ซูเปอร์โพล คนเปิดใจข่าวดี ภาษีทรัมป์-เจรจาหยุดยิง
ซูเปอร์โพล คนเปิดใจข่าวดี ภาษีทรัมป์-เจรจาหยุดยิง หนุน "บุ๋ม ปนัดดา" นั่งโฆษกจิตอาสา ศบ.ทก. คาดหวังสื่อสารตรงไปตรงมา
สำนักวิจัยซูเปอร์โพล มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชน เปิดเผยรายงานผลสำรวจ เรื่อง เปิดใจประชาชนจากกลุ่มตัวอย่างทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศจำนวน 1,125 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 8 – 9 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา รายงานของซูเปอร์โพล ระบุว่า จากผลสำรวจ “เปิดใจประชาชน” ของซูเปอร์โพลนี้พบภาพสะท้อนทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยในมิติข่าวดีด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม
ประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจและพึงพอใจกับเหตุการณ์ที่มีผลเชิงบวกต่อประเทศ ทั้งในด้านความสำเร็จทางเศรษฐกิจ การสร้างชื่อเสียงในเวทีโลก และการแก้ไขปัญหาภายในประเทศ อันดับสูงสุด ร้อยละ 74.5 คือ ความสำเร็จของทีมเศรษฐกิจไทยที่นำโดย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการเจรจาภาษีกับสหรัฐอเมริกา รองลงมา ร้อยละ 71.9 ทีมวอลเลย์บอลหญิงและฟุตบอลหญิง และ ร้อยละ 68.3 การเจรจายุติการสู้รบไทย–กัมพูชา ขณะที่มาตรการเข้มงวดจัดระเบียบสังคม แก้ปัญหายาเสพติด และลงโทษฝ่ายปกครองที่ละเลยหน้าที่ พบว่า ประชาชน ร้อยละ 65.1 รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ร้อยละ 62.4 ก็เป็นประเด็นที่ประชาชนมองว่าเป็นผลงานที่มีคุณค่า
ส่วนประเด็นทางการเมืองและการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ การแต่งตั้ง "บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี" เป็นโฆษกจิตอาสาของศูนย์บัญชาการทางการทหาร (ศบ.ทก.) ได้รับเสียงสนับสนุนสูงถึงร้อยละ 72.3 สะท้อนว่า ประชาชนเห็นคุณค่าในบทบาทของบุคคลที่สามารถสื่อสารได้เข้าถึงและสร้างภาพลักษณ์บวกให้กับหน่วยงานรัฐ ขณะที่มีเพียงร้อยละ 6.8 เท่านั้น ที่ไม่เห็นด้วย
นอกจากนี้ ยังพบว่า ประชาชนคาดหวังให้โฆษกฯ สื่อสารประเด็นสำคัญต่อชาวโลกอย่างตรงไปตรงมา โดยลำดับแรก คือ การประณามการโจมตีพลเรือนไทย โรงพยาบาล และบ้านเรือนประชาชนโดยกองทัพกัมพูชา (ร้อยละ 84.5) รองลงมา คือ การฟ้องศาลโลกต่อผู้นำกัมพูชาในฐานะผู้กระทำฆาตรกรสงคราม (ร้อยละ 81.2) และการเปิดเผยข้อเท็จจริงเรื่องการวางทุ่นระเบิดในเขตไทย การรุกรานไทยก่อน และการทำสงครามผิดหลักสากล (ร้อยละ 80.9, 80.3 และ 76.4 ตามลำดับ)
อย่างไรก็ตาม ในมิติความรู้สึกต่ออนาคต พบว่าประชาชนยังมีความหวังและความกลัวผสมผสานกัน ร้อยละ 48.2 แสดงออกถึง “ความหวังที่จะก้าวต่อไป” ขณะที่ร้อยละ 21.7 ยังคง “กลัวที่จะเดินต่อ” และอีกร้อยละ 30.1 ไม่แน่ใจ ซึ่งสะท้อนถึงความไม่แน่นอนในจิตวิทยาสังคมและความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ประเทศ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews