‘พร้อมพงศ์’ ฉะกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน เสี้ยมรัฐบาลชนกองทัพ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย เมื่อวันที่ 28มิ.ย. ประกอบไปด้วยกลุ่มคนหน้าเดิม ม็อบเสื้อเหลือง กลุ่มนักการเมือง สว.อกหัก กลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณ ชินวัตรที่เคยมีส่วนทำให้เกิดรัฐประหาร 19ก.ย.2549 และ 22พ.ค. 2557 ประเด็นปราศรัยเรียกร้องให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตรลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขับไล่รัฐบาล เอาประเด็นคลิปเสียงการสนทนาหาทางออกแก้ข้อพิพาทเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา อย่างสันติวิธี แต่กลับมาปลุกกระแสคลั่งชาติ พยายามจะชี้ให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรีกับกองทัพเกิดความขัดแย้ง ผู้ปราศรัยบางคน ปิดความต้องการไม่มิด เรียกร้องยึดอำนาจ จ้องจะทำให้ประเทศถอยหลังเข้าคลองอย่างเดียว เป็นแนวทางที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยอย่างเดียว
กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ปลุกกระแสล้มรัฐบาล อ้างโน่นอ้างนี่ ทะเลาะกับกองทัพ อยากให้ย้อนไปดูในข้อเท็จจริงบ้าง หลังจากนางสาวแพทองธาร มีประเด็นกับ สมเด็จ ฮุนเซน ไทยมีท่าทีอ่อนข้อให้ฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ มีแต่จะเข้มข้นขึ้น นายกฯมอบหมายภารกิจอย่างชัดเจนให้กองทัพดูแลเรื่องดินแดน เขตแดน กำลังพล กำหนดยุทธวิธีทางทหาร เปิดปิดด่าน ยังไม่มีการปรับลดกำลังพล แผ่นดินไทยยังไม่ได้เสียไปแม้แต่ตารางนิ้วเดียว รัฐบาลได้เพิ่มมาตรการความเข้มงวดการนำเข้าส่งออก พลังงาน ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต พืชผลการเกษตรบางชนิด เดินหน้าปราบปรามการค้ามนุษย์ ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่างจริงจัง และอีกหลายมาตรการที่กำลังจะออกมา
"ผมไม่อยากจะพูดว่า พอคลิปเสียงสมเด็จฮุนเซน ที่ออกมาวันศุกร์27มิ.ย. ไม่ได้เขย่าอะไร รัฐบาลแพทองธาร ไม่ได้ลากไส้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อย่างที่กลุ่มม็อบคาดหวัง แถมสื่อกัมพูชารายงานเองว่า สมเด็จ ฮุนเซน ไม่ได้มองไทยเป็นศัตรู พร้อมกับหวังว่าสัมพันธ์การทูต แนวทางสันติวิธีจะแก้ไขปัญหาได้"
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า การชุมนุม เสนอแนะหาทางออกให้กับรัฐบาลอย่างสันติวิธีตามกฎหมายนั้น ทำได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงคือ ต้องไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน การเลือกสถานที่ชุมนุม อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ การชุมนุมทั้งการ์ดผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะช่วยกันดูแล ไม่เกิดเหตุรุนแรง การสูญเสีย แต่อีกมุมหนึ่ง ได้ยินเสียงบ่น การชุมนุมทำให้การจราจรติดขัดไปหลายเส้นทางขณะเดียวกัน ยังส่งผลกระทบต่อญาติคนป่วย คนป่วย ที่ต้องไปทำการรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลรามาธิบดี ที่อยู่ในอาณาบริเวณดังกล่าวพลอยได้ความเดือดร้อนตามไปด้วย
นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า การเรียกร้องของผู้ชุมนุมหรือความต้องการที่จะให้นายกฯลาออก ให้ยุบสภา แม้แต่พรรคประชาชนก็ไม่เห็นด้วยกับท่าทีผู้ปราศรัยเรียกร้องให้เกิดรัฐประหาร ปลุกปั่นกระแสชาตินิยมเกินขอบเขต ปูทางให้เกิดรัฐประหาร ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ไม่เอาอีกแล้ว เพราะจากการรัฐประหารมา2รอบ ไม่สามารถแก้ปัญหาประเทศได้จริง มีแต่จะเพิ่มความขัดแย้งให้เพิ่มขึ้น และถ้านายกฯลาออก หรือยุบสภายิ่งจะเกิดสุญญากาศการเมือง เกิดปัญหากับประเทศ กว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ต้องใช้เวลานานกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ยิ่งทำให้การแก้ปัญหาลำบาก เรากำลังจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยงบประมาณกว่า 1.5แสนล้านบาท อาจจะต้องชะงักไป จากการลงพื้นที่ของตน พบว่าประชาชนอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ รับมือผลกระทบจากปัญหาในตะวันออกกลางอิหร่าน-อิสราเอล รวมทั้งเรื่องกำแพงภาษีจากสหรัฐ เรื่องราวจากรัสเซีย-ยูเครน ต้องอาศัยความร่วมมือ การทำหน้าที่ของรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม
"ข้อเรียกร้องจากฝั่งผู้ชุมนุม เรารับฟัง แต่สิ่งที่ไอ้โม่งเบื้องหลังต้องการ ไม่เพียงแค่จะทำให้รัฐบาลพัง แต่ประชาชนทั้งประเทศจะพังไปด้วย รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จากปัญหาไทยกับกัมพูชา ไม่อยากเห็นคนไทยแตกความสามัคคี แบ่งสี เกิดความขัดแย้ง แบ่งข้างเหมือนที่เคยเป็นมา เรากำลังจะมีครม.ชุดใหม่ มาแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน ขอโอกาสได้ทำงานก่อน ถ้าเห็นว่ารัฐมนตรีบริหารผิดพลาด สามารถใช้ช่องทางกฎหมายยื่นจัดการได้เลย อีกแค่2ปี จะมีการเลือกตั้ง รอให้ถึงเวลานั้นแล้วค่อยพิพากษาผ่านการเลือกตั้ง ถือเป็นทางออกของการแก้ไขปัญหา โดยไม่ทำให้ประเทศต้องหยุดชะงักและเกิดสุญญากาศทางการเมือง" นายพร้อมพงศ์ ระบุ