เปิดสถิติอุบัติเหตุทางถนน 10 ปี แนวทางขับขี่ปลอดภัยใน "ผู้สูงอายุ"
เปิดสถิติอุบัติเหตุทางถนน 10 ปี พบยอด "ผู้สูงอายุ" เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แนะแนวทางการขับขี่ปลอดภัยในผู้สูงอายุ
กรมควบคุมโรค เผยข้อมูลจากระบบบูรณาการผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 3 ฐาน จำนวนผู้เสียชีวิตในระยะเวลา 10 ปี รวม 190,289 ราย เฉลี่ย 19,029 รายต่อปี อัตราเฉลี่ย 10 ปี อยู่ที่ 29 ต่อแสนประชากร
โดยพบคนวัยหนุ่มสาว อายุ 15 – 29 ปี ครองสถิติการเสียชีวิตสูงสุด แต่มีแนวโน้มลดลง
ในขณะที่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลายเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 2558 มีผู้สูงอายุเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 2,834 เพิ่มขึ้นเป็น 4,307 ราย ในปี 2567 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 51.8 ซึ่งกว่าร้อยละ 80 ของผู้เสียชีวิตในกลุ่มนี้เป็นผู้ขับขี่เอง และพาหนะที่ทำให้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์
การตรวจสอบร่างกายของผู้สูงอายุ มีความจำเป็นอย่างมาก เนื่องจาก สภาพร่างกายเมื่ออายุมากขึ้นจะมีความถดถอยตามวัย
- สายตา การมองเห็นในเวลากลางคืนที่น้อยลง
- กำลังกล้ามเนื้อที่ลดลง
- ความจำ การตัดสินใจและการตอบสนองจะทำได้ช้าลง
- อ่อนล้า เพลีย เสี่ยงหลับขณะขับรถมากขึ้น
โรคประจำตัวบางโรคมีผลต่อการขับขี่
- โรคลมชัก
- โรคพาร์กินสัน
- โรคสมองเสื่อม
- โรคหัวใจ
- โรคเบาหวาน
- โรคหยุดหายใจขณะหลับ (OSA)
โดยโรคเหล่านี้จะมีผลต่อการรับรู้ การตัดสินใจ หรือโรคทำให้มีความเสี่ยงต่อการหมดสติฉับพลัน เป็นผลให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมรถได้ ดังนั้นผู้สูงอายุควรได้รับการตรวจร่างกายประเมินความพร้อมต่อการขับขี่ และหากผู้สูงอายุมีโรคประจำตัวหรือใช้ยาในการรักษา แพทย์ผู้รักษาควรให้คำแนะนำที่เหมาะสมเพื่อการขับขี่ปลอดภัย
ผู้สูงอายุหากยังขับขี่ควรได้รับการตรวจร่างกายเพื่อประเมินความพร้อมต่อการขับขี่และปรับแก้ไข เช่น
- การใส่แว่นสายตาในผู้มีปัญหาสายตา
- การใส่เครื่อง CPAP ขณะนอนหลับในผู้ป่วยที่มีภาวะโรคหยุดหายใจขณะหลับ (OSA)
หากพบว่าสภาพร่างกายไม่พร้อมควรงดขับขี่ เปลี่ยนมาใช้รถสาธารณะหรือให้ผู้อื่นขับแทน เพื่อความปลอดภัยลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนนซึ่งนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งร่างกายและทรัพย์สิน
5 คำแนะสำหรับผู้สูงอายุขับขี่ให้ปลอดภัย
- ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความพร้อมของร่างกายในการขับขี่รถ
- หลีกเลี่ยงการขับรถในช่วงกลางคืนและเส้นทางที่ไม่คุ้ยเคย
- ปฎิบัติตามกฎจราจร เพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่นบนท้องถนน
- ไม่ควรขับรถทางไกล หรือ ไปในที่รถติด ซึ่งต้องใช้เวลาในการขับขี่เป็นเวลานาน
- ควรมีคนนั่งรถไปด้วยเพื่อช่วยกันดูเส้นทาง
ข้อมูลจาก : กองป้องกันการบาดเจ็บ/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค