เปิดเวทีเสวนาความร่วมมือด้านภาพยนตร์จีน–อาเซียน 2025
การประชุมเสวนาความร่วมมือด้านภาพยนตร์จีน–อาเซียน (ประเทศไทย) 2025 (2025 China-ASEAN (Thailand) Film Cooperation Dialogue งานประชุมนัดสำคัญที่จัดขึ้นภายในงานสัปดาห์สื่ออาเซียน-จีน ครั้งที่ 7 (The 7th ASEAN-China Media Week) จัดโดย สำนักงานวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติจีน (NRTA), รัฐบาลเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน กระทรวงวัฒนธรรม และกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
นายหู ฟาน รองประธานเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า งานสัปดาห์ภาพยนตร์จีน-อาเซียน (ประเทศไทย) ในปีนี้ นอกจากจัดมีความร่วมมือทางด้านอุตสาหรรกรรมภาพยนต์แล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม เช่น การเสวนาด้านภาพยนตร์เพื่อส่งเสริมคำว่า “จีน-ไทยเป็นครอบครัวเดียวกัน” ให้หยั่งรากลึกในหัวใจของผู้คน พร้อมทั้งเผยแพร่วัฒนธรรมอันดีงาม และเล่าเรื่องจีน-ไทยให้โลกฟัง สู่การยกระดับความร่วมมือด้านภาพยนตร์ระหว่างจีน-ไทย และเสริมพลังให้กับความร่วมมือภาพยนตร์ระหว่างจีนและประเทศอาเซียนในระดับนานาชาติ โดยกว่างซีพร้อมร่วมมือกับประเทศไทยในด้านการผลิตภาพยนตร์ด้วย AI เทคนิคพิเศษ และการแปลบรรยายภาพยนตร์ ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง China-ASEAN Information Harbor และแพลตฟอร์มฝึกอบรมโมเดล AI พหุภาษา เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในระดับภูมิภาค และเสริมสร้างพลังใหม่ให้กับอุตสาหกรรมวัฒนธรรมของทั้งสองฝ่ายอย่างยั่งยืน
ด้านนายอุดม มัตสยะวนิชกูล ผู้อำนวยการกองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศ (TFO Thailand Film Office) กล่าวว่า ประเทศไทยถือว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่กองถ่ายต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำ ด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม และมีทีมงานที่เป็นมืออาชีพ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมกับการอำนวยความสะดวกของภาครัฐ ได้แก่ การส่งเสริมความร่วมมือในการถ่ายทำ โดยไม่มีการจำกัดวงเงินคืนต่อเนื่อง ซึ่งเป็นมาตรการที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ฯลฯ ทำให้วันนี้ไทยมีความพร้อมในการต้อนรับผู้ผลิตภาพยนตร์ชาวต่างชาติให้เข้ามาถ่ายทำ โดยให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยของชาวต่างชาติมาเป็นอันดับหนึ่ง และด้วยศักยภาพและความพร้อมที่มี มั่นใจว่าจะทำให้ผู้ผลิตภาพยนตร์ต่างประเทศได้รับความพึงพอใจในการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย
ขณะที่ ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า การพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนและจีนในด้านนี้ จะนำมาซึ่งโอกาสในการเสริมสร้างความเข้าใจ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ รวมถึงการขับเคลื่อนนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ โดยการประชุมเสวนาครั้งนี้ถือเป็นเวทีสำคัญในการแลกความคิดเห็น ประสบการณ์ระหว่างผู้ทรงคุณวุฒิในวงการภาพยนตร์และสร้างความร่วมมือที่ยั่งยืน และเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสร้างสรรค์ความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและจีนในด้านสื่อภาพยนตร์ โดยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยฯ ซึ่งทำหน้าที่ในการส่งเสริมสนับสนุน รวมถึงให้ทุนในการผลิตสื่อภาพยนตร์ พร้อมเป็นตัวกลางระหว่างผู้ผลิตในจีนที่ต้องการประสานงานผู้ผลิตหรือเอกชนในไทย เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศไทยและจีน สู่การสร้างวัฒนธรรมอันนำมาซึ่งความเข้าใจที่ตรงกัน และยกระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ให้เติบโตขึ้น
ภายในงานยังมีเสวนาจากผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการภาพยนตร์ทั้งจากประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และขยายความร่วมมือสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์
ขณะที่ นายวชิรพงษ์ ปรีชาว่องไวกุล รองประธานสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ กล่าวว่า สมาพันธ์ฯ ที่มีสมาชิกกว่า 10 สมาคม ดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบและดูแลความสัมพันธ์กับภาครัฐมาโดยตลอด โดย กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม เร็วๆ นี้ได้มีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อดูแลการจัดงานของจีนในประเทศไทย เพื่ออำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น วันนี้โจทย์สำคัญคือทำอย่างไรให้ภาพยนตร์จีนและภาพยนตร์ไทย มีการขยายความร่วมมือกันในด้านต่างๆ มากยิ่งขึ้น หากพิจารณาจากวัฒนธรรมร่วมของคนไทย-คนจีน ทำให้รู้ว่า คอนเทนต์ของ 2 ประทศนี้สามารถสร้างโลกและไปมาหาสู่กันได้
ส่วนนายทศพล ทิพย์ทินกร ผู้เขียนบทมากความสามารถจากค่าย GDH ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากจากภาพยนตร์เรื่อง “หลานม่า” กล่าวว่า งานประชุมครั้งนี้เปรียบเหมือนเป็นสภาฯ ให้คนในวงการภาพยนตร์ได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด และองค์ความรู้ระหว่างกัน ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีมาก กรณีภาพยนตร์ไทยเรื่อง “หลานม่า” ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในประเทศจีนนั้น ได้มีโอกาสไปดูการฉายในโรงภาพยนตร์ที่จีน ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ คนจีนดูแล้วเข้าใจเรื่องราวและมีความซาบซึ้งกับเนื้อหา ทั้งยังแสดงความชื่นชมทีมผู้สร้างและทีมงานที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างมาก ด้วยความที่เนื้อหาเกี่ยวกับครอบครัวและด้วยภาษาของหนัง จึงทำให้คนดูเข้าถึงได้ง่ายแม้ว่าจะต่างวัฒนธรรม ต่างภาษา ซึ่งจากการเปิดประชุมเสวนาในครั้งนี้ถือว่ามีประโยชน์อย่างมาก ที่สำคัญเปิดโอกาสในการทำงานอย่างที่ตั้งใจไว้ ซึ่งเป็นโอกาสดีทำให้สามารถสร้างคอนเทนต์ได้กว้างไกลขึ้น
ขณะที่นายปรัชญา ปิ่นแก้ว ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “องค์บาก” และ “ต้มยำกุ้ง” กล่าวว่า ได้มีโอกาสไปร่วมงานด้านภาพยนตร์ที่จีนหลายครั้ง ได้เห็นความยิ่งใหญ่ และการทำงานที่เป็นระบบ เชื่อว่าถ้าประเทศไทยและจีนมีความร่วมมือกัน จะเกิดการค้นพบที่สำคัญคือ การสอดแทรกความงาม การพูดถึงชีวิตหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของคุณธรรม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจากการประชุมครั้งนี้จะทำให้เกิดความร่วมมือกันเป็นอย่างเป็นรูปธรรมในการสร้างภาพยนตร์ นำไปสู่การยกระดับและพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ให้เติบโตขึ้น
ทางด้านนายเฉิน เต๋อเซิน ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวฮ่องกง ที่มีผลงานโดดเด่นหลายเรื่องและยังเคยได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมในงานประกาศรางวัลภาพยนตร์ฮ่องกงครั้งที่ 29 (Hong Kong Film Awards) จากภาพยนตร์เรื่อง “5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็น” (Bodyguards and Assassins) กล่าวว่า เมื่อปีที่แล้วได้มีโอกาสเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์กึ่งสารคดีในประเทศไทยทุกสิ่งเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ติดปัญหาอะไร ซึ่งหากภาพยนตร์ที่ทั้งประเทศไทยและจีนเดินทางเข้าไปถ่ายทำประสบความสำเร็จ ก็จะส่งให้เกิดความร่วมมืออย่างการจัดประชุมความร่วมมืออุตสาหกรรมสื่ออาเซียน-จีน 2025 ในรูปแบบนี้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์โดยรวม.