BPPจ่อM&Aโรงไฟฟ้าก๊าซฯเพิ่มในสหรัฐ เร่งขยายโครงการแบตเตอรี่ฟาร์มในญี่ปุ่น
บ้านปู เพาเวอร์กำเงิน 200 - 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ลุยM&Aโรงไฟฟ้าก๊าซฯขนาด300-1,000เมกะวัตต์ในสหรัฐ โรงไฟฟ้าพลังน้ำในอินโดนีเซียและโครงการแบตเตอรี่ฟาร์มในญี่ปุ่น รวมทั้งรอความชัดเจนภาษีนำเข้าสหรัฐฯก่อนตัดสินใจลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซฯในพท.ว่างใกล้โรงไฟฟ้าTemple lและTemple ll
นายธีรภัทร์ วงศ์ระวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – การเงิน บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด(มหาชน)หรือ BPP เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนควบรวมหรือซื้อกิจการ(M&A)โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯที่ดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์แล้ว หรืออยู่ระหว่างการก่อสร้าง ขนาดกำลังการผลิตราว 300-1,000เมกะวัตต์
รวมทั้งมีแผนที่จะขยายโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมบนพื้นที่ว่างติดกับโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติTemple l และโรงไฟฟ้าTemple ll ตั้งอยู่ที่รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ซึ่งสามารถก่อสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซฯขนาดกำลังการผลิต 750เมกะวัตต์ได้อีก 1โรง หรือ โรงBattery Farm พิจารณาดูความเหมาะสมก่อนรวมทั้งบริษัทรอความชัดเจนที่การปรับขึ้นอัตราขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากับประเทศคู่ค้า เนื่องจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ต้องนำเข้าอุปกรณ์ต่างๆจากหลายประเทศ เช่น นำเข้าเหล็กจากจีน เครื่องจักรจากยุโรป ฯลฯ
การปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ทำให้ การลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่ในสหรัฐฯต้องหยุดชะงัก เพราะนักลงทุนรอสรุปอัตราภาษีReciprocal Tariff ก่อน เพื่อพิจารณาว่าต้นทุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่จะเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด รวมถึงผลตอบแทนการลงทุนเหมาะสมหรือไม่
ทั้งนี้ BPPตั้งงบลงทุนในปี 2568 อยู่ที่ 200 - 400 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในช่วงครึ่งปีแรกใช้งบลงทุนไปแล้ว 800 ล้านบาท หรือประมาณ 20-30 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในธุรกิจระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ ( BESS) หรือโครงการแบตเตอรี่ ฟาร์ม ที่ประเทศญี่ปุ่น ส่วนงบลงทุนที่เหลือจะใช้เพื่อรองรับการขยายธุรกิจและการทำM&A คาดว่าครึ่งปีหลังนี้มีโอกาสที่จะขยายโครงการแบตเตอรี่ฟาร์มในญี่ปุ่นเพิ่มเติม
ปัจจุบันบ้านปู เน็กซ์ (BPPถือหุ้นอยู่ 50%) มีโครงการแบตเตอรี่ฟาร์ม “โตโนะ” ขนาด 58 เมกะวัตต์ชั่วโมง เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว และบ้านปู เน็กซ์ กำลังพัฒนาโครงการเพิ่มในญี่ปุ่น ได้แก่ โครงการไอสึ ขนาด 104 เมกะวัตต์ชั่วโมงในจังหวัดฟุกุชิมะ โครงการทสึโนะ ขนาด 104 เมกะวัตต์ชั่วโมงในจังหวัดมิยาซากิ และโครงการคามิกุมิ-โตเกียว ขนาด 8 เมกะวัตต์ชั่วโมงภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท คามิกุมิ จำกัด (Kamigumi Co., Ltd.) ซึ่งเป็นโครงการ BESS แห่งแรกของบ้านปู เน็กซ์ ที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลโตเกียว
นอกจากนี้ BPPยังคงมองหาดีล M&A โรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งแผนขยายการลงทุนดังกล่าวจะช่วยเติมพอร์ตโฟลิโอของบริษัทจากปัจจุบันBPPมีกำลังการผลิตรวม 3,500 เมกะวัตต์
นายธีรภัทร์ กล่าวว่า ในไตรมาส4 ปีนี้ BPPมีแผนนำชีวมวลราว10%มาผสมกับถ่านหินใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยจะรักษาต้นทุนค่าไฟฟ้าไม่ให้สูงขึ้น เพื่อเป็นแนวทางเลือกในการยื่นขอต่ออายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าถ่านหินบีแอลซีพีที่จะสิ้นสุดลงสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA)ในปี 2574 ปัจจุบันโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีมีอัตราค่าไฟที่ต่ำเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าก๊าซฯทำให้ถูกเรียกเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าต่อเนื่อง
ส่วนในอนาคตบริษัทมีแผนนำแอมโมเนียมาใช้ในโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีด้วย แต่ขณะนี้ราคาแอมโมเนียสูงมากจึงไม่คุ้มค่าในการทำเพราะจะทำให้ค่าไฟสูงจึงต้องรอให้ราคาแอมโมเนียปรับลดลง
สำหรับการศึกษาลงทุนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor: SMR) เทคโนโลยีพลังงานสะอาด ซึ่งเครื่องปฏิกรณ์ถูกออกแบบให้เป็นโมดูลขนาดเล็ก กำลังการผลิตตั้งแต่ 50-300 เมกะวัตต์ ซึ่งมีหลายเทคโนโลยี ทั้งรัสเซีย จีน และสหรัฐฯ ที่มีความใกล้เคียงกัน แต่โรงไฟฟ้า SMR ที่เดินเครื่องแล้ว ปัจจุบันมีเพียงรัสเซียกับจีน ทั้งนี้บริษัทสนใจลงทุนโรงไฟฟ้า SMR ในต่างประเทศ เพราะในประเทศไทย ตามแผน PDP พบว่าบรรจุไว้ในช่วงปลายแผนปี 2577-2580
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO