รักพังเพราะพฤติกรรม Phubbing เมินคนรักเพราะติดมือถือ
Phubbing คืออะไร?
พฤติกรรม “Phubbing” คือการเมินหรือเพิกเฉยต่อคนที่อยู่ตรงหน้าเพราะมัวแต่ใช้โทรศัพท์มือถือ คำนี้มาจากการรวมคำว่า Phone กับ Snubbing ซึ่งหมายถึงการละเลยหรือไม่สนใจอีกฝ่ายเพราะมัวแต่ก้มหน้าอยู่กับหน้าจอ แม้จะดูเป็นพฤติกรรมเล็กน้อยที่เกิดขึ้นบ่อยในชีวิตประจำวัน เช่น การเช็กมือถือระหว่างคุยกัน การเลื่อนจอขณะอีกฝ่ายกำลังพูด หรือการสนใจโซเชียลมากกว่าคู่สนทนา แต่เมื่อเกิดซ้ำ ๆ กลับส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อความสัมพันธ์โดยไม่รู้ตัว
งานวิจัยโดย James A. Roberts และ Meredith E. David จาก Baylor University สหรัฐอเมริกา ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Computers in Human Behavior ระบุว่า 46.3% ของผู้เข้าร่วมการสำรวจเคยถูกคนรักเมินใส่เพราะมือถือ และ 22.6% บอกว่าพฤติกรรมนี้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างมีนัยสำคัญ นักวิจัยยังได้พัฒนาเครื่องมือที่เรียกว่า Partner Phubbing Scale เพื่อตรวจวัดระดับพฤติกรรมนี้ และพบว่าผู้ที่รู้สึกว่าตนเองถูกเมินบ่อยครั้งจะมีระดับความพึงพอใจในความสัมพันธ์ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ
ผลกระทบของ Phubbing ไม่ได้จบแค่ความรู้สึกเสียหน้า แต่ยังบั่นทอนความมั่นคงทางใจ ความรู้สึกมีคุณค่า และลดความพึงพอใจในความสัมพันธ์ลงอย่างต่อเนื่อง คู่รักที่ถูกเมินซ้ำ ๆ อาจรู้สึกว่าตัวเองไม่สำคัญ ถูกทอดทิ้ง หรือไม่เป็นที่สนใจ จนนำไปสู่ความเครียด ความหึงหวง การทะเลาะเบาะแว้ง และท้ายที่สุดคือความห่างเหินระหว่างกัน
บางครั้ง พฤติกรรมนี้ไม่ได้เกิดจากเจตนาไม่ดี แต่อาจมาจากความเคยชินหรือความเสพติดเทคโนโลยีโดยไม่รู้ตัว เช่น หยิบมือถือขึ้นมาอัตโนมัติเมื่อว่างเพียงไม่กี่วินาที หรือรู้สึกต้องเช็กข้อความและโซเชียลมีเดียอยู่ตลอดเวลา พฤติกรรมเหล่านี้เมื่อสะสมไปเรื่อย ๆ กลายเป็นวงจรที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างก็ "Phub" กันโดยไม่ตั้งใจ และทำให้คุณภาพของเวลาร่วมกันลดลง
ที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ พฤติกรรม Phubbing อาจนำไปสู่ “การใช้ชีวิตแบบขนาน” หรือ Parallel Living ซึ่งหมายถึงการอยู่ร่วมกันแต่ไม่เชื่อมโยงกันจริง ต่างคนต่างใช้ชีวิตในโลกของตัวเอง อยู่ในห้องเดียวกันแต่ไม่พูดกัน เพราะต่างคนต่างสนใจจอมือถือมากกว่าความรู้สึกของกันและกัน ความใกล้ชิดทางกายไม่ได้หมายถึงความใกล้ชิดทางใจ
อย่างไรก็ตาม Phubbing ไม่ใช่เรื่องที่แก้ไม่ได้ การเริ่มต้นจากการตระหนักรู้ว่าพฤติกรรมนี้มีผลกระทบ ต่อมาคือการสื่อสารกับคู่รักอย่างตรงไปตรงมา เช่น บอกว่าเรารู้สึกอย่างไรเมื่ออีกฝ่ายหยิบมือถือขึ้นมาในระหว่างพูดคุย และช่วยกันกำหนด "พื้นที่ปลอดมือถือ" เช่น ระหว่างทานข้าว ก่อนนอน หรือช่วงเวลาที่ตกลงจะใช้ร่วมกันโดยไม่มีหน้าจอเป็นตัวขัดจังหวะ
นอกจากนี้ การชวนกันทำกิจกรรมแบบออฟไลน์ เช่น เดินเล่น ทำอาหาร ดูหนัง หรือเล่นบอร์ดเกม ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยให้คู่รักได้เชื่อมโยงกันมากขึ้น และกลับมามองตาพูดคุยอย่างมีคุณภาพเหมือนในวันที่เริ่มต้นคบกัน
เพราะความสัมพันธ์ที่ดีไม่ได้วัดกันที่จำนวนข้อความหรือรูปถ่ายบนหน้าจอ แต่วัดจากช่วงเวลาที่เราให้กันอย่างตั้งใจในชีวิตจริง อย่าปล่อยให้การเลื่อนหน้าจอ กลายเป็นการเลื่อนห่างของหัวใจ