ดัชนีการเมืองไทยเดือน กรกฎาคม ลดหนักจากวิกฤติ คะแนนนายกฯต่ำสุด
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศในหัวข้อ “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนกรกฎาคม 2568” โดยทำการเก็บข้อมูลทั้งทางออนไลน์และภาคสนาม จากกลุ่มตัวอย่าง 2,171 คน ระหว่างวันที่ 26–31 กรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่าคะแนนเฉลี่ยภาพรวมลดลงมาอยู่ที่ 3.86 คะแนน จากเดิม 4.13 คะแนนในเดือนมิถุนายน
ในบรรดาหัวข้อที่ถูกประเมิน ตัวชี้วัดด้าน “ผลงานของฝ่ายค้าน” ได้รับคะแนนสูงสุดที่ 4.36 ขณะที่ “ผลงานของนายกรัฐมนตรี” รั้งท้ายที่ 3.43 คะแนน ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี
บุคคลที่ถูกมองว่ามีบทบาทโดดเด่นในเดือนนี้ แบ่งเป็นฝ่ายรัฐบาล คือ นายวราวุธ ศิลปอาชา ได้รับการกล่าวถึง 44.05% และฝ่ายค้าน ได้แก่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ 45.79%
สำหรับผลงานที่ได้รับเสียงชื่นชมจากประชาชนในแต่ละฝ่าย รัฐบาลมีการจัดทำหนังสือชี้แจงต่อองค์การสหประชาชาติ ได้รับการตอบรับ 42.21% ขณะที่ฝ่ายค้านได้คะแนนนิยมจากการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล คิดเป็น 40.28%
นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชามีผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนโดยตรง ส่งผลให้คะแนนของนายกรัฐมนตรีลดลงจนอยู่ในลำดับท้ายสุดเป็นครั้งแรก
ขณะที่ประชาชนยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาค่าครองชีพและสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัด ข้อครหาต่อการทำงานของรัฐบาลที่ดูเชื่องช้าและขาดแผนระยะยาว ทำให้ประชาชนเริ่มตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของฝ่ายบริหาร
ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์กัญญกานต์ เสถียรสุคนธ์ จากหลักสูตรรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิเคราะห์ว่า หลายเหตุการณ์ในเดือนกรกฎาคมส่งผลลบต่อภาพรวมการเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านศาสนาอย่างกรณีการประพฤติผิดของพระสงฆ์ การเจรจาด้านภาษีกับสหรัฐอเมริกา คลิปเสียงที่เกี่ยวข้องกับบุคคลทางการเมืองระดับสูง รวมถึงการใช้กำลังในเขตชายแดนไทย-กัมพูชา และน้ำท่วมในภาคเหนือ ล้วนมีส่วนทำให้คะแนนแต่ละด้านลดลงชัดเจน โดยเฉพาะคะแนนของนายกรัฐมนตรีที่ตกต่ำที่สุดในรอบปี สะท้อนถึงความไม่พอใจของประชาชนที่มีต่อการทำงานและการสื่อสารของรัฐบาล ซึ่งยังล่าช้าและขาดประสิทธิภาพ
เหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนส่งผลรุนแรงถึงขั้นสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินทั้งในฝ่ายทหารและพลเรือน ยิ่งซ้ำเติมความรู้สึกสูญเสียในหมู่ประชาชน ส่งผลให้ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลตกลงอย่างเห็นได้ชัด และยังไม่ปรากฏแนวโน้มการฟื้นฟูในระยะใกล้