ศูนย์การเรียนรู้ฯ และ พม.เข้าจัดกิจกรรมให้เด็ก เยาวชนและกลุ่มเปราะบางในศูนย์พักพิงฯ จ.สระแก้ว

สระแก้ว – หน่วยงานด้านการจัดการด้านศึกษาและสังคม เข้าจัดกิจกรรมให้กับเด็กและเยาวชน ภายในศูนย์พักพิงชั่วคราวในพื้นที่ จ.สระแก้ว รวมทั้งจัดเก็บข้อมูล เตรียมแผนเก็บข้อมูลกลุ่มเปราะบาง เพื่อติดตามช่วยเหลือเยี่ยวยาหลังเดินทางกลับภูมิลำเนา เมื่อวันที่ 31 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพื้นที่ จ.สระแก้ว ได้จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวในพื้นที่อำเภอตอนใน สำหรับรองรับประชาชนและผู้อพยพที่มีบ้านเรือนอยู่ในพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา 4 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอตาพระยา โคกสูง อรัญประเทศ และคลองหาด ตั้่งแต่ช่วงค่ำวันที่ 24 ก.ค.เป็นต้นมา โดยมีการเคลื่อนย้ายเด็ก เยาวชน ผู้หญิง ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง จำนวนกว่า 3,000 คน เข้ามาพักอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด เข้าสู่วันที่ 7 แล้ว มีประชาชนบางส่วนเดินทางกลับภูมิลำเนา หลังประกาศหยุดยิง คงเหลือไว้เฉพาะเด็ก เยาวชน และกลุ่มเปราะบาง ที่รอคำสั่งยืนยันอย่างเป็นทางการจากฝ่ายความมั่นคงว่า ทุกพื้นที่ปลอดภัยจึงจะเดินทางกลับนั้น

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว อบต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว ซึ่งมีชาวบ้านและผู้อพยพที่เป็นเด็ก เยาวชน และกลุ่มเปราะบางเหลืออยู่ประมาณ 144 คน ได้มีทีมเจ้าหน้าที่จากศูนย์การเรียนรู้ประจำจังหวัดสระแก้ว (สกร.) ร่วมกับ สกร.ประจำอำเภอเมืองสระแก้ว สังกัดกรมส่งเสริมการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการ ได้เข้าจัดกิจกรรมให้กับเด็กและเยาวชน ภายในศูนย์พักพิง อบต.บ้านแก้ง ตั้งแต่ช่วงเช้า กิจกรรมวาดภาพ มีการจัดเลี้ยงอาหาร เด็ก กิจกรรมสันทนาการ กิจกรรมฝึกอาชีพสำหรับผู้สูงอายุ ส่วนศูนย์ประสานงานการบริหารกลุ่มเปราะบาง (ศบปภ.) จังหวัดสระแก้ว สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยมี น.ส.นฤมล พงษ์สุภาพ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และเจ้าหน้าที่ ได้เข้าจัดกิจกรรมให้กับเด็ก เยาวชน และกลุ่มเปราะบาง ในพื้นที่่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้วย

น.ส.นฤมล พงษ์สุภาพ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า กระทรวง พม.โดยนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีฯ ได้สั่งการให้จังหวัดที่ได้รับผลกระทบบริเวณแนวชายแดน จัดตั้งศูนย์ประสานงานการบริหารกลุ่มเปราะบางในพื้นที่จังหวัด ซึ่งที่ จ.สระแก้ว มีการตั้งศูนย์ฯเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ที่จะต้องได้รับการช่วยเหลือภายในศูนย์พักพิงฯ หลังจากนั้นเราจะตามไปช่วยเหลือและดูแลถึงที่บ้านด้วย โดยมีผู้บริหารศูนย์คือ พม.จังหวัด และคณะจะลงเยี่ยมบ้านของผู้ประสบภัยสงครามในนามของที่ One Home ลงเยี่ยมบ้านทุกหลัง

ผู้ช่วยปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวอีกว่า การลงพื้นที่บ้าน เจ้าหน้าที่จะแยกบริบทว่า ประสบปัญหาในเรื่องใด โดยแยกเป็นกลุ่ม ๆ และให้ความสำคัญกับผู้พิการก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นจะเป็น ผู้สูงอายุ และเด็ก ซึ่งส่วนใหญ่ของเราจะมีเงินฉุกเฉินที่สามารถช่วยเหลือได้ทันที หลังจากนั้นจะเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตในระยะยาวด้วย เพื่อให้สามารถอยู่ได้อย่างมั่นคง มีอาชีพ มีงานทำ มีรายได้ ให้สามารถเลี้ยงดูแลตัวเองได้ ซึ่งตัวเลขในพื้นที่ จ.สระแก้ว กลุ่มเปราะบางมีทั้งหมด 30,000 กว่าคน ส่วนที่ประสบกับภัยสงครามและต้องอพยพเข้ามาอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวมีประมาณ 3,000 กว่าราย และที่เจ้าหน้าที่คัดกรองแล้วว่า จะต้องเร่งเข้าไปเยี่ยมบ้านและให้ความช่วยเหลือ จำนวน 300 กว่าราย ซึ่งหลังยุบศูนย์พักพิงฯ จะต้องลงไปเยี่ยมรายบ้าน โดยมีสมุดพกรายครัวเรือนและดำเนินการเป็นราย ๆ ไป

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว อบต.บ้านแก้ง ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว ทางโรงสีข้าวเม้งฮวด และปั๊ม ปตท. PTT Station ปตท.ไอยวริญ ปิโตรเลียม ได้นำข้าวสาร จำนวน 1 ตัน หรือ 1,000 กก. มามอบให้กับศูนย์พักพิงชั่วคราว อบต.บ้านแก้ง ด้วย โดยนายไพโรจน์ เที่ยงธรรม นายก อบต.บ้านแก้ง กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ประสบภัยจากพื้นที่ชายแดน อ.ตาพระยา และ อ.โคกสูง พักอาศัยอยู่ที่ศูนย์ฯ จำนวน 144 คน ลดลงเหลือเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ เท่านั้น ซึ่งหากทางจังหวัดและหน่วยความมั่นคงยืนยันว่า พื้นที่ปลอดภัย ก็จะให้ชาวบ้านกลุ่มนี้กลับบ้านและ นำข้าวสาร น้ำดื่ม และสิ่งของที่ได้รับบริจาค นำมาจัดสรรให้กับชาวบ้าน นำกลับไปใช้ในชีวิตประจำวันต่อไปด้วย

——————————– ข่าว-ภาพโดย/ธนภัท กิจจาโกศล ,เด่นชัย วิสุทธิ์วุฒิพงษ์ ทีมข่าวสระแก้ว