โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

แค่ 16 บาท/คน/ปี งบฯการแพทย์ฉุกเฉินไทย ต่ำกว่ามาตรฐานWHO

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.กระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน(บอร์ดสพฉ.) ครั้งที่ 8/2568ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน ได้พิจารณาเรื่องสำคัญ คือ การกำหนดและการเรียกเก็บค่าบริการทางการแพทย์และการดำเนินกิจการของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เพื่อยกระดับระบบการแพทย์ฉุกเฉินให้ครอบคลุม เพิ่มการเข้าถึงบริการ ลดความเหลื่อมล้ำ ส่งเสริมการท่องเที่ยว การลงทุน และเศรษฐกิจของประเทศ

สถิตินักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยปีละ 35 ล้านคน ในจำนวนนี้มีการบาดเจ็บประมาณ 28,463 ราย เสียชีวิต 616 ราย ซึ่งกว่า 80.73 % เกิดเหตุโดยรถจักรยานยนต์ ส่วนจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตมาก คือ ภูเก็ต กรุงเทพฯ และ เชียงใหม่ ขณะเดียวกัน อัตราการตายของผู้ป่วยวิกฤตนอกโรงพยาบาล สูงถึง 38.23 ต่อแสนประชากร ซึ่งมากกว่า 73 % เป็นการเสียชีวิตก่อนชุดปฏิบัติการฉุกเฉินไปถึง

นอกจากนั้นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต กลุ่มสีแดง เข้าถึงบริการได้เพียง 20.39 % ของผู้ป่วยวิกฤตทั้งหมด ส่วนความครอบคลุมของหน่วยปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินทั้งประเทศมีเพียงร้อยละ 64.79 ซึ่งขาดแคลนใน 2,618 ตำบล และหน่วยปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินทางอากาศหรือThai Sky Docter มีความจำเป็นในการช่วยเหลือผู้ป่วยกว่า 500 รายต่อปี แต่สามารถให้บริการได้เพียง 220 ครั้งต่อปี เนื่องจากข้อจำกัดทางความพร้อมของท่าอากาศยาน

สพฉ.จึงได้เสนอแนวทางคือ 1.กำหนดอัตราการเรียกเก็บค่าบริการการแพทย์ฉุกเฉินและการดำเนินกิจการของสถาบัน 2.นำงบประมาณที่ได้ไปใช้โครงการลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในการเข้าถึงระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่มีมาตรฐานคุณภาพ อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เพื่อลดการเสียชีวิตและความพิการของผู้ป่วยฉุกเฉินก่อนถึงสถานพยาบาล และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ" (EMS for Wealth and Well Being)

“ที่ประชุมมีมติเห็นในชอบหลักการให้กำหนดอัตราและเรียกเก็บค่าบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินและ ค่าดำเนินกิจการของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และมอบ สพฉ.ไปดำเนินการจัดทำอัตราค่าบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินและค่าดำเนิน กิจการของสถาบัน และแนวทางการเรียกเก็บค่าบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินและค่าดำเนินกิจการของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เพื่อเสนอบอร์ดพิจารณาอีกครั้ง รวมถึงได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อศึกษารายละเอียดเรื่องนี้ด้วย”

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลกำหนดให้ปีนี้เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวและกีฬาอย่างยิ่งใหญ่ Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year โดยมุ่งมั่นที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากทั่วโลกด้วยความพร้อมในทุกด้าน โดยเฉพาะความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญของการเดินทางและการใช้ชีวิต แต่ในความเป็นจริง ระบบการแพทย์ฉุกเฉินของไทย ยังมีข้อจำกัดที่ต้องเร่งแก้ โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณที่ไม่เพียงพอ ส่งผลให้ประชาชนในหลายพื้นที่

โดยเฉพาะพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวห่างไกล ยังเข้าไม่ถึงบริการฉุกเฉินที่ได้มาตรฐาน โดยจะไม่พึ่งพางบประมาณแผ่นดินเพียงอย่างเดียว แต่จะจัดสรรรายได้จากแหล่งสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง เช่น ประกันนักท่องเที่ยว ประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ ประกันวินาศภัย รวมถึงกองทุนจากภาครัฐ

ค่าดำเนินการในด้านต่าง ๆ ของสถาบันรายได้เหล่านี้ จะถูกนำไปลงทุนใน 4 เรื่องสำคัญ 1.กำหนดอัตราค่าบริการฉุกเฉินทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ 2. ขยายหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินให้ครอบคลุมทุกตำบลทั่วประเทศ 3. พัฒนาระบบให้ทันสมัย เชื่อมโยงข้อมูลแบบเรียลไทม์ 4. ยกระดับมาตรฐานการฝึกอบรม และสนับสนุนทรัพยากรให้หน่วยปฏิบัติงาน

“เป้าหมายภายใน 3 ปี คือ ประชาชนและนักท่องเที่ยว ต้องเข้าถึงบริการฉุกเฉินได้ไม่น้อยกว่า 70 % หน่วยบริการต้องเข้าถึงได้ทุกพื้นที่ และประเทศไทยจะต้องมีระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่ปลอดภัย ทันสมัย และเชื่อถือได้ ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เพียงเพื่อรักษาชีวิต แต่เพื่อสร้าง ความเชื่อมั่น ให้กับทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยเพื่อให้การท่องเที่ยวไทย แข่งขันได้ในเวทีโลกและเพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายสมศักดิ์กล่าว

นายพิเชษฐ์ หนองช้าง เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวว่า สพฉ. ได้เริ่มกระบวนการศึกษาออกแบบเพื่อกำหนดค่าบริการ คาดว่าใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน จากนั้นก็จะมีการกำหนดต้นทุนและเริ่มเจรจากับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 5-6 เดือนอย่างไรก็ตาม การดำเนินการส่วนของบริษัทประกันอาจจะต้องใช้เวลา ซึ่งจะต้องมีลักษณะของกฎหมายและนโยบายของประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง

  • ข้อมูลระบบการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศ พบว่า อัตราการตายของผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตินอกโรงพยาบาล สูงถึง 38.23 ต่อแสนประชากร ซึ่งมากกว่า 73 % เป็นการเสียชีวิตก่อนชุดปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินจะไปถึง และพบว่าผู้เสียชีวิต 42 % เป็นวัยแรงงาน ด้านการเข้าถึงบริการการแพทย์ฉุกเฉินของผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ หรือสีแดง เข้าถึงบริการได้เพียง 20.39 %
  • ด้านความครอบคลุมของหน่วยปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉิน มี 64.79 %ยังขาดอีก 2,618 ตำบล ด้านบุคลากรยังขาดแคลน โดยมีนักฉุกเฉินการแพทย์เพียง 1,554 คน ขณะที่ความสามารถในการผลิตบุคลากร มีเพียง 210 คนต่อปี ซึ่งยังต้องการอีก 22,305 คน
  • ด้านหน่วยปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินทางอากาศ ปัจจุบันมีความต้องการปีละมากกว่า 500 ราย แต่สามารถให้บริการได้เพียง 220 ครั้งต่อปี เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านความพร้อมของอากาศยานที่ติดภารกิจอื่น
  • และด้านความรอบรู้การแพทย์ฉุกเฉินของประชาชนอยู่ในระดับต่ำ เช่น การปฐมพยาบาลและการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน การทำ CPR และการใช้เครื่อง AED รวมถึงการเรียกใช้บริการ 1669 ทำให้เกิดความล่าช้าในการให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ทำให้เกิดความสูญเสียชีวิตหรือพิการ

นายพิเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาหลายอย่างทำให้การพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศยังไม่สามารถให้บริการได้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ อันเนื่องมาจากความไม่เพียงพอของงบประมาณในการพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งในปี 2567-2569 กองทุนการแพทย์ฉุกเฉินได้รับงบประมาณเพียง 1,093 ล้านบาท ,1,092 ล้านบาทและ 1,050 ล้านบาทตามลำดับ โดยจ่ายค่าชดเชยการปฏิบัติการฉุกเฉินในอัตราเดิมที่ต่ำกว่าต้นทุนเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี มีความจำเป็นต้องของบกลางฉุกเฉินปีละกว่า 200-300 ล้านบาท

ทั้งนี้ สัดส่วนงบประมาณด้านการแพทย์ฉุกเฉินต่องบประมาณสุขภาพรวมของประเทศ น้อยกว่า 0.01% คิดเป็น 16 บาทต่อคนต่อปี ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานองค์การอนามัยโลก(WHO) ที่กำหนดไว้ 5-10 % โดยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่มีระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่แข้มแข็ง เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ มีงบประมาณ 100-1,000 บาทต่อคนต่อปี

“ในปี 2568 ประเทศไทยถูกจัดอันดับเป็นประเทศที่มีบริการสาธารณสุขดีเป็นอันดับ 9 ของโลก แต่ระบบการแพทย์ฉุกเฉินต้องได้รับการพัฒนาเพื่อไม่ให้ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของคนในประเทศและความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักท่องเที่ยว”นายพิเชษฐ์กล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

อินเดียบน ‘ทางสองแพร่ง’ ตลาดใหญ่สหรัฐ VS น้ำมันถูกรัสเซีย เลือกข้างไหนดีกว่า?

34 นาทีที่แล้ว

มทภ.2 ประณาม กัมพูชา วางทุ่นระเบิดฐานพลาสติก หลบเครื่องตรวจ ทหารไทยข้อเท้าขาด

37 นาทีที่แล้ว

รองโฆษกรัฐบาลชี้ยังไม่พบผู้เสียหายและทำผิด กม.กรณีสแกนม่านตา

54 นาทีที่แล้ว

บิ๊กล็อต ADVANC สะพัด 1 หมื่นล้าน! คาดผู้ถือหุ้นลำดับ 10 MOUNT BATUR LIMITED เทขายหุ้นใหญ่

55 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสุขภาพอื่น ๆ

โรงพยาบาลวิมุต เปิดศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ภายใต้คอนเซปต์ Heart to Heart หัวใจที่ดูแลด้วยหัวใจ

TNN ช่อง16

‘ตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าว’ เปิดชื่อ 36 รพ.เอกชน ทำถูกกฎหมาย

กรุงเทพธุรกิจ

สธ. ไฟเขียวเก็บค่าบริการการแพทย์ฉุกเฉินนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ฐานเศรษฐกิจ

เจอจับทุกกรณี! สั่งรื้อระบบ ล้างต่างด้าวผิดกฎหมาย แย่งงานคนไทย

กรุงเทพธุรกิจ

กินเนื้อเสี่ยงมะเร็งจริงไหม แล้วกินแบบไหนชีวิตอยู่ได้ยืนยาว

Amarin TV

'โคมล้านนา' กระชับช่องว่าง ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมให้คนเชียงใหม่

กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...