เศรษฐกิจไร้ทางสว่าง 'เครือสหพัฒน์' ตุนเงินสด พัฒนาคนรับปัจจัยเสี่ยง
“เครือสหพัฒน์” ยักษ์ใหญ่ธุรกิจไทยที่ทำรายได้รวมระดับ 3 แสนล้านบาท จากกว่า 200 บริษัท ผ่านสินค้าจำเป็นหลากหลายหมวด เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมปัง ชุดชั้นใน เสื้อผ้าแฟชั่น ผงซักฟอก ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ฯ
ล่าสุด งานสหกรุ๊ปแฟร์ครั้งที่ 29 ซึ่งจัดขึ้นเต็ม 4 วัน ตั้งแต่ 26–29 มิถุนายน 2568 ที่ฮอลล์ 98-100 ไบเทค บางนา เครือขนทัพสินค้ากว่า 1,000 รายการมาลดราคา ชนิดที่บอกว่าถ้าซื้อข้างนอกอาจแพงกว่า 50-100%
นอกจากการขายสินค้า ในงานบรรดาผู้บริหาร แม่ทัพนายกองได้มาร่วมงานทั้งพบปะนักลงทุนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
ภายใต้ความเปราะบางด้านเศรษฐกิจ กำลังซื้อช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ขยายวงไปหลายพื้นที่ทั้งสหรัฐ-จีน รัสเซีย-ยูเครน อิหร่าน-อิสราเอล แม้กระทั่ง ไทย-กัมพูชา ฯ รวมถึงผลกระทบจากนโยบาย “ภาษีทรัมป์” ที่ไทยยังจ่อคิวเข้าเจรจา อีกสารพัดโจทย์ท้าทายถาโถม บิ๊กคอร์ฟ “เครือสหพัฒน์” จึงเข้าโหมด“ตุนกระสุนทุน” หรือ เก็บเงินสดไว้มากๆ เพื่อรับมือความเปลี่ยนแปลง
ครึ่งปีหลังไร้แสงสว่างปลายอุโมงค์
นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ครึ่งปีแรกการขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้ปัจจัย “เศรษฐกิจ-กำลังซื้อ” แย่กว่าปีก่อน เพราะมีปัจจัยภายนอกเป็นตัวฉุด ใหญ่ๆยกให้ “อำนาจซื้อของผู้บริโภคหายไป” ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลัง จะเป็นอย่างไร ตอบไม่ได้ และไม่มีใครรู้ ทว่า ภาพรวมคือ “เหนื่อยๆ ยังไม่เห็นทางสว่าง”
การดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลัง ผู้ประกอบการต้องดูแลตัวเอง โดยเฉพาะ “รักษาสภาพคล่อง” ที่ต้องเก็บกระแสเงินสดไว้มากๆ ต้องพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อีกด้านต้องมี “สปีด” หรือความเร็วต่อการตอบสนองอะไรก็ตามที่จะเข้ามากระทบธุรกิจ ซึ่งนับวันมีสูงขึ้นต่อเนื่อง
“การทำธุรกิจตอนนี้ จังหวะดีที่ต้องทบทวนองค์กรตัวเอง หากปรับปรับตัวเองให้เข้ากับสภาพภายนอกได้ จะเป็นทางรอดที่ดีที่สุด เราต้องดูแลตัวเอง และสภาพคล่องสำคัญมาก ต้องเก็บเงินสดไว้มากๆ เราต้องพร้อมเปลี่ยนเสมอ ในการปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา และความเร็วในการตอบสนองต่ออะไรก็ตามที่จะมากระทบ ซึ่งมีมากขึ้น..สูงขึ้นเรื่อยๆ”
ระมัดระวังลงทุน รับเศรษฐกิจแย่กว่าปีก่อน
นางสาวสุธิดา จงเจนกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ปี 2567 บริษัทใช้งบประมาณ 2,421 ล้านบาท เพื่อลงทุนธุรกิจทั้งในและนอกเครือสหพัฒน์ ทว่าปัจจุบันปัจจัยลบค่อนข้างมาก ต้องมีความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น และดูแลองค์กรภายในให้ดี ยกระดับทีมงานให้มีความรู้ความสามารถ เทรนนิงมากขึ้น เพื่อให้ทุกคนพร้อมรับมือและตอบโจทย์ธุรกิจที่เปลี่ยนไป
สุธิดา จงเจนกิจ - กล้าหาญ สุขไสว - นันทวัฒน์ สุรวัติเสถียร
นายนันทวัฒน์ สุรวัติเสถียร กรรมการและหัวหน้าคณะผู้บริหารสายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า บริษัทประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไม่ดีตั้งแต่ปีก่อน จึงมีการเตรียมระบบหลังบ้าน(Backend) นโยบายสินเชื่อ มีการตรวจสอบวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจก่อนประมูลพอร์ตหนี้ ไว้รองรับความเปราะบาง ด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นหัวใจสำคัญมาก รวมถึงการดูแลค่าใช้จ่ายในการขาย และการบริหารหรือ SG&A ซึ่งทำได้ต่ำสุด 22-23% เทียบกับธุรกิจเดียวกัน
“ปลายปีก่อนเราคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจปีนี้จะดีขึ้น แต่กลับแย่ลงกว่าเดิม สิ่งที่ทำไว้ปีก่อน จึงทำต่อ ส่วน SG&A ที่คนในองค์กรเราทำได้เท่านี้ สร้างผลตอบแทนได้ หากพัฒนาศักยภาพสูงขึ้นอีก บริษัทจะเติบโตมั่นคงและแข็งแรง การพัฒนาบุคลากรให้แกร่ง ดีขึ้น หากเจอสถานการณ์แย่แค่ไหน ธุรกิจจะฟันฝ่าไปได้”
นายกล้าหาญ สุขไสว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ข้อกังวลและเป็นความเสี่ยงต่อการดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลังคือทิศทางราคาพลังงาน ซึ่งบริษัทพึ่งพาก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า หากมีการปิดอ่าว ช่องแคบฮอร์มุซ อาจส่งผลกระทบให้ราคาพลังงานสูงขึ้น สวนกับกับนโยบายภาครัฐที่กดค่าไฟฟ้าแปรผันอัตโนมัติหรือเอฟทีไม่ให้เป็นไปตามราคาพลังงานที่ปรับขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการเผชิญความยากลำบาก
สร้างคนสืบทอดธุรกิจ
นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการใหญ่ ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “มาม่า” สิ่งที่ต้องทำให้ดีเสมอคือการคุมต้นทุนให้ได้ แม้บางตัวแปร เช่น ราคาวัตถุดิบ พลังงานจะคุมได้ระดับหนึ่งก็ตาม แต่ต้องบริหารจัดการเพื่อให้ธุรกิจยัง “เหลือกำไร” นอกจากนี้ คือการเก็บกระแสเงินสดให้มากพอ
พันธ์ พะเนียงเวทย์
“ไม่ใช่สูตรสำเร็จ..เวลาทุกอย่างดี การมีเงินสดมากบางทีถูกตั้งคำถาม(จากผู้ถือหุ้น) เก็บไว้ทำไม แต่ 2-3 ปีเราจะเห็นเมื่อธุรกิจไม่ดี เพราะมีปัจจัยลบมาก การมีกระแสเงินสด เงินในกระเป๋าเยอะ..ช่วยได้มาก”
สุดท้าย บริษัทมองการวางแผนสืบทอดธุรกิจหรือ Succession planning เมื่อมาม่าเป็นองค์กรเก่าแก่ 54 ปี ยังมีบุคลากร ผู้บริหารอายุ 70-80 ปีทำงานอยู่ เด็กสุดอายุราว 50 ปี จึงต้องพยายามสร้างคนใหม่ให้ทันกับธุรกิจที่อยากเติบโตไป “ร้อยปี”
นายอภิเศรษฐ ธรรมมโนมัย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญสุดเรื่ง “คน” หรือทีมงาน บุคลากร เนื่องจากหน่วยรถส่งสินค้า 627 คัน จะใช้พนักงาน 2 คน ฝ่ายขายอีก 2,000 คนที่บริการร้านค้า 6 หมื่นแห่ง ซึ่งการส่งสินค้าถี่ทุกวัน และวันเว้นวัน ต้องทำให้เข้าใจถึงการทำงานที่ “จริงใจ ตั้งใจอย่างมาก” เนื่องจากเป็นการส่งสินค้าเบเกอรีสด 1 หรือ 2 ชิ้น หรือยอดซื้อต่อบิลเพียง “ร้อยบาท” ก็ขาย ซึ่งธุรกรรมซื้อขายเหล่านี้ต้องถูกต้อง ไม่ให้เกิดการป้อนข้อมูลผิด เป็นต้น
อภิเศรษฐ ธรรมมโนมัย
นอกจากนี้ บริษัทดำเนินการทุกด้านเองทั้งผลิต จำหน่าย สื่อสารการตลาดหรือโฆษณา ฯ อย่างการผลิตสินค้า มีการกวนไส้เบเกอรีเอง ต้มใบเตยเอง กระบวนการผลิตมีการปรับเพื่อให้ทำทุกอย่างได้ล้วนเกิดจาก “ทีมงานที่มีความตั้งใจจนประสบความสำเร็จ”
“เน้นที่องค์กร ทำงานด้วยความตั้งใจ เพราะองค์กรที่ดีจะพัฒนาสิ่งที่ดีออกสู่สังคม”