เมื่อฝ่ายค้านไม่ทำงาน

กว่าแสนคนที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาแค่เริ่มต้นครับ…

ความไม่พอใจของประชาชนต่อพฤติกรรมอันน่าขยะแขยงของ “แพทองธาร ชินวัตร” จากคลิปลับ “ฮุน เซน” มาถึงจุดที่พร้อมระเบิดได้ตลอดเวลา

แต่…

การเมืองไทยจะเป็นอย่างไรหลังจากนี้ ปัจจัยหลักคือ “รุ่นคน” ครับ

ประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมแสดงพลังกับ คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ส่วนใหญ่คือวัยกลางคน และผู้สูงอายุ

วัยรุ่น คนรุ่นใหม่ มีน้อยมาก

แน่นอนครับการชุมนุมครั้งนี้ยังถูกมองว่าเป็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มอนุรักษนิยม ที่ผูกติดกับขนบเก่าๆ ไร้ความคิดที่ก้าวหน้า

มีความต้องการแค่ไล่ทักษิณ

หยามว่าคิดอะไรไม่เป็น นอกจากเชิญทหารทำรัฐประหาร

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมมวลชนพรรคส้มถึงไม่ร่วมชุมนุมในครั้งนี้ด้วย

การกวักมือเรียกทหารมายึดอำนาจไปจากรัฐบาลแพทองธาร ไม่ใช่สาระสำคัญของการชุมนุมในครั้งนี้เลย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” ยุให้รัฐประหารอย่างนั้นหรือ เพราะโซเชียลในหมู่ส้มและรัฐบาลเอาไปพูดกันเยอะ

ไปดูชัดๆ อีกทีครับ “สนธิ” พูดเอาไว้อย่างไร

“ระบบการเมืองแบบนี้เอื้อประโยชน์ อำนวยให้คนรวย ให้คนมีเส้นสายรวยเอาๆ บนความพินาศของประชาชนไม่ได้ยุให้เกิดการรัฐประหาร เพราะทหารจะรัฐประหารก็ไม่ได้บอก จะทำเมื่อไหร่ก็ทำไป ถ้าเห็นว่าวิกฤตการเมืองเกิดขึ้น และแก้ไม่ได้ เขาจะทำก็เรื่องของเขา

แต่ขออย่างเดียว ถ้าจะทำ สาธุ ขออย่าเอาพลเอกมาบริหารชาติบ้านเมืองอีก ให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาประเทศชาติ”

“สนธิ” อาจพลาดตรงนี้ ไม่ได้พูดตรงๆ ว่าต่อต้านรัฐประหาร แต่ในคำปราศรัยก็ชัดเจนว่า รัฐประหารยังเกิดขึ้นได้ แต่ขอว่าอย่าเอานายพลมาเป็นนายกฯ

ถ้าคำพูดนี้จะนำมาซึ่งความวิบัติของชาติ คำพูด “แพทองธาร” ที่ “ฮุน เซน” เอามาแฉ สามารถสร้างความฉิบหายได้หลายเท่าตัวกว่า

ภาพรวมการปราศรัยบนเวทีคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย แทบไม่มีใครเรียกให้กองทัพทำรัฐประหารครับ

เพราะทำไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา

ดูรัฐประหาร ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เป็นตัวอย่าง

จนถึงวันนี้ไม่มีการปฏิรูปการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น

คอร์รัปชันยังเป็นปัญหาใหญ่

ที่สำคัญต้องมาลำบากสู้กับระบอบทักษิณอีกครั้ง

ต้องยอมรับว่า ๘ ปีรัฐบาลประยุทธ์แม้จะมีผลงานให้รัฐบาลถัดมาได้ยิ้มแก้มปริไปตัดริบบิ้นจำนวนไม่น้อย แต่กับปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศแค่ประคับประคองประเทศไม่ให้เลวร้ายลงไปกว่าเดิมเท่านั้น

ฉะนั้นรัฐประหารไม่ใช่ทางออกของประเทศ

ก็อยากให้เด็กๆ รุ่นใหม่ มวลชนสีส้ม รวมทั้งพรรคส้มได้รับรู้ไว้ การออกมาของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย มิใช่การเรียกร้องให้กองทัพทำรัฐประหาร

แต่ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าร่วมกันขับไล่รัฐบาลที่หมดความชอบธรรมให้พ้นไปจากอำนาจ แล้วให้นักการเมือง พรรคการเมือง ที่มีความพร้อมกว่าเข้ามาทำหน้าที่แทน

ไม่ว่าจะเป็นพรรคส้ม พรรคภูมิใจไทย พรรคเกินสิบ พรรคต่ำสิบ ฯลฯ ล้วนต้องแสดงบทบาทของตัวเอง ถึงความพร้อมที่จะเข้าบริหารประเทศ

ตัวเลือกมันมีเพียงแค่นี้ครับ!

