โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

สธ. ไฟเขียวเก็บค่าบริการการแพทย์ฉุกเฉินนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

27 สิงหาคม 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 8/2568 เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินได้พิจารณาเรื่องสำคัญโดยได้มีมติเห็นในชอบหลักการให้กำหนดอัตราและเรียกเก็บค่าบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินและค่าดำเนินกิจการของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)

พร้อมมอบ สพฉ.ไปดำเนินการจัดทำอัตราค่าบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินและค่าดำเนินกิจการของสถาบันและแนวทางการเรียกเก็บค่าบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินและค่าดำเนินกิจการของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เพื่อเสนอบอร์ดพิจารณาอีกครั้ง รวมถึงได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุดเพื่อศึกษารายละเอียดต่าง ๆ

"มติที่ประชุมเห็นชอบให้ สพฉ. ดำเนินการเสนอนโยบายเพื่อขับเคลื่อนระบบการแพทย์ฉุกเฉินให้มีความยั่งยืนและเทียบเท่ามาตรฐานสากล เป็นการยกระดับการแพทย์ฉุกเฉินให้ครอบคลุม ส่งเสริมการท่องเที่ยวปลอดภัยเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ"

ภายใต้หัวข้อ "แพทย์ฉุกเฉินเข้มแข็ง นักท่องเที่ยวมั่นใจ คนไทยปลอดภัย ประเทศไทยเติบโต" คือ ภาพที่เราต้องการเห็นในประเทศไทยวันนี้ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้ปีนี้เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวและกีฬาอย่างยิ่งใหญ่ Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year โดยมุ่งมั่นที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากทั่วโลกด้วยความพร้อมในทุกด้าน

โดยเฉพาะความปลอดภัย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเดินทางและการใช้ชีวิต แต่ในความเป็นจริง ระบบการแพทย์ฉุกเฉินของไทย ยังมีข้อจำกัดที่ต้องเร่งแก้โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณที่ไม่เพียงพอ ส่งผลให้ประชาชนในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวห่างไกล ยังเข้าไม่ถึงบริการฉุกเฉินที่ได้มาตรฐาน

" เราจะไม่พึ่งพางบประมาณแผ่นดินเพียงอย่างเดียวแต่จะจัดสรรรายได้จากแหล่งสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง เช่น ประกันนักท่องเที่ยว ประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ ประกันวินาศภัย รวมถึงกองทุนจากภาครัฐ และค่าดำเนินการในด้านต่าง ๆ ของสถาบัน

รายได้เหล่านี้จะถูกนำไปลงทุนใน 4 เรื่องสำคัญ 1.กำหนดอัตราค่าบริการฉุกเฉินทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ 2.ขยายหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินให้ครอบคลุมทุกตำบลทั่วประเทศ 3.พัฒนาระบบให้ทันสมัย เชื่อมโยงข้อมูลแบบเรียลไทม์ 4.ยกระดับมาตรฐานการฝึกอบรม และสนับสนุนทรัพยากรให้หน่วยปฏิบัติงาน

เป้าหมายของเราภายใน 3 ปี คือ ประชาชนและนักท่องเที่ยว ต้องเข้าถึงบริการฉุกเฉินได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 หน่วยบริการต้องเข้าถึงได้ทุกพื้นที่ และประเทศไทยจะต้องมีระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่ปลอดภัย ทันสมัย และเชื่อถือได้ ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เพียงเพื่อ "รักษาชีวิต" แต่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยเพื่อให้การท่องเที่ยวไทย แข่งขันได้ในเวทีโลกและเพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่า ในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทย รวม 35.54 ล้านคน พบสถิติการเกิดอุบัติเหตุของนักท่องเที่ยว ซึ่งประสบอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ ร้อยละ 80.73 มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิต 616 คน บาดเจ็บ 28,463 คน โดยจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตและเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด คือ จังหวัดภูเก็ต กทม. และเชียงใหม่

ด้านนายพิเชษฐ์ เลขาธิการ สพฉ. กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากบอร์ดมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการจะได้เริ่มกระบวนการศึกษารายละเอียด ออกแบบ กำหนดอัตราศึกษาต้นทุนการช่วยเหลือในทุกช่องทาง ทั้งเคสสีเหลือง สีแดง เพื่อนำมากำหนดราคาโดยจะเร่งดำเนินการภายในระยะเวลา 5-6 เดือน โดยบริษัทประกันอาจเริ่มได้ก่อน ส่วนอื่น ๆ อาจจะต้องใช้เวลาเพราะมีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง สำหรับประชาชนที่อยู่ตามสิทธิต่าง ๆ

สพฉ.จะหารือกับกองทุนที่เกี่ยวข้องในการเข้าร่วมแนวทางกับการแพทย์ฉุกเฉิน ส่วนคนที่มีประกันจะมีความมั่นใจมากขึ้นว่าจะได้รับการตอบสนองหากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น กรณีนักท่องเที่ยวคงจะต้องหารือกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถ้าทำได้ นักท่องเที่ยวจะเกิดความมั่นใจ ทำให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยว

ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2551 บัญญัติอำนาจไว้ในมาตรา 11 (11) กำหนดค่าบริการการแพทย์ฉุกเฉินและค่าดำเนินการกิจการของสถาบัน มาตรา 15 (8) การเรียกเก็บค่าบริการการแพทย์ฉุกเฉินและค่าดำเนินการของสถาบันได้

ขณะที่ข้อมูลปี 2567-2569 กองทุนการแพทย์ฉุกเฉินได้รับงบประมาณ 1,093 ล้านบาท และ 1,050 ล้านบาท ตามลำดับ โดยจ่ายค่าชดเชยการปฏิบัติการฉุกเฉินในอัตราเดิมที่ต่ำกว่าต้นทุนเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี มีความจำเป็นต้องของบกลางฉุกเฉินปีละกว่า 200-300 ล้านบาท

จากข้อมูล World Bank ปี 2024 ระบุว่า สัดส่วนงบประมาณด้านการแพทย์ฉุกเฉินต่องบประมาณสุขภาพรวมของประเทศน้อยกว่าร้อยละ 0.01 คิดเป็น 16 บาทต่อคนต่อปีซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ที่ร้อยละ 5-10 เมื่อเทียบกับประเทศที่มีระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่เข้มแข็ง อาทิ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ มีงบประมาณ 100-1,000 บาทต่อคนต่อปี

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

‘พิชัย’ พบทูตสหรัฐ พร้อมทำงานใกล้ชิด ป้องกันสินค้าสวมสิทธิ์

15 นาทีที่แล้ว

ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น-จีน ปรับฐานราคา เปิดตัวใหม่ลดหลักแสน

20 นาทีที่แล้ว

ราคาน้ำมันพรุ่งนี้2568 (28 ส.ค. 68) ปตท. บางจาก อัปเดตราคาล่าสุด

41 นาทีที่แล้ว

อีกแล้ว“ทหารไทย”เหยียบกับระเบิด ที่ปราสาทตาควาย ข้อเท้าขวาขาด

50 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสุขภาพอื่นๆ

โรงพยาบาลวิมุต เปิดศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ภายใต้คอนเซปต์ Heart to Heart หัวใจที่ดูแลด้วยหัวใจ

TNN ช่อง16

‘ตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าว’ เปิดชื่อ 36 รพ.เอกชน ทำถูกกฎหมาย

กรุงเทพธุรกิจ

แค่ 16 บาท/คน/ปี งบฯการแพทย์ฉุกเฉินไทย ต่ำกว่ามาตรฐานWHO

กรุงเทพธุรกิจ

เจอจับทุกกรณี! สั่งรื้อระบบ ล้างต่างด้าวผิดกฎหมาย แย่งงานคนไทย

กรุงเทพธุรกิจ

กินเนื้อเสี่ยงมะเร็งจริงไหม แล้วกินแบบไหนชีวิตอยู่ได้ยืนยาว

Amarin TV

'โคมล้านนา' กระชับช่องว่าง ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมให้คนเชียงใหม่

กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...