ขับรถย้อนศร! ผิดแค่ไหน แต่ทำไมคนไทยยังฝืนทำ!
ทุกวันนี้หากคุณขับรถไปที่ต่างๆ รวมถึงถนนใหญ่ๆ มักจะเห็นคันมักง่าย "การขับรถย้อนศร" โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ที่มักจะใช้ความคล่องตัวฉวยโอกาสในระยะทางสั้นๆ เพื่อแลกกับความสะดวกสบาย โดยไม่ทันคิดว่าความมักง่ายเพียงเสี้ยววินาทีน อาจนำมาซึ่งอุบัติเหตุร้ายแรงที่เปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล ซึ่งรอบนยี้ Sanook Auto พาคุณมาดูว่า ถ้าขับรถย้อนศร ผิดอะไร และถ้าเกิดเหตุอะไรประกันจะจ่ายใหม่หรือไม่
“ย้อนศร” ผิดกฎหมายข้อไหน? โทษหนักแค่ไหน?
หลายคนอาจคิดว่าการขับรถย้อนศรเป็นเพียงความผิดเล็กน้อย แต่ในทางกฎหมายถือเป็นความผิดร้ายแรงและมีบทลงโทษชัดเจนตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522
- ความผิดพื้นฐาน: การขับรถโดยไม่ปฏิบัติตามทิศทางที่กำหนด หรือฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจร (ลูกศรบนพื้นถนน, ป้ายบังคับ) มีโทษ ปรับไม่เกิน 500 บาท (ตามมาตรา 21, 22 ประกอบมาตรา 152)
- ความผิดฐานขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย: หากการย้อนศรนั้นมีลักษณะที่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อบุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น จะเข้าข่ายความผิดฐาน "ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น" ซึ่งมีโทษหนักขึ้น คือ จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ตามมาตรา 43 (8))
- หากเกิดอุบัติเหตุ: โทษจะหนักขึ้นอีกหลายเท่า หากการขับรถย้อนศรของคุณเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จะต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและอาญาในข้อหา "ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส" หรือ "ถึงแก่ความตาย" ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ และอาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ได้
และสำคัญสุดๆ ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ชั้น 1, 2+, 3+) อาจไม่คุ้มครอง ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการขับรถย้อนศร เนื่องจากถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างชัดแจ้ง
ทำไมคนไทยถึงชอบ "ย้อนศร"?
เห็นเรื่องของกฎหมายที่ต้องรู้วว่าผิดแล้วโดนอะไร แต่แม้จะรู้ว่าอันตรายและผิดกฎหมาย แต่พฤติกรรมนี้ก็ยังไม่หมดไปเสียที สาเหตุหลักๆ มีดังนี้
- ความสะดวกสบายมักง่าย: เหตุผลยอดฮิตที่สุดคือ "ประหยัดเวลา" และ "ความขี้เกียจ" ที่จะไปกลับรถในจุดที่ถูกต้อง ซึ่งอาจอยู่ไกลออกไปหลายร้อยเมตรหรือหลายกิโลเมตร การย้อนศรในระยะทางสั้นๆ จึงกลายเป็นทางลัดที่ยอมเสี่ยง
- พฤติกรรมเลียนแบบ: เมื่อเห็นคนอื่นทำกันจนเป็นเรื่องปกติในพื้นที่นั้นๆ ก็จะเกิดความคิดที่ว่า "ใครๆ ก็ทำกัน" ทำให้ความรู้สึกผิดหรือความตระหนักถึงอันตรายลดน้อยลง
- โครงสร้างถนนไม่เอื้ออำนวย: ในบางพื้นที่ จุดกลับรถอาจอยู่ไกลเกินความจำเป็น หรือมีลักษณะทางกายภาพที่ไม่สะดวก ทำให้ผู้ขับขี่เลือกที่จะเสี่ยงย้อนศรแทน
- การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เข้มงวด: การไม่ถูกจับหรือถูกลงโทษอย่างจริงจัง ทำให้ผู้กระทำผิดขาดความเกรงกลัว และยังคงทำพฤติกรรมเดิมๆ ต่อไป
- เฉพาะกรณีมอเตอร์ไซค์: ด้วยขนาดที่เล็กและคล่องตัวสูง ทำให้ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รู้สึกว่าสามารถหลบหลีกได้ง่าย และใช้พื้นที่ริมขอบทางย้อนศรได้โดยไม่กีดขวางการจราจรหลัก (ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดและอันตรายมาก) ประกอบกับอาชีพที่ต้องทำเวลา เช่น พนักงานส่งของ-ส่งอาหาร ยิ่งเป็นแรงกดดันให้เลือกทางลัดที่เสี่ยงอันตราย
อันตรายที่มากกว่าแค่การ "โดนปรับ"
การขับรถย้อนศรคือการสร้างจุดบอดมรณะบนท้องถนน เพราะผู้ขับขี่ที่มาในทิศทางปกติ ไม่มีทางคาดคิด ว่าจะมีรถสวนเลนมาในช่องทางของตนเอง ซึ่งนำไปสู่อุบัติเหตุได้เช่น
- อุบัติเหตุชนประสานงา: เป็นรูปแบบอุบัติเหตุที่รุนแรงที่สุด มีโอกาสเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสสูงมาก
- อุบัติเหตุซ้ำซ้อน: รถที่พยายามหักหลบรถย้อนศร อาจเสียหลักไปชนกับรถคันอื่นหรือสิ่งกีดขวางข้างทาง ก่อให้เกิดอุบัติเหตุต่อเนื่อง
- อันตรายต่อคนเดินเท้า: รถย้อนศรมักวิ่งชิดขอบทาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่คนเดินเท้าหรือรถจักรยานใช้งาน ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเฉี่ยวชน
ท้ายที่สุดแล้ว การขับรถย้อนศร ถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายและมารยาทบนท้องถนน และอาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงที่ไม่คุ้มค่าเลยกับความเสี่ยงที่จะต้องแลกมาด้วยชีวิต ทรัพย์สิน หรือการทำให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน ดังนั้นแล้ว อย่ามักง่าย แค่ขับรถแค่นี้ ควรขับรถให้ถูกกฎจราจร สะท้อนวินัยของชาติด้วยนะ