อย่าเอาแต่คิดว่าคนอื่นล้าหลัง ยึดติดอยู่กับโลกเก่า

ไม่ใช่หรอกครับ

คนมีการศึกษา ความรู้ด้านการเมืองการปกครองก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่หรอกครับ ที่แตกต่างคือใครอยู่กับความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน

หรือเอาแต่กอดตำรา ไม่ลุกขึ้นมาสัมผัสภาคปฏิบัติ ไม่ได้เห็นอุปสรรค ข้อกำจัด ที่มีอยู่มากมาย

ขณะนี้เกิดปรากฏการณ์งูกินหาง

ประชาชนไล่นายกฯ

ฝ่ายค้านจุกจิกหาจุดอ่อนมวลชน

ส่วนรัฐบาลง่วนอยู่กับการรักษาอำนาจ ท่ามกลางความอ่อนแอของฝ่ายค้าน

นี่คือความแปลกประหลาดของการเมืองไทย ณ พ.ศ.นี้

ฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชนถูกตั้งคำถามเยอะว่า ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลเต็มที่หรือยัง เป็นคำถามที่ถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า

วันนี้ยังคงถามกันอยู่

“ศ. ดร.ไชยันต์ ไชยพร” โพสต์ข้อความถามไปยังพรรคประชาชน

“…สภาจะเปิด ๓ ก.ค.นี้

หากพรรคประชาชนไม่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ แพทองธาร ทั้งๆ ที่พรรคมีจำนวน สส.มากพอที่จะขอเปิด

ก็แปลว่า พวกคุณยังให้ความไว้วางใจแพทองธาร

ในอนาคต หากพวกคุณจะขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ คนใด ที่ไม่ได้ทำงานแย่อย่างนายกฯ คนนี้คุณจะมีคำอธิบายอย่างไร?

การอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจไม่ได้ลงเอยอย่างที่คุณคาดหวัง

นายกฯ อาจจะยังได้เสียงเกินครึ่ง

อาจไม่มีการยุบสภา

แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจโดย สส.ฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ คือ การทำหน้าที่แทนประชาชนในการซักถาม ติติงสิ่งที่นายกฯ ได้ทำลงไป

เชื่อว่า ถ้าพรรคประชาชนเลือกทำตามหน้าที่และครรลองของผู้นำฝ่ายค้านยื่นญัตติขออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ แพ ตามแบบแผนระบบรัฐสภาของตะวันตก

พรรคประชาชนจะได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจว่า ไม่เล่นการเมืองแบบอิงผลประโยชน์ของพรรคเหนือมาตรฐานทางการเมืองสากล

แม้อาจจะไม่มีการยุบสภาโดยเร็วตามที่พรรคต้องการ

แต่เชื่อว่า หากทำตามหน้าที่แล้ว ยุบสภาเมื่อไร พรรคท่านจะได้คะแนนนิยมมากขึ้นโดยไม่มีใครคิดว่า ท่านแอบเป็นพันธมิตรแบบลับๆ กับตระกูลชินวัตร!…”

ครับ…ปรากฏการณ์คลิปฮุน เซน คือจุดที่ทำให้ประชาชนทั้งประเทศพร้อมใจกันหมดศรัทธาในตัวนายกฯ แพทองธาร แต่พรรคฝ่ายค้านพรรคหลักคือ พรรคส้มเงียบกริบ

ไม่มีทีท่าว่าจะใช้กระบวนการทางรัฐสภาจัดการกับเรื่องนี้

กลับไปตั้งข้อสงสัยประชาชนที่ลุกฮือมาขับไล่รัฐบาลแพทองธาร ว่าเรียกทหารมายึดอำนาจ

ยังติดกับดักความคิดตัวเองอยู่

ก็เตือนไว้ครับ หากการตรวจสอบในระบอบรัฐสภาไม่ทำงาน ข้างนอกก็จะมีคนจัดการแทน

ไม่ใช่ทหารครับ ครั้งนี้จะเป็นประชาชน

ถึงเวลานั้น พรรคส้มก็แค่พวกชุบมือเปิบ.