สรุป ศพของผู้ป่วย HIV ยังแพร่เชื้อมั้ย รู้แล้วน่ากลัวกว่าที่คิด
กรณีที่มีรายงานพบร่างผู้เสียชีวิตของผู้ป่วย HIV อย่างน้อย 20 ศพ ภายในศาลาธรรมสังเวช วัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี ก่อนที่ล่าสุดจะมีการค้นพบเพิ่มอีก 9 ร่าง รวมแล้วกว่า 29 ร่างนั้น ได้สร้างความกังวลต่อสังคมอย่างกว้างขวาง
พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือ หลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ชี้แจงว่า การเก็บร่างเหล่านี้มีเจตนาเพื่อให้ผู้คนได้พิจารณาสังขาร แต่กลับถูกนักวิชาการด้านการแพทย์และนิติเวชวิทยาออกมาแสดงความเห็นว่าการกระทำดังกล่าว ไม่ถูกต้องตามหลักอนามัย และอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโรค
- ผู้เชี่ยวชาญชี้ เสี่ยงเชื้อโรคฟุ้งกระจาย
รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี หรือ “หมอหมู” อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ โหนกระแส ว่า ยกตัวอย่างเพื่อนผม เป็นหมอด้วยกัน เอาชิ้นเนื้อไปแช่ฟอร์มาลีนแล้ว แล้วก็ตัดชิ้นเนื้อ เพราะว่าต้องไปตัดสไลด์กล้องจุลทรรศน์ แต่บังเอิญตอนตัดชิ้นเนื้อปลายมีดไปตัดโดนนิ้วตัวเองกลายเป็นวัณโรค ทั้งที่เนื้อชิ้นนั้นน่ะแช่ฟอร์มาลีนมาแล้ว
แต่เป็นชิ้นเนื้อที่เป็นวัณโรค ถ้าตามข้อมูลเชิงวิชาการก็บอกว่าตัวของวัณโรคเนี่ยมันก็ทนกว่าทนกว่า HIV แต่แน่นอนคือระยะเวลาค่อนข้างนานขนาดนี้ก็ตามข่าวบอกเป็น 10 ปีอะไรอย่างเงี้ย ผมคิดว่ามันคงโอกาสมันคงน้อย แต่ในช่วงแรกๆ มีโอกาสได้ ถ้าเกิดยิ่งบอกเป่าพัดลมมาจะมีการฟุ้งกระจาย คือวัณโรคเนี่ยมันมาจากการสัมผัสพวกสารคัดหลั่ง
เพราะฉะนั้นเนี่ยมันมีโอกาส ถ้าเกิดว่าเราไปเหมือนที่บอกกรีดแล้วสัมผัสแล้วมันมีบาดแผล หรือแม้กระทั่งมีฟุ้งกระจายเนี่ยมันก็มีโอกาสได้อีกอันนึงที่น่าเป็นห่วงก็จะเป็นตัวของไวรัสตับอักเสบนะครับพวกนี้ก็ติดผ่านทางสารคัดหลั่ง แต่ถ้าเกิดในกรณีแบบนี้ฉีดฟอร์มาลีนแล้วผ่านมา 10 ปี โอกาสมันก็น้อยไปแล้ว มันแถบจะไม่มีแล้ว
โดยสรุปแล้ว หมอหมู อธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
โดยทั่วไป การเก็บศพเพื่อการศึกษาแพทย์จะมีขั้นตอนที่ปลอดภัย เช่น ฉีดฟอร์มาลีนแล้วนำไปแช่ในถังน้ำยาพิเศษนานกว่า 2 ปี ก่อนนำมาใช้
แต่ในกรณีนี้ วัดใช้วิธี ฉีดฟอร์มาลีนเพียงอย่างเดียว ซึ่งไม่สามารถรับประกันได้ว่าเนื้อเยื่อทั้งหมดจะคงสภาพ และบางส่วนอาจเน่าเปื่อยจนเกิดการสะสมของเชื้อโรค
ความเสี่ยงที่น่าห่วง คือ เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัสบางชนิด อาจยังมีชีวิตรอดในเนื้อเยื่อ โดยเฉพาะในช่วงแรกที่ศพถูกเก็บไว้
แม้เชื้อ HIV จะมีโอกาสตายนอกเลือดได้เร็ว แต่โรคอื่น ๆ เช่น วัณโรค และไวรัสตับอักเสบ ยังถือว่ามีความเสี่ยง หากเกิดการฟุ้งกระจายหรือมีการสัมผัสสารคัดหลั่ง
ผลกระทบต่อสาธารณสุข
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การเก็บศพในลักษณะเปิดโล่ง ไม่เพียงสร้างความเสี่ยงต่อผู้ที่เข้าใกล้ แต่ยังอาจกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น หากมีแมลงวันหรือสัตว์ฟันแทะเข้าไปสัมผัสศพ ก็อาจนำเชื้อไปปนเปื้อนในอาหารหรือน้ำได้ นอกจากนี้ ฟอร์มาลีนที่ฉีดเข้าเส้นเลือดสามารถทำได้เพียงครั้งเดียว และไม่อาจซึมเข้าสู่เนื้อเยื่อทั้งหมดได้ จึงไม่สามารถรับประกันการป้องกันการเน่าสลายได้อย่างสมบูรณ์