สงขลา แม่ตัดสินใจอุ้มท้องสู้ แม้รู้ 50-50 หลายฝ่ายร่วมช่วยทารกป่วยโพรงสมองคั่งน้ำ
สงขลา-สะเดา “หัวใจแม่เหนือกว่าทุกอย่าง” เปิดเรื่องราวทารกวัย 3 เดือนป่วยโรคโพรงสมองคั่งน้ำ ครอบครัวปาดังเบซาร์รอมือช่วยเหลือ
“แม้หมอจะบอกว่าลูกอาจไม่ปกติ แต่ก็ไม่เคยลังเลจะอุ้มท้องต่อ เพราะยังไงเขาก็คือลูกเรา” คำพูดของ นางสาวมายือนะห์ สามะตายา มารดา วัย 39 ปี ที่สะท้อนความรักของแม่ที่ยิ่งใหญ่
กลางบ้านหลังเล็ก ๆ ในสวนยางพารา ถนนพลังพัฒนา 2 ตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ทารกเพศชายวัยเพียง 3 เดือน นอนกินนมอย่างสงบ แม้ร่างกายเล็กจิ๋วเหมือนเด็กทั่วไป แต่ศีรษะกลับโตผิดปกติจาก ภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ (Hydrocephalus)
รู้ทั้งรู้ แต่เลือกจะ “ให้กำเนิด”
นางสาวมายือนะห์ สามะตายา อายุ 39 ปี บอกว่า เมื่อ 5–6 เดือนของการตั้งครรภ์ แพทย์ตรวจพบความผิดปกติและบอกทางเลือกให้ครอบครัว หากยุติการตั้งครรภ์จะจบปัญหา แต่หากคลอดออกมา เด็กอาจปกติ หรือไม่ปกติ มีเพียงโอกาสครึ่งต่อครึ่ง มายือนะห์เล่าว่า “เราปรึกษากันทั้งครอบครัว สุดท้ายตัดสินใจเก็บเขาไว้ เพราะเขาคือลูก”
วันที่น้องลืมตาดูโลก หมอแจ้งว่ามีโอกาสอยู่ได้เพียงสัปดาห์เดียว แต่เวลาผ่านไป น้องยังคงหายใจต่อสู่อย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางความรัก ความหวัง และความทุกข์ที่ถาโถม
ภาระหนักที่แม่ไม่เคยวาง
ครอบครัวนี้มีลูกถึง 5 คน อายุ 13, 11, 6 และ 3 ขวบตามลำดับ ก่อนจะมาถึงน้องคนสุดท้องที่ป่วย ค่าใช้จ่ายแต่ละวันต้องแบ่งจากส่วนของพี่ๆที่จะต้องไปโรงเรียน มาเป็นค่านม–แพมเพิสของน้อง “น้องไม่งอแงเลย แต่แม่เองกลับต้องกลั้นน้ำตา” โดยทุกวันช่วงที่ออกไปทำงานจะให้แม่ของตนเองเป็นคนดูแลน้อง”
มือที่ยื่นมา
เมื่อเรื่องราวนี้ถึงหูชุมชน หลายฝ่ายได้เข้ามายื่นมือช่วยเหลือ เช่นในวันนี้ 25 สิงหาคม 2568 นายพีรยุทธ ยีหล๊ะกำนันตำบลปาดังเบซาร์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เทศบาล อสม. รวมถึงแพทย์จากโรงพยาบาลชุมชนกว่า 20 คน ต่างช่วยกันระดมจัดหานม แพมเพิส อาหารแห้งฯ มามอบให้ รวมทั้งจะดำเนินการนำถังน้ำขนาดใหญ่มาติดตั้ง และประสานทางเทศบาลฯนำน้ำสะอาดมาให้ เพราะทุกวันนี้ต้องใช้น้ำจากบึงข้างๆบ้านในการอุปโภค
ขณะเดียวกัน ยังมีการเร่งดำเนินการทำบัตรผู้พิการให้ทารก และยื่นขอเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ เพื่อรับการดูแลระยะยาว ขณะที่ประชาชนในพื้นที่เองก็ทยอยนำสิ่งของและกำลังใจมอบให้ครอบครัว
บทเรียนของความรักและศรัทธา
เรื่องราวของน้องคือภาพสะท้อนความกล้าหาญของแม่ผู้เลือก“ให้ชีวิต” แม้จะรู้ดีว่าความทุกข์รออยู่เบื้องหน้า วันนี้นอกจากความช่วยเหลือด้านสิ่งของ ครอบครัวนี้ยังต้องการ “กำลังใจ” จากสังคม ที่จะทำให้แม่คนหนึ่งยืนหยัดต่อสู้ไปพร้อมกับลูกน้อยที่ยังคงลมหายใจ
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นแล้ว ยังมีหน่วยงานระดับอำเภอ อาทิ นางสาวณัฐกานต์ สายน้อย นายอำเภอสะเดา / นายกกิ่งกาชาดอำเภอสะเดา และคณะ ร่วมลงพื้นที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงเตรียมให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสงขลา (พมจ.) เข้ามาติดตามให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมเป็นลำดับต่อไป