โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

‘แสงทองผ้าใบ’ ตั้งธรรมนูญครอบครัว อัพเกรดธุรกิจกงสี หวังต่อยอด Luxury Brand

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ฐานุพงศ์ วุฒิอารีย์ชัย

สัมภาษณ์พิเศษ : โดยสุวัฑ แซงลาด

เมื่อธุรกิจกงสีเก่าแก่ไม่หยุดอยู่แค่ความสำเร็จในอดีต ‘แสงทองผ้าใบ’ แบรนด์ผ้าใบ-กันสาดระดับตำนาน ถูกรีดีไซน์ใหม่ภายใต้การนำของ คุณฐานุพงศ์ วุฒิอารีย์ชัยกรรมการบริหาร บริษัท แสงทองผ้าใบ จำกัด ในเครือแสงทองผ้าใบ ทายาทรุ่นที่ 2 ผู้กล้าวาง “ธรรมนูญครอบครัว” เพื่อเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจครอบครัวให้มีระบบ พร้อมต่อยอดจากรากฐานที่มั่นคงไปสู่ “อนาคตที่ใหญ่กว่า”

ในเมื่อเป้าหมายของเขาไม่ใช่แค่ “รักษาธุรกิจเดิม” แต่คือการยกระดับจากกงสีสู่องค์กรมืออาชีพ การตั้งเป้ารายได้ทะลุ 400 ล้านบาท พร้อมวิสัยทัศน์ชัดเจน หวังต่อยอดธุรกิจแตกไลน์สู่ Luxury Brand – ปั้นแบรนด์สัญชาติไทยให้เกิดการยกระดับมาตรฐาน

แล้วแนวคิดแบบไหนที่จะเปลี่ยนธุรกิจเดิมให้กลายเป็น Luxury Brand อะไรอยู่เบื้องหลังการจัดการความสัมพันธ์ของครอบครัวและธุรกิจให้อยู่ร่วมกันได้? บทสัมภาษณ์นี้มีคำตอบ

แสงทองผ้าใบกับจุดเริ่มต้นเมื่อ 50 ปีก่อน

คุณฐานุพงศ์ เล่าว่า ธุรกิจของแสงทองผ้าใบเป็นธุรกิจครอบครัวที่มีจุดเริ่มต้นเมื่อเกือบ 50 ปีที่แล้ว โดยคุณพ่อ (คุณเอกชัย เดชาทวีกุล) นั่งเรือสำเภาเดินทางมาจากเมืองจีนตั้งแต่ยังเด็ก พออายุถึงวัย 18 ก็ทำงานเป็นลูกจ้างเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว จนกระทั่งได้พบรักและแต่งงานกับคุณแม่ (คุณแม่บุญชยา เดชาทวีกุล) แล้วจึงมีแนวคิดในการทำธุรกิจที่มีโอกาสเติบโต และเป็นเจ้าของกิจการเอง

ระหว่างนั้นได้ทำงานที่ร้านจำหน่ายผ้าใบแห่งหนึ่ง ย่านเจริญกรุง อยู่ 2-3 ปี จนกระทั่งสุดท้ายมีความรู้ความเชี่ยวชาญมากพอจึงพบลู่ทางในการทำธุรกิจเลยร่วมกับเพื่อนเปิดเปิดกิจการชื่อ ‘ร้านเหรียญทองผ้าใบ’ อยู่ถนนเจริญกรุง เป็นห้องแถวคูหาเดียวแล้วทำทุกอย่าง

ภายหลังจากนั้น 2 ปี ก็ออกมาก่อตั้งบริษัทของตัวเอง ชื่อ ‘ห้างผ้าใบแสงทอง’ เป็นเจ้าของธุรกิจคนเดียว 100% ซึ่งคุณพ่อต้องดูแลเรื่องงานขาย วัดผ้าใบ และทำผ้าใบชักลอก ซึ่งเป็นที่นิยมมากในสมัยก่อน ส่วนคุณแม่ก็ดูแลเรื่องสวัสดิการเรื่องอาหารของพนักงาน โดยบริษัทมีรถเพียงคันเดียวแล้วก็ไปตระเวนทุกที่ จวบจนปัจจุบันธุรกิจเติบโตและเดินทางมาถึง 48 ปี อย่างมั่นคง

ยกระดับธุรกิจครอบครัวสู่การบริหารงานแบบมืออาชีพ

คุณฐานุพงษ์ เล่าต่อว่า ธุรกิจของห้างแสงทองผ้าใบ เป็นธุรกิจที่รวมทุกอย่างเลย เช่นติดตั้งผ้าใบ, เต็นท์เช่า ต่อมาก็นำเข้ากันสาดอลูมิเนียม พอมาเรียนเรียนปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้ทำหน้าที่รับผิดชอบเรื่องการติดต่อและประสานงานสั่งซื้อสินค้านำจากต่างประเทศ หลังจากเรียนจบก็ไปทำงานที่บ้านเหมือนกับลูกจ้างของคุณพ่อ ไม่ใช่ว่าพอเป็นลูกชายแล้วจะต้องมีอภิสิทธิ์ทุกอย่าง

“ช่วงที่ผมกลับมาทำงานที่บ้าน เป็นช่วงที่น้องชายผมต้องกลับไปเรียน เพราะเขาพักเรียนมาช่วยงานที่บ้านระหว่างที่ผมเรียนอยู่ และวันแรกที่ผมต้องมาทำงานก็คือตัดตัวอย่างผ้าใบเอง ขับรถส่งของเอง แล้วก็ไปส่งของเกือบทั่วประเทศเอง เราก็เลยรู้จักเกือบทุกพื้นที่ และการขับรถวนไปวนมาก็ทำให้รู้จักกรุงเทพฯมากขึ้น ทำงานรูปแบบนั้นประมาณ 5-6 ปี รอน้องชายเรียนจบก็เข้ามาทำงานต่อกันเรื่อยๆ

ซึ่งยุคนี้คือจุดเริ่มต้นของการทำงานเจนที่ 2 ช่วงแรกเราไม่รู้สึกหรอกเพราะว่าเราก็ต้องทำงานตามคำสั่ง คุณพ่อสั่งให้ไปไหนก็ไป สั่งให้ทำอะไรก็ทำ แต่พอถึงช่วงที่จะต้องขยายธุรกิจ หรือว่าต้องทำให้เป็นระบบมากขึ้น อันนี้แหละคือจุดกำเนิดที่เราจะต้องมาดูแลกันตรงส่วนนี้” คุณฐานุพงษ์กล่าว

วางธรรมนูญครอบครัว ทำกงสีให้มีระบบ

คุณฐานุพงษ์เล่าต่อว่า การยกระดับธุรกิจครอบครัวหรือธุรกิจกงสี พี่น้องยังคงเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องรับหน้าที่มาช่วยดูแลงานบริหารกิจการ แต่เมื่อน้องแต่งงานก็จะมีน้องสะใภ้เพิ่มเข้ามา ซึ่งในครอบครัวเขาจะมีพี่สาวคนโตด้วย รวมพี่น้องทั้งหมด 6 คน และฐานุพงศ์เขาเป็นบลูกคนที่ 2 แต่พอพี่สาวคนโตแต่งงานไป เขาก็ได้กลายเป็นลูกชายคนโตที่ต้องแบกรับหน้าที่และดูแลภารกิจตามธรรมเนียมของครอบครัวชาวจีน

หลังจากน้องคนที่ 2 และน้องคนที่ 3 เรียนจบก็มาช่วยงานที่บ้าน น้องคนที่ 4 เป็นผู้หญิงก็แต่งงานออกไปอยู่ที่ต่างประเทศ คนที่ยังอยู่ในครอบครัวก็จะช่วยกันดูแลงานที่บริษัทระหว่างการทำงานก็มีพี่น้องเครือญาติเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งมีน้องสะใภ้มาช่วยทำงานในบริษัท ซึ่งนโยบายของคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ปิดกั้นอะไร แต่มองว่าใครจะมาช่วยก็ยิ่งดี ยิ่งมีลูกมากยิ่งดี

โดยระหว่างนี้คุณแม่ก็จะเข้ามาดูแลเรื่องระบบจีดการภายในมากขึ้น และเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจในเกือบทุกเรื่อง แต่ด้วยคุณพ่อและคุณแม่ไม่ได้เรียนด้านการบริหารธุรกิจมา พอธุรกิจเติบโตก็เริ่มมีปัญหาเรื่องการจัดสรรผลประโยชน์ให้คนทำงาน เริ่มมีความเห็นที่ขัดแย้งภายในกันมากขึ้น จึงพยายามหาแนวทางพูดคุยกับคุณแม่ว่า ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เป็นผู้ที่ให้คำปรึกษาและช่วยในการร่างธรรมนูญครอบครัว เพื่อสร้างข้อตกลงหรือกฎกติกาที่เป็นที่ยอมรับร่วมกันในการบริหารจัดการสินทรัพย์ ช่วยให้สมาชิกในครอบครัวเข้าใจหลักการจัดสรรผลประโยชน์ที่เป็นธรรรมมากขึ้น

“สมัยก่อนเราก็อยู่ได้ เพราะมีความรู้เท่านี้แล้วก็ทำธุรกิจในสเกลเท่านี้ แต่พอผมเข้ามาช่วยบริหารธุรกิจมีการเติบโตขึ้น การจัดการเรื่องผลประโยชน์ภายในเริ่มมีปัญหามากขึ้นละมีข้อขัดแย้ง หรือการวางระบบไม่ดี เลยมองว่าถ้าเราปล่อยไปอย่างนี้ก็คงไม่ดีแน่ จึงพยายามคุยกับคุณแม่ว่าเราควรมีผู้เชี่ยวชาญภายนอกมาวางระบบให้ ซึ่งในช่วงแรกคุณแม่อาจยังไม่เข้าใจเพราะคิดว่าธุรกิจเป็นของเราทำไมจะต้องมามีคนมาวางระบบอีกล่ะ

แต่เมื่อน้องชายทั้ง 2 คนเริ่มแต่งงานและพาน้องสะไภ้เข้ามา เราก็ก่อตั้งแยกเพิ่มอีกเป็น 3 ธุรกิจ พอแยกครอบครัวกันไปก็จะมีความรู้สึกว่า ทำไมคุณแม่เราไม่จัดเรื่องของเงินเดือน สวัสดิการ หรือเงินปันผลให้เป็นระบบ พอเรามี 3 บริษัทก็เหมือนกับว่าสมัยก่อนนโยบายของคนจีน ก็มักจะเปิดร้านให้ลูกทุกคน เช่น ร้านแสงทองผ้าใบ 1, แสงทองผ้าใบ 2 และแสงทองผ้าใบ 3 โดยให้ลูกแต่ละคนแยกไปดูแลเอง แต่ผมมองว่าเราไม่ควรทำอย่างนั้น เพราะความรู้ความสามารถมันก็จะถูกกระจายไป มันควรจะอยู่ร่วมกันแล้วก็ช่วยเหลือกันผลักดันธุรกิจ โดยใช้ความสามารถหลักของแต่ละคนมาสอดประสานกัน”

จัดสรรสวัสดิการและผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม

คุณฐานุพงษ์เล่าอีกว่า เมื่อการจัดการไม่ราบรื่น ก็จะเกิดความที่ไม่เท่าเทียมกันและเป็นธรรม แล้วการคุยกันในทางตรงหรือทางอ้อม อาจมีบรรยากาศในการพูดคุยไม่ดี จึงต้องนำเสนอคุณแม่ เรื่องการหาผู้เชี่ยวชาญที่เป็นคนนอกมาให้คำปรึกษาเรื่องการจัดสรรผลประโยชน์ แม้ในระยะแรกคนในครอบครัวอาจยังไม่คุ้นเคยเพราะเป็นสิ่งใหม่และยังไม่มีธุรกิจครอบครัวไหนทำกันมากนัก

นับจากปี 2556 ถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 12 ปี ก็ทำให้ธุรกิจครอบครัวในเครือแสงทองผ้าใบเติบโตและแข็งแกร่งเป็นอย่างดี โดยจะมีการวางแนวทางปฏิบัติร่วมกันอย่างชัดเจน และมีการประชุมกันระหว่างผู้บริหารหรือคนในครอบครัวอย่างต่อเนื่องทุกเดือน

นอกจากนี้ ยังมีข้อตกลงร่วมกันถึงการสวัสดิการให้กับผู้บริหารและทายาทตามความเหมาะสม เช่น การจัดสรรเงินเดือนอย่างเป็นระบบ, การอนุมัติให้สามารถจัดซื้อรถประจำตำแหน่งของผู้บริหารได้ในราคาที่สูงขึ้น, ให้ทายาทรุ่นที่ 3 สามารถไปเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติหรือเรียนต่อในต่างประเทศได้ และการจัดทำประกันชีวิตหรือสิทธิในการรักษาพยาบาล เป็นต้น

“ธุรกิจครอบครัวหากไม่มีการจัดระเบียบหรือจัดสรรให้ชัดเจนก็จะไปไม่รอดและต้องหยุดชะงัก ทำให้สมาชิกในครอบครัวที่มีความรู้ความสามารถต้องแยกย้ายกระจายกันไปก่อตั้งธุรกิจใหม่ บางคนอาจประสบความสำเร็จ บางคนอาจล้มเหลว สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุผลที่ทำให้เรามองว่าต้องมีการจัดทำธรรมนูญครอบครัว เพื่อใช้เป็นหลักในการทำงานและอยู่ร่วมกัน แม้ในช่วงแรก 5-6 ปีอาจมีข้อโต้แย้งกันบ้างระหว่างพี่น้อง เช่นการขอเพิ่มเงินเดือนหรือสวัสดิการต่างๆ แต่เราก็มีการลงมติปรับแก้ให้สอดรับกับยุคสมัยและสอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจ” คุณฐานุพงษ์กล่าว

ปรับโครงสร้างธุรกิจ ติดปีกเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

คุณฐานุพงษ์กล่าวต่อว่า แม้ในยุคแรกห้างแสงทองผ้าใบจะจดทะเบียนในนามบุคคลธรรมดา แต่เมื่อเวลาผ่านมาธุรกิจมีการเติบโตขึ้น จึงต้องให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างธุรกิจและมีการวางแผนอย่างรอบด้านทั้งเรื่องภาษี และการจัดทำ Business Unit ให้เกิดความชัดเจน เป็น 3 บริษัทภายใต้เครือแสงทองผ้าใบ (SANGTHONG GROUP) ประกอบด้วย

1.SANGTHONG UNION (บริษัท สหแสงทองกันสาดอะลูมีเนียม จำกัด) ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายแผ่นกันสาดอะลูมิเนียมเคลือบสีคุณภาพสูงที่ผลิตจากต่างประเทศ มีคุณสมบัติมีน้ำหนักเบาและไม่เป็นสนิม ซึ่งถือเป็นรายใหญ่ในประเทศไทย

3.SANGTHONG EVENT RENTALS (บริษัท แสงทองผ้าใบ จำกัด) ดำเนินธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ในการจัดงานต่าง ๆ พร้อมดูแลด้วยทีมงานมืออาชีพ เช่น เต็นท์ผ้าใบ, เต็นท์ทรงจั่ว, เต็นท์ทรงโค้ง, เต็นท์ทรงพีระมิด, เต็นท์ทรงฟูจิ, เต็นท์ทรงปั้นหยา, เต็นท์โครงใหญ่, เต็นท์อะลูมิเนียมหรูระดับ Premium, เต็นท์ติดแอร์, เต็นท์อุโมงค์, เต็นท์โกดัง, โต๊ะ, เก้าอี้, โซฟา, พัดลม, แอร์เคลื่อนที่ สายไฟและหลอดไฟ อุปกรณ์ประดับตกแต่งเวทีจัดงาน, พรม, อุปกรณ์สงฆ์ และสุขาเคลื่อนที่ เป็นต้น

3.SANGTHONG Creation (บริษัท แสงทองผ้าใบ กันสาด จำกัด) ดำเนินธุรกิจออกแบบด้านงานผ้าใบสำหรับกันแดดและกันฝนทุกชนิด รวมถึงสินค้าสุดยอดนวัตกรรมทางด้านสถาปัตย์และวิศวกรรม อาทิ หลังคาผ้าใบแบบเปิดและปิดได้ หลังคาผ้าใบแรงดึงสูง ด้วยทีมงานที่มีความชำนาญ มีการออกแบบโดยสถาปนิก ทีมผลิตและติดตั้งที่มีประสบการณ์สูง

ขณะเดียวกันยังมีโรงงานมาตรฐานและเครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัยทั้งทางด้านการตัดการเชื่อมและเย็บผ้าใบ มีการออกแบโครงสร้าง ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ โดยสามารถทำงานในรูปแบบ Customize ได้ตามใจลูกค้า พร้อมบริการดูแลลูกค้าหลังการขาย ตลอดจนงาน Construction อย่างการตอกเสาเข็มได้อีกด้วย

ให้ความสำคัญกับความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ลงทุนกับแรงงานฝีมือ

คุณฐานุพงษ์ เล่าถึงเรื่องนี้ว่า พอถึงยุคปัจจุบัน ที่มีการแบ่งธุรกิจอย่างชัดเจนเป็น SANGTHONG Creation ที่ต้องเน้นเรื่องการดีไซน์ แน่นอนว่าต้องมีบุคลากรวิชาชีพ มีคนที่คุยงานด้านสถาปนิกให้เข้าใจได้ เพราะปัจจุบันเวลาลูกค้าต้องการสร้างบ้าน จะให้ความสำคัญเรื่องความสวยงาม และเลือกที่จะปรึกษาสถาปนิกที่มีความเชี่ยวชาญและเชื่อถือได้ ทางเครือแสงทองผ้าใบ จึงต้องให้ความสำคัญในด้านการการสรรหาบุคลากรเข้าทำงาน สายตรงจากวิชาชีพที่มีความเชียวชาญเรื่องการดีไซน์สามารถให้คำปรึกษาหรือแนะนำลูกค้าให้ตอบโจทย์ตรงนี้ได้

ขณะเดียวกันยังมีการลงทุนด้านซอฟต์แวร์เฉพาะด้านที่สามารถคำนวนเรื่องการรับแรงลมของผ้าใบเพื่อให้การใช้งานเกิดประสิทธิภาพและคุ้มค้ากับลูกค้ามากที่สุด รวมถึงการลงทุนด้านเครื่องจักรการผลิตที่มีเทคโนโลยีทันสมัยให้สอดรับกับกำลังการผลิตหรือคำสั่งซื้อจากลูกค้า

“เราให้ความสำคัญกับเรื่องการ Recruit คนเข้ามาทำงานในทุกธุรกิจ ถ้าเป็นงานที่ต้องใช้สกิลเรื่องการดีไซน์ก็ต้องมีบุคลากรวิชาชีพสถาปนิก นอกจากนี้ยังมีการลงทุนด้านเครื่องมือและเครื่องจักรในการผลิต บวกกับเรามีพนักงานที่ทำงานกับเรามานานบางคน 20- 30 ปี คนเหล่านี้มีประสบการ์ณและความเชี่ยวชาญสูงมาก สิ่งเหล้านี้ล้วนสัมพันธ์กันทำให้เครือแสงทองผ้าใบมีความโดดเด่นและมีความเชื่อมั่นจากลูกค้ามาอย่างยาวนาน”

กลยุทธ์ที่สร้างการเติบโตได้ แม้เศรษฐกิจผันผวน

ส่วนกลยุทธ์ ที่ทำให้ลูกค้าเลือกใช้บริการแม้สถานการณ์ที่เศรษฐกิจไม่ค่อยราบรื่น คุณฐานุพงษ์ เล่าย้อนกลับไปตั้งแต่ในยุคก่อตั้งที่คุณพ่อคุณแม่เป็นผู้บุกเบิก ที่เป็นยุคแห่งการแสวงหาโอกาส มีโอกาสตรงไหนให้ลุยก็พร้อมลุยทุกอย่าง เขาจึงซึมซับอยู่กับทุกช่วงเวลาและเติบโตมาพร้อมกับการทำงานแบบลุยๆ และมีความขยันที่มีคุณพ่อคุณแม่เป็นแบบอย่าง

รวมถึงชื่อเสียงจากรุ่นคุณพ่อคุณแม่ที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มลูกค้า หรือแม้แต่การรักษาเครดิตกับสถาบันทางการเงินหรือธนาคารที่เป็นผู้ให้เงินกู้มาขยายธุรกิจ โดยไม่เคยผิดนัดชำระเลยสักครั้งเดียวแม้แต่ในช่วงที่เกิดวิกฤตอย่างปี 2540 หรือยุคโควิด-19 จนได้รับการยกย่องว่าเป็นลูกค้าชั้นดี ซึ่งปัจจุบันนี้ผู้บริหารเครือแสงทองผ้าใบยังคงให้ความสำคัญกับนโยบายเรื่อง Cash Flow หรืองบการเงิน และตระหนักถึงการอนุมัติงบการจัดซื้อเครื่องจักรโดยคำนึงถึงการไม่ใช้จ่ายเกินตัว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการดูแลและเอาใจใส่ลูกค้า นับจากยุคเริ่มต้นธุรกิจที่คุณพ่อคุณแม่ได้ทำเอาไว้ จนถึงวันนี้เครือแสงทองผ้าใบยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เหมือนอย่างวันแรกเสมอ

ตั้งเป้าปีนี้ 400 ล้านบาท

สำหรับเป้าหมายในปี 2568 เครือแสงทองผ้า ตั้งเป้ารายได้ที่ 400 ล้านบาท ถือเป็นการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา และเป็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญภายหลังจากที่เกิดวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งในช่วงนั้นธุรกิจกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก คือ SANGTHONG EVENT RENTALS ที่ให้เช่าอุปกรณ์ในการจัดงานต่าง ๆ ที่แม้ก่อนหน้านั้นจะมีรายได้ที่ดีจากการให้เช่ามาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเกิดโรคโควิด-19 ทำการจัดงานต่าง ๆ ถูกเลื่อนไปอย่างมีกำหนดทำให้รายได้หลักจากการให้เช่าเต็นท์และอุปกรณ์จัดงานก็หายไปด้วยเช่นกัน

ขณะที่ SANGTHONG Creation ที่เป็นงานด้านการออกแบบด้านผ้าใบ กลับได้รับผลกระน้อยมากเพราะเป็นช่วงที่ผู้คนใช้ชีวิตอยู่บ้านเป็นหลัก และต้องการใช้สินค้ากลุ่มกันสาดและผ้าใบกันแดดเพิ่มขึ้น จึงยังมีดีมานด์ในธุรกิจนี้อยู่

Rebranding ทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง

ในช่วงที่เครือแสงทองผ้าใบอยู่ระหว่างการดำเนินการแผนเรื่อง Rebranding มีการลงทุนเรื่องความสวยงามในเว็บไซต์ UX -UI ให้เป็นมิตรกับสายตาของกลุ่มผู้ใช้งานเว็บไซต์ จวบจนปัจจุบันที่เป็นยุคแห่งเทรนด์ของ AI ที่มีกลุ่มลูกค้าเป็น Genz เน้นความรวดเร็ว เครือแสงทองผ้าใบ ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยมีการนำข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้งานมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

โดยปัจจุบัน เครือแสงทองผ้าใบ ได้แยกเว็บไซต์ออกเป็น 3 เว็บไซต์ ทั้ง SANGTHONG UNION, SANGTHONG EVENT RENTALS และ SANGTHONG Creation โดยมีการปรับ UX-UI หรือ Mood and tone ให้ตรงตามหมวดหมู่ของธุรกิจและบริการ เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมหรือความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาเลือกดูผลิตภัณฑ์ในเว็บไซต์ได้อย่างดีเยี่ยม

รวมถึงการทำกลยุทธ์ทั้งในแง่ของ SEO (Search Engine Optimization) และ SEM (Search Engine Marketing) โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลและอัพเดตความเคลื่อนไหวของเทรนด์ต่างๆ เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับแรกหรือติดหน้าแรกบน Google อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังมีการทำ Video Content โดยพนักงานที่เน้นการบอกเล่าเนื้อหาผ่านรูปแบบคลิปวิดีโอ เช่น Vlog และคลิปรีวิว เพื่ออธิบายถึงการใช้งานสินค้าให้ลูกค้าได้เข้าใจมากขึ้น

ผลงานโดดเด่น ไม่เน้นแข่งขันเรื่องราคา

เครือแสงทองผ้าใบ เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์มากมาย เห็นได้จากการให้เช่าอุปกรณ์ในการจัดอีเวนต์ระดับ World Class หรืองานใหญ่ระดับประเทศทั้งของภาครัฐและเอกชนหลายๆ งาน เช่น งานพระราชพิธี, งานกาชาดที่สวนลุมพินี, งานเกษตรแฟร์, รายการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก MotoGP, และงานเฟสติวัลต่างๆ เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ยังได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศมาเลเซียให้เข้าไปรับงานให้เช่าอุปกรณ์ในการจัดอีเวนต์ หรืองานที่ต้องมีการใช้เต็นท์รองรับระดับบุคคลพิเศษ VVIP ที่ต้องการความมาตรฐานและมีความสะดวกสะบายอยู่หลายครั้ง

นอกจากนี้ ยังมีผลงานที่โดดเด่นและเป็นที่ภาคภูมิใจ เป็นการ Customize จากกลุ่มลูกค้าโดยSANGTHONG Creation อีกหลายโครงการ อาทิ สกายวอล์คสถานี BTS ช่องนนทรี, Imphirom Restaurant, Asiatique The Riverfront, SIAM PREMIUM OUTLETS BANGKOK, The Retreat Koh Chang, Bangkok My Stay Rangsit, Tribe Pattaya Hotel, Bok Bok Society, Four Seasons Hotel Bangkok, KPIS International School

“สิ่งหนึ่งที่เครือแสงทองผ้าใบ ได้ยึดมั่นเป็นนโยบายและแนวทางการทำธุรกิจเสมอมา คือการไม่เข้าไปในสนามการแข่งขันเรื่องราคา แต่มุ่งเน้นเรื่องการทำงานมีคุณภาพและมาตรฐาน และทำให้ลูกค้าเห็นว่าเราสามารถทำงานที่มีความยากและซับซ้อนได้ ภายใต้กระบวนการทำงานที่เอาใจใส่ และสมารถตอบโจทย์ให้กับลูกค้าได้ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ลูกค้ามอบเชื่อมั่นให้เครือแสงทองผ้าใบเสมอมา” คุณฐานุพงษ์กล่าว

อนาคต Luxury Brand กับทายาทเจน 3

คุณฐานุพงษ์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันลูกสาวของเขาที่อยู่ในฐานะทายาทธุรกิจเจนที่ 3 ได้ไปเรียนต่อปริญญาโ่ทด้าน Luxury Brand Management ที่ประเทศอังกฤษ และตอนนี้เธอใกล้จบการศึกษาแล้ว ซึ่งแนวคิดในการส่งลูกไปเรียนต่อต่างประเทศก็ได้รับความการสนับสนุนจากพี่น้องในตระกูลเช่นเดียวกัน เพราะมองว่าถือเป็นการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้นำเอาองค์ความรู้มาพัฒนาและต่อยอดธุรกิจต่อไปในอนาคต

“การส่งลูกไปเรียนต่อต่างประเทศ เป็นอีกหนึ่งมติที่เป็นข้อตกลงของธรรมนูญครอบครัว โดยการที่จะไปเรียนต่อต่อประเทศได้นั้นต้องเรียนจบปริญาตรีในประเทศก่อน และทางครอบครัวเราก็อยากให้ลูกหลานได้มีโอกาสไปเรียนต่างประเทศกันทุกคน เพราะเขาจะได้นำเอาความรู้มาช่วยพัฒนาธุรกิจ อย่างลูกสาวผมที่เขามีความชอบด้านศิลปะเขาก็เล็งเห็นว่าการจะต่อยอดธุรกิจ ไม่ใช่แค่การเรียนด้านการตลาดอย่างเดียว

โดยหลักสูตรที่เขาไปเรียนมีทั้งคอร์สเรียนด้าน Financial Analysis, Entrepreneurship for Luxury, Strategic Manage , Luxury Experience รวมทั้ง Marketing ด้วย ซึ่งผมก็เห็นด้วยว่าการทำธุรกิจต้องมองถึงการพัฒนาอย่างรอบด้าน ทั้งการวิเคระห์ลูกค้า การสร้างความประทับใจให้ลูกค้า

และคิดว่าคงเป็นเรื่องที่น่าสนุกหากเขาได้กลับมาร่วมงานกันเพราะยุคนี้เป็นยุคเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีและ AI การเข้ามามีบทบาทของคนรุ่นใหม่หรือทายาทรุ่นที่ 3 ถือรอยต่อในการพัฒนาธุรกิจต่อไป ซึ่งผมมั่นใจว่าเขาจะมีพื้นฐานที่เหนียวแน่น เพราะก่อนหน้านี้เขาก็มาฝึกงานที่บริษัทแล้วก็มีการเสนอไอเดียที่สามารถนำมาต่อยอดใช้งานได้จริง เช่น การออกแบบโชว์รูม หรือการพัฒนาหน้าตาเว็บไซต์ ”

การเป็นทายาทรุ่นที่ 2 รับช่วงต่อนั้นไม่ง่าย

เรื่องนี้ คุณฐานุพงษ์เล่าอย่างน่าสนใจว่า ในการเข้ามารับหน้าที่เป็นหัวเรือใหญ่และต้องแบกรับชื่อเสียงจากที่คุณพ่อคุณแม่ได้สร้างไว้ ช่วงแรกที่เขามาช่วยบริหารเขาต้องแสดงความมุ่งมั่นตั้งทำงานให้พนักงานคนอื่นได้เห็นเป็นแบบอย่าง จนได้รับความไว้วางใจจากคุณพ่อคุณแม่และพนักงาน ทั้งยังได้รับความเชื่อมั่นจากกลุ่มลูกค้าอีกด้วย

“แม้คุณพ่อและคุณแม่จะมอบความไว้วางให้เรามาสานต่อธุรกิจตั้งแต่ต้น แต่พอถึงตอนที่ต้องวางโครงสร้างทางธุรกิจและทำธรรมนูญครอบครัวคุณแม่อาจยังไม่เห็นด้วยแต่ยังไงก็ต้องมีการปรับตัว ส่วนเราที่เป็นลูกก็ต้องเข้าใจและปรับตัวให้เข้ากับท่าน เพราะจากเดิมท่านไม่เคยเงินเดือนเลย พอมีการวางโครงสร้างใหม่เราต้องดูแลท่านให้ดีในฐานะของผู้ก่อตั้งธุรกิจ และเมื่อมีงานหรือโปรเจคใหญ่เข้ามาเราก็มีการรายงานให้ท่านได้ทราบถึงความสำเร็จต่างๆ ด้วย”

คุณฐานุพงษ์กล่าวในช่วงท้ายว่า นับจากอดีตจวบจนปัจจุบันธุรกิจมีความแข็งแกร่งและยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เขาก็ตกผลึกได้ว่าการจะเติบโตต้องมีความอย่างยั่งยืนด้วย การตั้งเป้า KPI ต้องไม่หลอกตัวเอง และยังคงให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้าด้วยความเอาใจใส่ หรือ back to basic เพราะทุกวันนี้ลูกค้าต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว เช่น การตอบแชทลูกค้าภายใน 6 นาที เป็นต้น และคุณภาพของสินค้าต้องสามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่ายาวนาน

นอกจากนี้ ยังมีการส่งต่อวัฒนธรรมองค์กรไปถึงพนักงานทุกคนภายใต้สโลแกนที่ว่า “ถ้าจะทำงานที่ยิ่งใหญ่ให้สำเร็จสำหรับวันพรุ่งนี้ ต้องทำรายละเอียดกับสิ่งเล็กน้อยในวันนี้ให้ดีที่สุดก่อน” แล้วผลลัพธ์ที่ดีจะตามมาเอง

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ‘แสงทองผ้าใบ’ ตั้งธรรมนูญครอบครัว อัพเกรดธุรกิจกงสี หวังต่อยอด Luxury Brand

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ประชาชาติธุรกิจ

หุ้นกู้แสนสิริจองทะลัก 150% ตอกย้ำกลยุทธ์เติบโต ‘Dynamic Growth’

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ประกาศแล้ว! ประกันสังคมเพิ่มเงินทดแทน กรณีว่างงาน 2568 เป็น 60%

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘ธนา เธียรอัจฉริยะ’ มองธุรกิจ ในวันที่โลกไม่เหมือนเดิม

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เงินบาทผันผวน จับตาสัปดาห์หน้า 4 ปัจจัยสำคัญ-ราคาทองคำโลก

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

ประกาศปิดการท่องเที่ยว “ทีลอซู” ให้ธรรมชาติพักฟื้น 2 เดือน

Manager Online

“เฟนิษ - ณิชารีย์ ชิงดวง”คว้ามงกุฎ 'มิสยูนิเวิร์ส จันทบุรี 2025' ด้วยความสามารถ-บุคลิกภาพที่สง่างาม

สยามรัฐ

SOCIETY: ผมไม่เล็กนะครับ! ‘ไข่ยักษ์ลอยน้ำ’ แคมเปญสุดแสบจากฮ่องกง กระตุ้นผู้ชายให้กล้าคุยเรื่องสุขภาพทางเพศ

BrandThink

BALENCIAGA BY DEMNA นิทรรศการเฉลิมฉลอง 10 ปีที่แบรนด์ของ Demna ณ กรุงปารีส

THE STANDARD

บรรดารูปปั้นของ Michael Jackson ที่ใช้โปรโมตอัลบั้ม HIStory เมื่อ 30 ปีก่อน ทุกวันนี้ไปอยู่ที่ไหน

THE STANDARD

‘วิตามินดี’ ตัวช่วยเด็กเติบโตตามวัย หนุนพัฒนาการ สร้างภูมิคุ้มกัน

The Bangkok Insight

ต้นสังกัด ‘คัลแลน-พี่จอง’ ออกแถลงการณ์ขอความร่วมมือแฟนคลับ เคารพความเป็นส่วนตัวและไม่รุกล้ำพื้นที่ทำงาน

THE STANDARD

มัดรวมไฮไลท์! ถ่ายรูปกันให้หนำใจกับ 3 งานสุดยิ่งใหญ่ที่ไอคอนสยาม

คมชัดลึกออนไลน์

ข่าวและบทความยอดนิยม

‘แสงทองผ้าใบ’ ตั้งธรรมนูญครอบครัว อัพเกรดธุรกิจกงสี หวังต่อยอด Luxury Brand

ประชาชาติธุรกิจ

บอลโลกไม่ Must Have

ประชาชาติธุรกิจ

เครดิตบูโร เตือนวิกฤตหนี้ หวัง ‘ยาแรง’ ช่วยกลุ่มเปราะบาง

ประชาชาติธุรกิจ
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...