7 เทคนิคสำคัญ จอดรถหนีน้ำท่วม ลดความเสียหายให้กับรถยนต์
มารู้จัก “7 เทคนิคสำคัญ” ในการ จอดรถหนีน้ำท่วม เพื่อ ลดความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้นกับรถยนต์คันโปรดของคุณกันเถอะ ไปดูกันเลย
ทำไมต้องกังวลเรื่องน้ำท่วมรถ?
ความเสียหายจากน้ำท่วมรถไม่ได้มีแค่เรื่องเครื่องยนต์เสียหายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงระบบไฟฟ้า, ระบบเบรก, ห้องโดยสาร, พรม, เบาะ และชิ้นส่วนอื่นๆ อีกมากมายที่เมื่อโดนน้ำท่วมขังแล้วอาจเกิดสนิม, เชื้อรา, หรือทำให้ระบบต่างๆ รวนได้ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมก็มักจะสูงมาก หรืออาจถึงขั้นต้องยกเลิกการใช้งานรถไปเลย
เทคนิคการจอดรถหนีน้ำท่วม (และสิ่งที่คุณควรทำ)
- ย้ายรถไปที่สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้: นี่คือหลักการสำคัญที่สุด ลองมองหาพื้นที่สาธารณะที่สูงกว่าถนน เช่น ลานจอดรถในห้างสรรพสินค้า (ชั้นบนๆ), อาคารจอดรถ หรือแม้แต่เนินดินที่มั่นคงและไม่กีดขวางการจราจร
- ข้อควรระวัง: หลีกเลี่ยงการจอดใต้ต้นไม้ใหญ่หรือป้ายโฆษณาที่อาจโค่นล้มเมื่อมีลมแรง
- ประเมินระดับน้ำท่วมบ่อยๆ: หากบ้านหรือที่ทำงานของคุณอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ควรติดตามข่าวสารระดับน้ำอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมย้ายรถทันทีเมื่อมีสัญญาณเตือน
- ถอดขั้วแบตเตอรี่ (ถ้าจำเป็น): หากรถต้องจอดในที่ที่เลี่ยงไม่ได้ว่าน้ำจะท่วมถึงระดับสูง ให้พิจารณาถอดขั้วแบตเตอรี่ออก เพื่อป้องกันการลัดวงจรของระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของความเสียหายหนัก (แต่ควรทำเมื่อมั่นใจในความรู้ด้านช่างยนต์ หรือให้ผู้เชี่ยวชาญทำ)
- ห้ามสตาร์ทรถที่ถูกน้ำท่วมเด็ดขาด: หากรถของคุณจมน้ำไปแล้ว ห้ามเด็ดขาด ที่จะพยายามสตาร์ทเครื่องยนต์ เพราะอาจทำให้ระบบไฟฟ้าและเครื่องยนต์เสียหายหนักยิ่งกว่าเดิม ควรรอให้ระดับน้ำลดลงและเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบทันที
- เก็บของสำคัญออกจากรถ: ไม่ว่าจะเป็นเอกสารสำคัญ, กระเป๋าเงิน, โทรศัพท์มือถือ หรือของมีค่าต่างๆ ควรนำออกจากรถให้หมดก่อนที่น้ำจะท่วมถึง
- เตรียมเอกสารประกันภัยรถยนต์: หากคุณมีประกันภัยรถยนต์ประเภทที่คุ้มครองน้ำท่วม (เช่น ประกันชั้น 1) ควรเตรียมเอกสารให้พร้อม เพื่อใช้ในการแจ้งเคลมและดำเนินการหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมสงบลง
- อย่าจอดรถขวางทางระบายน้ำ: การจอดรถขวางทางน้ำจะยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์น้ำท่วม และอาจทำให้รถของคุณถูกกระแสน้ำพัดพาไปได้ง่ายขึ้น
หลังน้ำลด ควรทำอย่างไร?
- ห้ามสตาร์ทรถเด็ดขาด! (ย้ำอีกครั้ง)
- ติดต่อศูนย์บริการหรือช่างผู้เชี่ยวชาญ: ให้ช่างประเมินความเสียหายและแนะนำแนวทางแก้ไขอย่างถูกวิธี
- ทำความสะอาดและอบแห้ง: หากน้ำเข้าห้องโดยสาร ต้องทำความสะอาดและทำให้แห้งสนิทโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันเชื้อราและกลิ่นอับ
- แจ้งเคลมประกัน: เตรียมเอกสารที่จำเป็นและติดต่อบริษัทประกันภัยทันที
สรุป: หากคุณอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยและทราบล่วงหน้าว่ามีแนวโน้มจะเกิดน้ำท่วม ถ้าเป็นไปได้ควรรีบนำรถออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด เพราะหากรอแก้ไขสถานการณ์แบบกระชั้นชิดอาจสายเกินไปหรือทำอะไรได้ไม่มากนัก การเตรียมพร้อมรับมือไว้ล่วงหน้าคือสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อลดความเสียหายต่อรถของคุณ