S&P 500 Nasdaq ทำสถิติสูงสุดใหม่ ผลประกอบการ Alphabet ดีเกินคาดดัน
ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันพฤหัสบดี (24 ก.ค.68) ว่า S&P 500 ดัชนีตลาดหุ้นโดยรวมเพิ่มขึ้น 0.07% ปิดที่ 6,363.35 จุด และแนสแด็ก Nasdaq ซึ่งเน้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เพิ่มขึ้น 0.18% ปิดที่ 21,057.96 จุด ทั้งสองดัชนีปรับตัวลดลงอย่างมากเมื่อปิดตลาด ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ลดลง 316.38 จุด หรือ 0.70% ปิดที่ 44,693.91 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ซึ่งประกอบด้วยหุ้น 30 ตัว ได้รับผลกระทบจากราคาหุ้นของ IBM ที่ร่วงลงมากกว่า 7% หลังจากรายได้จากซอฟต์แวร์ในไตรมาสที่สองต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
ทั้งดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ต่างทำสถิติสูงสุดใหม่ในการซื้อขายระหว่างวันในช่วงก่อนหน้านี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวสูงขึ้น 1% ของหุ้นอัลฟาเบท (Alphabet) หลังจากที่บริษัทแม่ของ Google ประกาศผลประกอบการ และรายได้ในไตรมาสที่สองที่สูงกว่าคาด
“ด้วยขนาด และอิทธิพลของเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ และ [ปัญญาประดิษฐ์] ผมคิดว่าผลประกอบการของ Alphabet ถือเป็นแรงหนุนเล็กๆ ที่ดีสำหรับตลาดที่ยังคงตั้งคำถามอยู่ตลอดเวลาว่าการลงทุนด้าน AI ทั้งหมดจะมี [ผลตอบแทนจากการลงทุน] ที่แข็งแกร่งหรือไม่ หรือจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปหรือไม่” รอสส์ เมย์ฟิลด์ นักกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทบริการการเงิน Baird กล่าวกับ ซีเอ็นบีซี “อย่างน้อยในช่วงต้นฤดูกาลรายงานผลประกอบการ Alphabet ก็ได้ให้ข้อมูลที่ดีว่าคำตอบนั้นเป็นไปในเชิงบวก”
นอกจาก IBM จะร่วงลงแล้ว ราคาหุ้นของTesla ก็ร่วงลงแรง 8% หลังจากรายได้จากการขายรถยนต์ไฟฟ้าลดลงเป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน
นักลงทุนยังหันไปให้ความสนใจกับความขัดแย้งที่ยังคงดำเนินอยู่ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และธนาคารกลางสหรัฐ ทำเนียบขาวระบุว่า ทรัมป์จะเยือนเฟดในวันพฤหัสบดี เพื่อยกระดับการรณรงค์กดดันประธานเจอโรม พาวเวลล์
ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองทศวรรษที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะเดินทางเยือนธนาคารกลางอย่างเป็นทางการ
ตลาดปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันพุธ โดยได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้า โดยดัชนี S&P 500 ปิดตลาดทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นครั้งที่ 12 ของปี และดัชนี Nasdaq Composite ปิดเหนือ 21,000 จุดเป็นครั้งแรก
หุ้นยังได้รับแรงหนุนจากรายงานของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ ที่ระบุว่าสหรัฐ ใกล้บรรลุข้อตกลงการค้ากับสหภาพยุโรป ด้านบลูมเบิร์กก็ยืนยันความคืบหน้าดังกล่าว โดยอ้างอิงข้อมูลจากนักการทูตที่ได้รับข้อมูลสรุปเกี่ยวกับการเจรจา ข้อตกลงการค้านี้จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรปเป็น 15%
เมย์ฟิลด์ กล่าวว่า “หากรัฐบาลรู้สึกมั่นใจที่จะประกาศขึ้นภาษีในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 กับประเทศใดๆ ที่เรายังไม่มีข้อตกลง นั่นจะเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้นักลงทุนลดความเสี่ยง” เขากล่าวเสริม “ตลาดคาดหวังว่าปัญหานี้จะถูกแก้ไขในลักษณะที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตมากเกินไป”
พิสูจน์อักษร….สุรีย์ ศิลาวงษ์