ปภ.ร่วมคณะ มท.2 "ธีรรัตน์" ลงพื้นที่อุบลราชธานีตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่
ปภ.ร่วมคณะ มท.2 "ธีรรัตน์" ลงพื้นที่อุบลราชธานีตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ - ทีม ปภ.พร้อมรถประกอบอาหาร รถผลิตน้ำดื่ม รถไฟฟ้าส่องสว่าง และเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าพื้นที่ดูแลประชาชนจังหวัดชายแดนเต็มกำลัง
วันที่ 27 ก.ค.68 นายชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมด้วยผู้บริหาร ปภ. ร่วมคณะนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน กำชับดูแลพี่น้องประชาชนให้มีความปลอดภัยอย่างดีที่สุด
นายชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า การสนับสนุนจังหวัดชายแดนในการดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้สั่งการเร่งด่วนตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต เป็นหน่วยงานของ ปภ.ดูแลในพื้นที่ สนับสนุนทีมเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย ทำงานร่วมกับจังหวัดในการดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือด้านการอพยพ การดูแลภายในศูนย์พักพิงชั่วคราว และการดำรงชีพเบื้องต้น
โดยในส่วนของจังหวัดอุบลราชธานี ขณะนี้ ศูนย์ ปภ.เขต 13 อุบลราชธานี ได้สนับสนุนทีมเจ้าหน้าที่พร้อมด้วยเครื่องจักรกลสาธารณภัย ทั้งรถบรรทุกขนาดใหญ่ 6 ตัน 6 ล้อ รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถครัวประกอบอาหาร รถผลิตน้ำดื่ม รถบรรทุกน้ำ ขนาด 12,000 ลิตร รถไฟฟ้าส่องสว่าง รถเครื่องกำเนิดไฟฟ้า รถบรรทุกน้ำ ขนาด 6,000 ลิตร เข้าดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ทั้งศูนย์อพยพและจุดปฏิบัติการสำคัญของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้ศูนย์ ปภ.เขต 5 นครราชสีมา ดูแลพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ศูนย์ ปภ.เขต 6 ขอนแก่น ดูแลพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ศูนย์ ปภ.เขต 7 สกลนคร ดูแลพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ศูนย์ ปภ.เขต 3 ปราจีนบุรี ดูแลพื้นที่จังหวัดสระแก้ว และศูนย์ ปภ. เขต 17 จันทบุรีดูแลพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและตราด โดยทีม ปภ.และเครื่องจักรกลสาธารณภัยของทุกศูนย์ ปภ เขต ได้เข้าปฏิบัติการในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว
ซึ่ง นายชัยรัตน์ รองอธิบดี ปภ. กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดสถานการณ์เมื่อวันที่ 24 ก.ค 68 ที่ผ่านมา ทีม ปภ. โดยศูนย์ ปภ.เขต และสำนักงาน ปภ. จังหวัด ได้เข้าช่วยเหลือในการอพยพ การขนย้ายสิ่งของ และการดูแลพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ทั้งรถครัวประกอบอาหาร รถผลิตน้ำดื่ม รถไฟฟ้าส่องสว่าง ซึ่งเป็นความจำเป็นในการดำรงชีพขั้นพื้นฐาน ปภ.ได้จัดส่งเข้าไปดูแลในพื้นที่ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ได้กำชับให้ศูนย์ ปภ. เขต และสำนักงาน ปภ. จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ประสานทุกหน่วยงานในพื้นที่ให้การช่วยเหลือและดูแลพี่น้องประชาชนตามระเบียบหลักเกณฑ์อย่างเหมาะสมและเต็มที่ หากมีความจำเป็นต้อขอรับการสนับสนุนด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพิ่มเติมให้รีบประสานมาที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ทันที
ทั้งนี้ เพื่อให้การดูแลพี่น้องประชาชนมีความคล่องตัวและทันต่อสถานการณ์ กระทรวงการคลังได้อนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 กรณีภัยอันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศ ในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดเพิ่มเติมจากเดิม จังหวัดละ 20 ล้านบาท เป็นจังหวัดละ 100 ล้านบาท ให้แก่ 7 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ จันทบุรี ตราด และสระแก้ว พร้อมทั้งขยายวงเงินทดรองราชการในอำนาจอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพิ่มเติมเป็น 100 ล้านบาท เพื่อให้สามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และทันต่อสถานการณ์อีกด้วย
ด้านนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลัง โดยเฉพาะจุดที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพในเบื้องต้น ต้องให้การดูแลเป็นพิเศษและต่อเนื่อง ข้าวปลาอาหารน้ำดื่มต้องพร้อมดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ รวมไปถึงการดูเจ้าหน้าที่ที่มาปฏิบัติหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชนด้วยเช่นกัน
โดยนางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่า ในวันนี้ ในนามตัวแทนของรัฐบาล ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จึงได้มาเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจกัน ขอให้มั่นใจว่าทุกหน่วยงานจะดูแลพี่น้องประชาชนอย่างดีที่สุด ทั้งในเรื่องของการดูแลความเป็นอยู่ ข้าวปลาอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค เราพร้อมดูแลอย่างเต็มที่ และไม่เพียงแต่ดูแลด้านความเป็นอยู่เท่านั้น หน่วยงานปกครองอาสาสมัครในพื้นที่ก็ได้จัดทีมสแกนตรวจตราพื้นที่ชุมชนเพื่อดูแลความปลอดภัยและรักษาทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนที่ได้อพยพออกจากพื้นที่ด้วย