ชายแดนไทย-กัมพูชา ระอุ ซ้ำเติม ท่องเที่ยว-หุ้นไทย นักลงทุน หวั่น ซึมยาวถึงปลายปี
ตลาดหุ้นไทยยังคงเผชิญภาวะซบเซาต่อเนื่อง ท่ามกลางแรงกดดันจากปัจจัยเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศ โดยภาพรวมดัชนี SET ล่าสุดลดลงถึง 13% นับตั้งแต่ต้นปี สวนทางกับตลาดหุ้นของหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ทยอยฟื้นตัวกลับมาได้
หนึ่งในสัญญาณสะท้อนความอ่อนแรงของเศรษฐกิจไทย คือ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน มาอยู่ที่ระดับ 52.7 ในเดือนล่าสุด ต่ำสุดในรอบ 28 เดือน แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังไม่มั่นใจในการใช้จ่ายและแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต
อีกทั้งบรรยากาศการลงทุนในตลาดทุนยังถูกซ้ำเติมจากความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยเฉพาะกรณีที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกสั่งพักปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งสร้างแรงกระเพื่อมต่อความเชื่อมั่นของทั้งนักลงทุนในประเทศและต่างชาติ
นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยังไม่มีสัญญาณคลี่คลาย ก็ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยของไทยถูกตั้งคำถาม โดยเฉพาะในสายตาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ยิ่งภาคการท่องเที่ยวที่เคยเป็นเครื่องยนต์สำคัญของเศรษฐกิจไทย ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน โดยเฉพาะการหายไปของนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเคยเป็นกลุ่มหลักที่สร้างรายได้จำนวนมากให้ประเทศ จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2025 (ม.ค. – มิ.ย.) ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าเพียง 16.7 ล้านคน ลดลง 4.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนลดลงถึง 34% เหลือเพียง 2.26 ล้านคน
การลดลงนี้ เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ลักพาตัวนักแสดงชาวจีนในไทยเมื่อต้นปี ซึ่งส่งผลรุนแรงต่อความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ขณะที่คนไทยเองก็ระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม สายการบิน และค้าปลีก ซึ่งกำลังเผชิญแรงกดดันด้านรายได้
แม้รัฐบาลจะพยายามกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านโครงการ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ ที่ช่วยออกค่าที่พักครึ่งหนึ่ง สูงสุด 3,000 บาทต่อคน แต่นักวิเคราะห์จากศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงระยะสั้น เพราะกำลังซื้อของประชาชนยังอ่อนแอ และเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่มีปัจจัยหนุนชัดเจน
เรียกได้ว่าความเปราะบางของภาคท่องเที่ยวกำลังส่งผลกระทบชัดเจนต่อราคาหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มสายการบิน ท่าอากาศยาน และโรงแรม ที่ต่างร่วงลงอย่างหนักนับตั้งแต่ต้นปี เริ่มตั้งแต่ หุ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย (AOT) ร่วง 35%, บางกอกแอร์เวย์ส ลดลง 34% เอเชีย เอวิเอชั่น (ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Thai AirAsia) ดิ่งลงถึง 53%
ส่วนการบินไทยแม้เตรียมกลับเข้าตลาดหุ้นในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ หลังพ้นกระบวนการฟื้นฟูกิจการ แต่ท่ามกลางภาวะตลาดที่ซบเซา นักวิเคราะห์จาก KGI Securities เตือนว่า อาจไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการกลับสู่ตลาด
รวมถึงกลุ่มโรงแรม เริ่มตั้งแต่ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ร่วง 41%, เซ็นทรัลพลาซา โฮเต็ล ลดลง 20%, ดุสิตธานี ลดลง 18% ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มค้าปลีกที่ได้รับผลกระทบจากการใช้จ่ายในประเทศที่ลดลงเช่นกัน
นอกเหนือจากปัจจัยในประเทศแล้ว ความเสี่ยงจากภายนอก เช่น การคาดการณ์มาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ขณะที่นักวิเคราะห์จากหลายสำนักยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน โดย สยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองว่า การฟื้นตัวของตลาดหุ้นและเศรษฐกิจไทยในภาพรวม อาจเป็นไปอย่างช้าๆ และไม่ร้อนแรงเหมือนช่วงก่อนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังเปราะบาง และความไม่แน่นอนในประเทศยังคงสูง
อ้างอิง: