนขั้นต่ำครั้งถัดไป 10,000 บาท

• ค่าธรรมเนียมขาย (Front-end Fee) 1.5% ต่อปี *บริษัทจัดการปรับลดค่าธรรมเนียมการขายสำหรับผู้ลงทุนที่มียอดเงินลงทุนตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป จากเดิม 1.50% เป็น 1.00% มีผลตั้งแต่วันที่ 24/07/2025

• ค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (Back-end Fee) ไม่มี

• ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) 1.605% ต่อปี

• ข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ณ วันที่ 21/07/2025

ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ Finnomena Funds

อ้างอิง: MFC Asset Management, Financial Times, IntegrityIA

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | กองทุน UI จะเสนอขายเฉพาะผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษเท่านั้น โดยกองทุนประเภทนี้เป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน และไม่ถูกจำกัดความเสี่ยงด้านการลงทุนเช่นเดียวกับกองทุนรวมทั่วไป จึงเหมาะกับผู้ลงทุนที่รับผลขาดทุนได้ในระดับสูงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนทำการลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT