เจ้าชายโลกสายลับ ผู้รักชาติหรือคนทรยศ?
“นายกลัวบ้างไหม”
“ทำไมต้องกลัวล่ะ ฉันเป็นทหารเก่านะ”
1
อารอน เบรกแมน (Ahron Bregman) เป็นนักวิชาการที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สงครามของอิสราเอล เน้นช่วงศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา นอกจากเล่าถึงปฏิบัติการสงครามระหว่างอิสราเอลกับชาติอาหรับแล้ว เขายังทำหน้าที่เขียนถึงและเปิดโปงสายลับที่ปฏิบัติการเบื้องหลังความขัดแย้งเหล่านี้ด้วย
ในวันที่ 29 ธันวาคม 2002 ชายหนุ่มกำลังกวาดใบไม้อยู่ที่สวน ณ บ้านพักกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ภรรยาออกมาตามเขา
“มีโทรศัพท์ถึงคุณนะ”
เมื่อไปรับปลายสายพูดภาษาอังกฤษสำเนียงอาหรับ
“ฉันคือคนที่นายเขียนถึง”
เบรกแมนรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายพูดถึงสิ่งใด
“แล้วผมจะแน่ใจได้อย่างไร”
“ง่ายๆ ก็คุณส่งหนังสือมาให้ พร้อมคำอธิบายยืดยาวไงละ”
เบรกแมนขนลุก
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ขณะที่นักวิชาการหนุ่มรวบรวมข้อมูลเขียนหนังสือ ความขัดแย้งและสงครามระหว่างอิสราเอลกับชาติในอาหรับ เขาพบหลักฐานบางอย่าง มีข้อมูลว่า ทางหน่วยสายลับมอสซาด มีสายข่าว-สายลับคอยให้ข้อมูลทางการอียิปต์แบบละเอียดยิบ
ชายคนนี้มีนามเรียกขานที่ทางการอิสราเอลตั้งไว้ว่า นางฟ้า (Angel) และบาบิโลน (Babylon) หมายถึงเมืองแห่งหนึ่งในจักรวรรดิโบราณ ซึ่งมีความเจริญรุ่งเรืองในตะวันออกกลาง
เบรกแมนสงสัย เขาเพียรพยายามที่จะหาว่า ใครคือนางฟ้าของอิสราเอล ผู้ให้ข้อมูลลับของอียิปต์มานานหลายปี
ระหว่างค้นคว้าอยู่นั้น มีหนังสือของอดีตหัวหน้าข่าวกรองอิสราเอล ซึ่งถูกไล่ออกหลังความผิดพลาดในสงครามยมคิปปูร์ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 1973 กองทัพอียิปต์และซีเรียโจมตีอิสราเอลแบบสายฟ้าแลบ ทำเอาดินแดนที่พระเจ้าประทานให้ชนชาติยิวเกือบสิ้นแผ่นดิน
อดีตหัวหน้าข่าวกรองรายนี้เผยว่า ความผิดพลาดของอิสราเอลที่ไม่รู้แผนการโจมตีจากศัตรูนั้น เกิดจากมอสซาดไปเชื่อใจสายลับสองหน้าผู้มีนามว่า นางฟ้า นั่นเอง
ข้อมูลตรงนี้นำไปสู่การโจมตีไปมา มีการฟ้องร้อง แต่นั่นทำให้เบรกแมนหันมาสนใจนางฟ้า เมื่อตรวจสอบไปเรื่อยๆ เขาพบว่า สายลับผู้นี้เป็นชาย อยู่วงในของทีมงานประธานาธิบดีอียิปต์
เบรกแมนใช้ทักษะขุดคุ้ยแบบนักข่าวสืบสวนสอบสวน จนแทบจะแน่ใจแล้วว่าสมญานาม นางฟ้าคือใคร แต่อดีตหัวหน้าข่าวกรองอิสราเอลคงจะไม่มีวันบอกหรือยืนยันให้ นั่นทำให้นักวิชาการหนุ่มเลือกจะให้บรรณาธิการที่ตรวจทานหนังสือเล่มนี้เป็นผู้บอกเองว่า หลักฐานที่เบรกแมนหามาได้นั้นถูกต้องหรือไม่
ปี 2000 ณ ร้านกาแฟในกรุงเทลอาวีฟ เมืองหลวงอิสราเอล เบรกแมนพบกับบรรณาธิการ พวกเขาสนทนากันเรื่อยเปื่อยนานกว่า 10 นาที ก่อนจะเข้าเรื่อง
“เขาคือสายลับใช่ไหม” เบรกแมนบอกชื่อบุรุษที่คาดว่าจะเป็นนางฟ้า
อีกฝ่ายมองไปทางอื่นแล้วยิ้มออกมา เป็นคำตอบที่ชัดเจน
นักวิชาการหนุ่มจึงตัดสินใจติดต่อไปยังชายที่เชื่อว่าคือนางฟ้า เขาส่งทั้งหนังสือที่ตัวเองเขียน พร้อมคำอธิบายขอพบหน้า แต่อีกฝ่ายไม่ติดต่อกลับมา
แต่เบรกแมนไม่ละทิ้งความพยายาม เขายังส่งข้อมูลไปเรื่อยๆ ทั้งพูดกับสื่อ แย้มว่านางฟ้า อาจจะมีฉายาว่า ‘ลูกเขย’ เพื่อทำให้อีกฝ่ายร้อนตัวจนต้องยอมคุยกับเขา
อย่างไรก็ดีทุกอย่างเงียบกริบ
“ผมไม่สามารถบอกไปตรงๆ ได้ว่าเขาคือนางฟ้า เพราะอีกฝ่ายรวยมาก พูดอะไรไปโดยไร้หลักฐานโดนฟ้องยับแน่” นี่คืออุปสรรคที่เบรกแมนพบเจอ จึงทำได้แต่รอ รอ และรอเท่านั้น
2 ปีผ่านไป เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นอันยืนยันทุกอย่างที่เบรกแมนค้นคว้ามาอย่างยาวนานว่า
“อัชราฟ มาร์วัน (Ashraf Marwan) คือนางฟ้า”
2
มาร์วันเกิดในอียิปต์ เมื่อปี 1944 พ่อเป็นทหารสัญญาบัตรที่ทำงานอยู่ในกองกำลังพิทักษ์ประธานาธิบดี เจ้าตัวเรียนจบคณะวิศวกรรมเคมีจากมหาวิทยาลัยไคโร และเข้าเกณฑ์ทหาร
ในปี 1965 ด้วยวัย 21 ปี ชีวิตของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไป ขณะที่กำลังตีเทนนิสกับเพื่อน มีสาวน้อยวัยแค่ 17 ปีลอบมองด้วยความชื่นชม เมื่อทั้งสองหันมาสบตากัน ความรักจึงบังเกิด ไม่กี่ปีต่อมา จึงได้แต่งงานกัน
มาร์วันขยับฐานะครั้งสำคัญ เพราะเจ้าสาวที่เขาสมรส ชื่อ โมนา นาสเซอร์ (Mona Nasser) บุตรสาวคนที่ 3 และลูกคนโปรดของประธานาธิบดีนาสเซอร์ ชายที่เปรียบเสมือนบิดาของอียิปต์
ลูกเขยรายนี้จึงเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่บนสุดของอำนาจกรุงไคโร แม้จะไปเรียนปริญญาโทที่อังกฤษ แต่เขารู้เห็นอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างอียิปต์กับอิสราเอล
ฤดูใบไม้ผลิปี 1969 มาร์วันซึ่งกำลังเรียนปริญญาโทที่อังกฤษ นัดพบหมอเพื่อตรวจกระเพาะอาหาร ก่อนยื่นเอกสารบางอย่างให้กับแพทย์ “นี่คือเอกสารของทางการอียิปต์ ได้โปรดช่วยส่งต่อไปยังสถานทูตอิสราเอล ในกรุงลอนดอนด้วย”
หมอยังงง แต่ก็ทำตามคำขอร้องของเขา
3 วันต่อมา ขณะมาร์วันกำลังเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า Harrods เจ้าหน้าที่มอสซาดได้เข้ามาทักเพื่อบอกเป็นนัยว่า ได้รับเอกสารแล้ว แต่ไม่มีอะไรคืบหน้ามากไปกว่านั้น
มาร์วันไม่ละความพยายาม เขาโทรศัพท์ไปยังสถานทูตอิสราเอล ขอคุยกับทีมรักษาความปลอดภัย แน่นอนว่าทางการปฏิเสธ แต่เขายังไม่ยอมแพ้ ทั้งแนะนำตัวเองว่าเป็นใคร ใหญ่แค่ไหน
“ผมอยากทำงานกับหน่วยข่าวกรองอิสราเอล”
หัวหน้ามอสซาดในยุโรปขมวดคิ้ว เรียกประชุมทีมงาน พวกเขารู้ว่ามาร์วันใหญ่แค่ไหน และเข้าถึงความลับได้ง่ายเพียงใด แต่ทำไมล่ะ ชายที่อยู่อย่างสุขสบายในอียิปต์ ถึงอยากจะส่งข้อมูลข่าวกรองให้กับพวกเรา ศัตรูของประเทศเขา
ในที่สุดทางการอิสราเอลตัดสินใจนัดพบที่ร้านกาแฟใกล้กับโรงแรมที่มาร์วันพัก โดยมีเจ้าหน้าที่รอคุย และมีสายลับมอสซาดคอยสอดแนม ดูว่านี่อาจจะเป็นกับดัก พร้อมประเมินว่าชายคนนี้คุ้มค่าแก่การน่าเชื่อถือเพียงใด
“ผมดีใจที่ได้พบคุณฮะ มาร์วัน”
สายลับอิสราเอลกับลูกเขยประธานาธิบดีนาสเซอร์จับมือกัน
“ซองเอกสารนี้ ผมให้คุณ”
มอสซาดแปลกใจ เพียงแค่พบกันครั้งแรก เขาก็ส่งข้อมูลลับมาให้แล้ว
“ผมไม่ได้อะไรนะ แต่ถ้านัดพบกันครั้งหน้า ก็ต้องมีค่าธรรมเนียมหน่อย สัก 1 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วกัน”
เจ้าหน้าที่ชะงัก “เราต้องกลับมาวิเคราะห์ว่า นี่เขากำลังทำตัวเป็นสายลับสองหน้า รับข้อมูลเท็จจากอียิปต์ส่งให้เรา เพื่อทำให้เกิดการไขว้เขวหรือไม่”
ช่วงเวลานั้นอียิปต์พ่ายแพ้ในสงคราม 6 วันในปี 1967 ถูกอิสราเอลบินถล่มเครื่องบินจนพ่ายยับ มอสซาดหวั่นว่า มาร์วันจะเป็นหมากที่ไคโรส่งมาสร้างความสับสนในข่าวกรอง
แต่เมื่อตรวจสอบเอกสารที่ลูกเขยประธานาธิบดีใส่ซองมาให้ ข้อสงสัยนี้ก็หมดไปทันที
“ข้อมูลแบบนี้ พันปีจะมีสักที” เมื่อหน่วยข่าวกรองอิสราเอลตรวจสอบอย่างละเอียด พวกเขายืนยันว่าทุกอย่างถูกต้อง นี่ไม่ใช่ข่าวลวง แต่คือของจริง ที่ทำให้อิสราเอลได้เปรียบกว่าอียิปต์อย่างมาก
“ตอนนี้เรามีคนที่อยู่ใต้เตียงไอ้นาสเซอร์แล้ว”
ดังฟ้าประทาน มอสซาดจึงตั้งชื่อให้กับมาร์วันว่า “นางฟ้า”
3
มาร์วันเข้าไปอยู่วงในของข่าวกรองอียิปต์มากขึ้น แม้พ่อตาจะเสียชีวิต แต่ประธานาธิบดีคนต่อมาก็ไว้ใจเขา ก่อนปี 1973 อิสราเอลมีความหวั่นเกรงว่า ไคโรอาจจะบุกโจมตีเพื่อล้างอายจากสงคราม 6 วัน
มอสซาดติดต่อนางฟ้าในเดือนเมษายน 1973 เขาส่งข้อความว่า บ้านเกิดตัวเองกำลังจะวางแผนบุก นั่นทำให้รัฐบาลอิสราเอลระดมพลนับหมื่น ส่งไปที่ชายแดนอียิปต์ กินเวลา 3 เดือน ไม่มีวี่แววศัตรู
“เราเสียงบประมาณไปกว่า 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ”
ข้อมูลชิ้นนี้ทำให้รัฐบาลอิสราเอลสงสัยและโกรธมาก พวกเขาไม่ใช่ประเทศมหาอำนาจที่จะมีงบประมาณมหาศาล นี่เป็นการล้างผลาญเงินที่เจ็บปวด และอาจเป็นแผนลวง นางฟ้าคงจะเป็นสายลับสองหน้าตามที่สงสัยอย่างแน่นอน
นี่ทำให้หัวหน้าข่าวกรองของอิสราเอลลดคุณค่าและด้อยความสำคัญของมาร์วัน นับตั้งแต่วันนั้น
วันที่ 5 ตุลาคม 1973 มอสซาดที่รับผิดชอบนางฟ้า ได้รับข้อความส่งด่วนว่า “หัวไชเท้า”
นี่คือรหัสลับที่แจ้งว่า อียิปต์กำลังจะบุกโจมตีอิสราเอล เจ้าหน้าที่ข่าวกรองถูกส่งไปพบมาร์วันที่อังกฤษ
“คุณแน่ใจนะว่า จะเกิดเรื่องขึ้น”
นางฟ้ายืนยัน
กระนั้นรัฐบาลอิสราเอลไม่เชื่อ ไม่สนใจ และดูเบาข่าวกรองชิ้นนี้
“เขาจะบุกในเวลา 4 โมงเย็น วันที่ 6 ตุลาคม”
ปรากฏว่าเพียงบ่าย 2 เท่านั้น กองทัพอียิปต์และซีเรียโจมตีอิสราเอลแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะติดช่วงเทศกาลหยุดยาวตามความเชื่อทางศาสนา นำไปสู่การเกือบสิ้นชาติ แม้จะจบลงที่ขับไล่ศัตรูไปได้ แต่มันคือการเสียหน้าของหน่วยข่าวกรองครั้งใหญ่ นำไปสู่การไล่เจ้าหน้าที่ระดับสูงออกไปเป็นจำนวนมาก
“คุณไม่เชื่อนางฟ้า” เจ้าหน้าที่มอสซาดที่ดูแลมาร์วันโวย แต่ผู้บังคับบัญชาที่ถูกเชือด ต่างสวนกลับมาว่า “มันตั้งใจบอกเวลาผิด มันเป็นสายลับสองหน้า”
4
สงครามจบสิ้นลงผ่านไปหลายปี มาร์วันไม่เคยถูกทางการอียิปต์จับตัวได้ เมื่อการเมืองเปลี่ยนทิศ ผู้นำในกรุงไคโรเปลี่ยนผ่าน เขาก็ถอนตัวจากวงในของอำนาจ และไปใช้ชีวิตเป็นพ่อค้าขายอาวุธ เดินทางไปมาระหว่างลอนดอนกับกรุงไคโร
ชายคนนี้รวยมหาศาล เงินที่อิสราเอลจ่ายให้เขาในการพบปะแต่ละครั้ง มีวงเงินหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ท่ามกลางข้อสงสัยของมอสซาด
“หรือเขาส่งข่าวกรองให้เพราะเงินกันแน่”
เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่เคยบอกใครว่าเป็นนางฟ้า จนเมื่อเบรกแมน นักวิชาการหนุ่มติดต่อมา หลังจากทบทวนตัวเองอยู่นาน เขาจึงให้สัมภาษณ์และประกาศว่า สายลับอียิปต์ที่ส่งข้อมูลให้อิสราเอลเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน คือเขานี่เอง
มาร์วันยินยอมให้เบรกแมนเขียนข้อเท็จจริงตอนนี้ ในช่วงนั้นสุขภาพเจ้าตัวเริ่มมีปัญหาป่วย “ผมกำลังจะเขียนชีวประวัติตัวเองเพื่อบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด คุณช่วยผมด้วยนะ เบรกแมน”
นี่คือคำขอที่ทำให้ทั้งสองมาเจอกัน
“ผมจะเขียนเป็นภาษาอังกฤษ”
เมื่อเรื่องราวมาร์วันเป็นนางฟ้าปรากฏออกไปตามสื่อ ทุกคนต่างช็อกตกตะลึง อดีตลูกเขยประธานาธิบดี ถูกเรียกอย่างยกย่องว่า ‘เจ้าชายแห่งโลกสายลับ’ งานที่เขาทำเสี่ยงแต่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และทำให้อิสราเอลมีข้อมูลได้เปรียบจากศัตรูอาหรับอย่างมหาศาล
แต่การเผยตัวของมาร์วันก็ทำให้เขามีศัตรูขู่ฆ่าจ้องทำร้าย ถูกโจมตีว่าเป็นผู้ขายชาติ ทรยศแผ่นดินเกิดไปเข้ากับอิสราเอล
มาร์วันอายุ 62 ปีแล้ว ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก สายลับในตะวันออกกลางที่ส่งข้อมูลให้อิสราเอลหลายคน เมื่อถูกจับได้ก็โดนแขวนคอกลางเมือง แต่เขารอดและใช้ชีวิตอยู่ในอังกฤษอย่างร่ำรวยเงินทอง และอยู่สุขสบาย
เพื่อนของนางฟ้าเคยถามว่า “นายกลัวบ้างไหม”
“ทำไมต้องกลัวล่ะ ฉันเป็นทหารเก่านะ”
ช่วงบ่ายโมงครึ่งของวันที่ 27 มิถุนายน 2007 ตำรวจอังกฤษรับแจ้งเรื่องชายพลัดตกจากชั้น 4 แมนชันหรูของตัวเองมาเสียชีวิตในสวน เมื่อไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุพบผู้ตายชื่อว่า อัชราฟ มาร์วัน
เบรกแมนตกใจกับข่าวนี้ เพราะเอกสารบันทึกชีวประวัติที่นางฟ้ากำลังเขียน ก็หายไปจากบ้านพักด้วย
“ผมเชื่อว่านี่คือการฆาตกรรมอย่างแน่นอน”
5
นักสืบระดมสอบสวนแต่ไม่พบคนร้าย ไม่เคยระบุได้ว่า มาร์วันตายเพราะถูกฆ่าหรือพลัดตกลงมา ไม่เคยมีผู้ต้องสงสัย สุดท้ายคดีนี้ยังเป็นปริศนาจนถึงปัจจุบัน
มรณกรรมของนางฟ้าทำให้คนอิสราเอลยกย่อง นี่คือชายที่กล้าหาญ ขณะที่สังคมอียิปต์โจมตี “มันคือผู้ทรยศชาติของเรา”
แต่แล้วประธานาธิบดีเผด็จการ ฟาโรห์คนสุดท้าย ฮอสนี มูบารัก (Hosni Mubarak) กลับแถลงการณ์ว่า “มาร์วันคือผู้รักชาติ หลายเรื่องที่เขาทำ เรายังไม่สามารถเปิดเผยได้ในตอนนี้”
ไม่เพียงเท่านั้นทางการอียิปต์ยังอนุมัติให้นำร่างของมาร์วัน มาฝังตามความเชื่อทางศาสนาในกรุงไคโรอีกด้วย สิ่งนี้สร้างความสงสัยให้กับเบรกแมน และผู้ที่สนใจเรื่องนางฟ้าอย่างมาก
ทำไมฟาโรห์คนสุดท้ายจึงพูดแบบนั้น หรือจริงๆ แล้วมาร์วันคือสายลับสองหน้า ที่คอยส่งข้อมูลให้อิสราเอล และเขาต้องการลวงมอสซาด ตั้งใจบอกเวลาผิดในสงครามยมคิปปูร์
ภรรยาและลูกของนางฟ้าเชื่อว่า มาร์วันถูกฆาตกรรมอย่างแน่นอนและมันไม่ใช่ฝีมือของอาหรับ แต่เป็นฝีมือของทางการอิสราเอลต่างหากที่ต้องการฆ่าปิดปาก เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเตรียมจะเขียนชีวประวัติ ซึ่งมีข้อมูลมากมายที่จะแฉเรื่องลับของมอสซาด
แต่ไม่มีใครยืนยันหรือแสดงตัวว่าเป็นผู้สังหารมาร์วัน ไม่ว่าจากอียิปต์ อิสราเอลหรือชาติในตะวันออกกลาง
ความตายของเขายังเป็นปริศนาจวบจนปัจจุบัน
ทุกวันนี้เบรกแมนพยายามไขความลับ และหาให้ได้ว่าใครคือผู้ก่อเหตุฆ่านางฟ้า “บางทีคนที่ลงมือไม่จำเป็นต้องจับเขาโยนลงมา แค่บอกว่าถ้านายโดดลงไป เราจะไว้ชีวิตลูกๆ ของแก”
นักวิชาการหนุ่มยังคงสืบสวนทุกอย่าง เพื่อหวังจะหาความจริง โดยยังรู้สึกเสียใจที่งานซึ่งมาร์วันหวังจะทำร่วมกับเขาจบสิ้นและอันตรธานหายไป
ผ่านไปหลายปี เบรกแมนเริ่มเข้าใจความโหดร้ายในโลกของสายลับ ทุกอย่างโกหก ปลิ้นปล้อนและอันตรายถึงชีวิต สิ่งที่มาร์วันทำกับสิ่งที่เขาเจอคือความรุนแรงที่มีจริง สัมผัสได้ ท่ามกลางความบาดหมางระหว่างอิสราเอลกับชาติอาหรับ ซึ่งไม่มีวันสมานหรือยุติความขัดแย้งจนถึงวินาทีนี้
เบรกแมนออกมาให้สัมภาษณ์สื่อเพื่อหวังเบาะแส และย้ำเตือนนักค้นคว้ารุ่นใหม่ “ภรรยาของมาร์วันยกย่องสามีว่า เป็นวีรบุรุษของชาติ เช่นเดียวกับลูกๆ และพวกเขาก็เชื่อว่า ชายคนนี้ถูกฆาตกรรมอย่างเหี้ยมโหด”
“สำหรับผมนั้น อุทาหรณ์ของเรื่องนี้ก็คือ สิ่งที่มาร์วันเจอ เป็นความผิดของผมด้วย มันเป็นบทเรียนสำคัญที่แลกมาด้วยชีวิต และผมจะจำไว้ตลอดว่า อย่าเฉลยตัวตนสายลับที่ยังมีชีวิตอยู่เด็ดขาด อย่าคิดทำ แม้ว่าคุณจะมีโอกาสนั้นก็ตาม เพราะมันคือความผิดพลาด”
“เพื่อเห็นแก่ชีวิตพวกเขา จงอย่าเปิดเผยโดยเด็ดขาด”
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.nytimes.com/2007/07/13/opinion/13blum.html
http://news.bbc.co.uk/today/hi/today/newsid_8825000/8825986.stm
https://www.aljazeera.com/features/2016/10/14/the-egyptian-spy-who-saved-israel
https://www.theguardian.com/world/2015/sep/15/who-killed-20th-centurys-greatest-spy-ashraf-marwan
https://www.nbcnews.com/id/wbna27365010
https://www.timesofisrael.com/mossad-reveals-photo-of-the-angel-egyptian-agent-who-warned-of-yom-kippur-war/