ซีเรียถอนทหารออกจากเขตชาวดรูซ หลังโดนอิสราเอลโจมตีหนัก-สหรัฐร้องขอ
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ว่า สหรัฐ ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของอิสราเอล และพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์กับซีเรีย ระบุถึงการบรรลุข้อตกลงเพื่อฟื้นคืนความสงบในพื้นที่ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลซีเรียประกาศหยุดยิงครั้งใหม่ในเมืองสไวดา ซึ่งจะนำไปสู่การยุติปฏิบัติการทางทหาร หลังเกิดการปะทะ ซึ่งองค์กรสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนซีเรีย รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 350 ราย นับตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา
“กองทัพซีเรียเริ่มถอนกำลังออกจากเมืองสไวดา ตามเงื่อนไขของข้อตกลงที่ได้รับการรับรอง หลังเสร็จสิ้นการกวาดล้างกลุ่มนอกกฎหมายในเมือง” กระทรวงกลาโหมซีเรีย ระบุในแถลงการณ์
อนึ่ง แถลงการณ์ดังกล่าวไม่ได้ระบุถึงการถอนกำลังของกองกำลังความมั่นคงอื่น ๆ ของรัฐบาล ซึ่งประจำการอยู่ในเมืองเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อกำกับดูแลการสงบศึก ที่ตกลงกับบรรดาผู้นำชุมชนดรูซก่อนหน้านี้ หลังเกิดการสู้รบที่รุนแรงกับชนเผ่าเบดูอินในพื้นที่ เป็นเวลานานหลายวัน
อย่างไรก็ตาม การหยุดยิงดูเหมือนจะไม่ได้ผลมากนัก เนื่องจากพยานหลายคนรายงานว่า กองกำลังของรัฐบาลซีเรียร่วมมือกับชนเผ่าเบดูอิน ในการโจมตีนักรบและพลเรือนชาวดรูซอย่างนองเลือดทั่วเมือง
ขณะที่ ประธานาธิบดีอาเหม็ด อัล-ชารา ผู้นำซีเรีย ให้คำมั่นว่าจะสอบสวน “การกระทำอันชั่วร้าย” ในเมืองสไวดา และจะลงโทษทุกคนที่พิสูจน์ได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ หลังการโจมตีทางอากาศในเมืองสไวดา เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งอิสราเอลอ้างว่าเป็นการปกป้องชาวดรูซ อิสราเอลก็เปิดฉากโจมตีกรุงดามัสกัสอีกหลายครั้ง โดยระบุถึงการโจมตี “เป้าหมายทางทหาร” ในพื้นที่ทำเนียบประธานาธิบดี และกระทรวงกลาโหมซีเรีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 30 คน.
เครดิตภาพ : AFP