โบรกสรุปกำไรบจ. Q2/68 ทะลุ 3 แสนลบ.พุ่ง 30 % ขึ้นแท่นอันดับ 2 สูงสุดเป็นประวัติการณ์
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี ประเมินบริษัทจดทะเบียนไทยรายงานงบไตรมาส 2 ปี 2568 รวม697 บริษัท มีกำไรสุทธิรวม 3.25แสนล้านบาท โต25.3% y-y, +10.3% q-q แต่ส่วนใหญ่จากกำไรพิเศษ GULF, SCC และTHAI หากไม่รวมกำไรพิเศษกำไรปกติไตรมาส 2 ปี 2568 ราว 2.5 แสนล้านบาท ทรงตัวy-y, -10.5%q-q ตามฤดูกาล ซึ่งกำไรครึ่งปีแรก 2568 คิดเป็น 57% ของประมาณการทำให้ KSS คาดกำไรตลาดปี 2568 ที่ 87บาท/หุ้น (vs Cons 89.2บาท/หุ้น)
บล.เอเอสแอล สรุป กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนไทยในไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ประมาณ 3.4 แสนล้านบาทเพิ่มขึ้นทั้ง QoQและ YoY สูงกว่าตลาดคาด 9–10% ถือเป็นระดับสูงสุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์หนุนกําไรครึ่งปีแรกแตะเกือบ 6 แสนล้านบาท หรือราว 56% ของคาดการณ์ทั้งปี EPS 85–89 บาท/หุ้น
ปัจจัยหนุนหลักมาจากกำไรของ THAI ที่ฟื้นตัวจากแผนฟื้นฟู, การรวมงบ INTUCH เข้ากับ GULF, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง, ICT, อาหารและไฟแนนซ์ ขยายตัวเด่นขณะที่กลุ่มปิโตรเคมีและอิเล็กทรอนิกส์ออกมาต่ากว่าคาดจากผลกระทบเงินบาทแข็งและรายการพิเศษ
ส่วนแนวโน้ม ไตรมาส 3 ปี 2568 อาจชะลอตัวจาก Domestic Play ที่ถูกกดดันทางการเมืองและกลุ่มส่งออกที่ผ่านพ้นช่วงเร่งสต๊อกเพื่อหลบภาษีสหรัฐแต่เมื่อเทียบYoY ยังเห็นการเติบโตจากฐานต่ำปีที่แล้วโดย FwdPE 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่14.14 เท่าเมื่อพิจารณากับ EPS 68 ที่90 บาท (-4.6%YoY) จะได้ดัชนีเป้าหมายสิ้นปีที่ 1,296 จุดซึ่งรวมผลของการลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 1ครั้งในช่วงที่เหลือของปีแล้วประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway ในกรอบ 1230-1250 จุด
ระวังช่วงปลายสัปดาห์คาดว่าจะมีแรงขายลดความเสี่ยงบางส่วนจากความชัดเจนเกี่ยวกับการ ตัดสินคดีความที่เกี่ยวข้องกับการเมืองได้แก่ คดีม.112ของคุณทักษิณและคดีคลิปเสียงของนายกรัฐมนตรีซึ่งศาลรัฐธรรมนูญกาหนดวินิจฉัยในวันที่22ส.ค. และ 29ส.ค. ตามลำดับ
สำหรับStock pick : CENTEL ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้วเป้าเชิงกลยุทธ์ที่ 32.00 บาท
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) สรุป กำไรไตรมาส 2 ปี 2568 ของ SET Index อยู่ที่ 3.4 แสนล้านบาท +21% QoQ, +31% YoY ดีกว่าคาดการณ์ของเราที่ 2.2 แสนล้านบาท อย่างมีนัยสำคัญ และดีกว่าตลาดคาดเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน ได้แรงหนุนจากกลุ่มวัสดุก่อสร้าง, สื่อสาร, โรงไฟฟ้า, สินค้าเกษตร
สำหรับ แนวโน้มไตรมาส 3 ปี 2568 มีโอกาสชะลอตัว QoQ ตามการทรุดตัวของ Domestic Play ที่ถูกกดดันจากปัจจัยการเมือง และกลุ่มส่งออกที่ผ่านพ้นช่วงการเร่งสต็อกสินค้าเพื่อลดผลกระทบจากภาษีการค้าของสหรัฐฯไปแล้ว แต่เมื่อเทียบ YoY คาดยังเห็นการเติบโต จากฐานที่ต่ำในปีก่อน
โดยยังคงคาดการณ์ EPS ปีนี้ไว้ที่ 85.0 บาท/หุ้น และคงคาดการณ์ SET Index Target ที่ 1,275 จุดระยะสั้นแนะนำติดตามปัจจัยการเมืองในประเทศ หาก Overhang นานกว่าคาดอาจเปิด Downside ให้กับคาดการณ์ EPS ของ SET Index ได้ แนะนำทำ Stock Selection โดยโดยเน้นเลือกหุ้นที่ผลประกอบการครึ่งปีหลังยังโต YoYและมี ปันผลจูงใจ ได้แก่ ADVANC, BCH, CPNREIT, GULF, GPSC, OSP, SCB, SYNEX, TIDLOR, TRUE, 3BBIF
"สำหรับหุ้นที่ให้ปันผล ครึ่งปีแรก 2568 " ในระดับที่น่าสนใจ จะเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาดในช่วงที่รอปัจจัยการเมืองชัดเจน โดยถ้าอิงการเคลื่อนไหวของ SETHDIndex เทียบกับ SET Index ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบว่ามี 3 เดือนที่ SETHD เคลื่อนไหว Underperform SET คือ มี.ค., พ.ค., และ ส.ค. นอกนั้น SETHD จะเคลื่อนไหว Outperform ตลาด ซึ่งช่วงเวลาปัจจุบันที่เป็นช่วง Underperform ในทางสถิติ และกำลังรอความชัดเจนด้านปัจจัยการเมือง จึงเหมาะสำหรับการเข้าสะสมหุ้นปันผลดี
โดย คาดว่าปัจจัยด้านเงินปันผล ยังเป็นจุดแข็งสำคัญของตลาดหุ้นไทย เพราะกระแสเงินจากการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนยังแข็งแกร่ง และหลายบริษัทขนาดใหญ่ปรับเพิ่ม Dividend Payout Ratio จึงทำให้นักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่นได้ว่า ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงกว่าภูมิภาคจะคงอยู่ต่อเนื่องในระยะยาว เราแนะนำดักจังหวะเก็งกำไรหุ้นปันผลสูงสำหรับรอบ ครึ่งปีแรก 2568 หรือ ไตรมาส 2 ปี 2568 เช่นICHI, CPF, SCCC, ADVANC, OSP, TTB, SCB, CPNREIT, และ LHHOTEL เป็นต้น